เมื่อความร้อนของฤดูร้อนมาเยือน สิ่งสำคัญคือคุณต้องเลือกรับประทานอาหารอย่างใส่ใจ เพื่อให้ร่างกายเย็นสบายและมีสุขภาพดี แม้ว่าผักจะเป็นส่วนสำคัญของอาหารที่สมดุลโดยทั่วไป แต่ผักบางชนิดอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดในช่วงอากาศร้อน ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะหรือหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิงในช่วงเดือนที่อากาศร้อนกว่า นี่คือผักบางชนิดที่คุณควรพิจารณาหลีกเลี่ยงในช่วงฤดูร้อน 7 กลุ่มผักฤทธิ์ร้อน เลี่ยงกินช่วงหน้าร้อน 1.ผักประเภทหัว ผักประเภทหัวมีเนื้อสัมผัสแน่นและมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่สามารถทำให้ร่างกายรู้สึกหนักและเพิ่มความร้อนเมื่อบริโภคในปริมาณมาก การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Food Science พบว่าผักประเภทหัว เช่น มันฝรั่ง มีความจุความร้อนและการนำความร้อนสูงกว่าผักที่มีเนื้อสัมผัสเบา เช่น ซูกินีและแตงกวา ซึ่งบ่งชี้ถึงศักยภาพในการผลิตความร้อนในร่างกายที่สูงขึ้นเมื่อบริโภค ตัวอย่างผักประเภทหัว ได้แก่ มันฝรั่ง แครอท บีทรูท ควรเลือกบริโภคผักที่มีเนื้อสัมผัสเบากว่า เช่น ซูกินี แตงกวา หรือผักใบเขียวแทน 2.หัวหอมและกระเทียม แม้ว่าหัวหอมและกระเทียมจะเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร แต่ก็สามารถสร้างความร้อนในร่างกายได้ ซึ่งอาจไม่เหมาะในช่วงฤดูร้อน ใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ หรือเลือกใช้ตัวเลือกที่อ่อนกว่า เช่น ต้นหอม หรือกระเทียม 3.ผักโขมและคะน้า ผักใบเขียวเหล่านี้อัดแน่นไปด้วยสารอาหาร แต่ก็อาจมีกรดออกซาลิกสูง ซึ่งอาจขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมและอาจมีส่วนทำให้เกิดนิ่วในไต ตามการศึกษาที่นำโดย University of Alabama at Birmingham บริโภคในปริมาณที่พอเหมาะและสมดุลกับผักใบเขียวอื่นๆ…

ภายหลังรัฐบาลไทยขยายการดำเนินการนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมได้ที่ “คลินิกทันตกรรมชุมชนอบอุ่น” ซึ่งเป็นคลินิกทันตกรรมเอกชนที่เข้าร่วมให้บริการภายใต้นโยบายดังกล่าว ผ่านความร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประชาชนเพียงแสดงบัตรประชาชนเพื่อขอรับบริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สิทธิประโยชน์ครอบคลุม 5 บริการ ได้แก่ ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน เคลือบหลุมร่องฟัน และเคลือบฟลูออไรด์ สามารถรับบริการได้ 3 ครั้งต่อปี หากครบแล้วสามารถรับบริการต่อได้ที่หน่วยบริการตามสิทธิ หรือโรงพยาบาลประจำอำเภอหรือจังหวัด ปัจจุบัน มีคลินิกเข้าร่วมให้บริการแล้วเกือบ 1,400 แห่ง และข้อมูลจาก สปสช. ยังชี้ว่ามีประชาชนใช้สิทธิบัตรทองทำฟันมากถึง 3.17 ล้านครั้งในปี 2566 จำนวนสูงเป็นอันดับที่ 7 ของจำนวนการเข้ารับบริการผู้ป่วยนอกทั้งหมด ทั้งนี้ มีกลุ่มอายุ 5-14 ปี เข้ารับบริการเกือบครึ่ง อยู่ที่ 1.5 ล้านครั้ง รองลงมาเป็นวัยแรงงานอายุ 15-59 ปี อยู่ที่ 1 ล้านครั้ง และกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 7.8 แสนครั้ง สะท้อนว่าทุกกลุ่มประชากรสามารถเข้าถึงบริการทันตกรรมภายใต้สิทธิบัตรทอง ความก้าวหน้านี้ แสดงความมุ่งมั่นของไทยในการทำ “ปฏิญญากรุงเทพ” ให้สำเร็จ ปฏิญญาปฏิญญากรุงเทพได้รับการรับรองโดยประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลก…