
ผ่านไปสี่สัปดาห์แล้วนับตั้งแต่ที่ผู้ประกอบการของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ เริ่มปล่อยน้ำที่ผ่านการบำบัดและเจือจางแล้วลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
การปล่อยน้ำรอบแรกสิ้นสุดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่จีนยังคงระงับการนำเข้าอาหารทะเลทั้งหมดจากญี่ปุ่น
โรงไฟฟ้าแห่งนี้ประสบเหตุแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์หลอมละลายสามครั้งในตอนที่เกิดแผ่นดินไหวและสึนามิปี 2554 น้ำที่ใช้เพื่อหล่อเย็นแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่หลอมละลายผสมเข้ากับน้ำฝนและน้ำใต้ดินซึ่งซึมเข้าไปในอาคารครอบเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เสียหาย
น้ำที่สะสมไว้ผ่านการบำบัดเพื่อขจัดเอาสารกัมมันตรังสีส่วนใหญ่ออกไปแล้ว แต่ยังคงเหลือทริเทียมอยู่
ก่อนปล่อยน้ำบำบัดแล้วลงสู่มหาสมุทร ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าได้เจือจางเพื่อลดระดับของทริเทียมให้อยู่ที่ประมาณหนึ่งในเจ็ดของระดับที่กำหนดไว้เป็นแนวทางสำหรับน้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก
ผู้ประกอบการระบุว่าได้ปล่อยน้ำบำบัดแล้วไปเกือบ 8,000 ตัน ในช่วง 19 วันนับจนถึงวันจันทร์ที่ 11 กันยายน
เจ้าหน้าที่ของโรงไฟฟ้าและของรัฐบาลได้ทดสอบตัวอย่างน้ำทะเลจากหลายจุดบริเวณนอกชายฝั่งของโรงไฟฟ้า พวกเขาระบุว่าความเข้มข้นของทริเทียมจากจุดเก็บตัวอย่างทั้งหมดอยู่ต่ำกว่า 10 เบ็กเคอเรลต่อหนึ่งลิตรซึ่งเป็นระดับต่ำสุด หมายความว่าที่ผ่านมาแทบจะไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น การปล่อยน้ำได้ก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการประมง ซึ่งรวมถึงบริษัทแปรรูปอาหารทะเลในจังหวัดฮอกไกโด ทางเหนือของญี่ปุ่น
ซาวาดะ ฮิการุ ประธานของบริษัทนี้ระบุว่าหลัก ๆ แล้วไเป็นการส่งออกไปยังประเทศจีน โดยยอดขายต่อปีอยู่ที่เกือบ 7,000,000 ดอลลาร์ แต่ขณะนี้หอยโฮตาเตะที่ยังจำหน่ายไม่ได้ 50 ตันยังคงอยู่ในตู้แช่แข็ง และว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก เนื่องจากการเจรจาธุรกิจกับจีนถูกระงับไป
ขณะนี้กำลังมีความพยายามฟื้นฟูความต้องการซื้อสินค้าในต่างประเทศ โดยฮ่องกงยังคงนำเข้าผลิตภัณฑ์จากหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น แตกต่างจากจีนแผ่นดินใหญ่
ที่ผ่านมา บรรดาผู้ค้าปลีกของญี่ปุ่นได้เริ่มจัดงานเพื่อให้ลิ้มลองอาหารญี่ปุ่น และจำหน่ายหอยโฮตาเตะจากฮอกไกโดโดยเป็นความพยายามกระตุ้นยอดขาย