-
21 Best Personal Trainers in San Francisco
When outsiders think about San Francisco, they might think of spindly computer programmers and idealistic hippies. What they don’t realize is that those software developers are often nutrition experts and those hippies have been bouldering every day since they were 12. As the city known for its steep hills and tech focus, we are also…
-
รวมอาหารคู่กรณี อย่าเก็บไว้ใกล้กันเด็ดขาด
ด้วยราคาข้าวของที่แพงขึ้น ทำให้หลายคนอยากเก็บรักษาวัตถุดิบที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตหรือตลาดสดให้อยู่ได้นานที่สุด การที่เรารู้ว่าอาหาร ผักและผลไม้บางชนิดไม่ควรอยู่ใกล้กัน และต่อไปนี้คือคู่อาหารที่เป็นคู่กรณี ไม่ควรเก็บใกล้กันเพราะอาจทำให้เหี่ยว เน่าเสียเร็วขึ้น อาหารคู่กรณี ไม่ควรเก็บไว้ใกล้กัน 1.เนื้อสัตว์ดิบ กับผักผลไม้ การจัดระเบียบของในตู้เย็นอาจเป็นเรื่องชวนปวดหัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเนื้อสัตว์ดิบหรือสัตว์ปีกดิบ ยิ่งถ้าคุณพยายามแยกพวกมันออกจากอาหารชนิดอื่นๆ ด้วยแล้ว ยิ่งงงไปกันใหญ่ “เนื้อสัตว์ดิบหรือสัตว์ปีกดิบ ไม่ควรวางใกล้กับผักหรือผลไม้สดเด็ดขาด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนไปยังอาหารประเภทพร้อมรับประทาน 2.เห็ด กับ หัวหอม หรือ กระเทียม ด้วยความที่เห็ดจัดอยู่ในประเภทรา จึงทำให้เนื้อเห็ดมีรูพรุนมาก หมายความว่าเห็ดสามารถดูดซับกลิ่นจากอาหารใกล้เคียงได้ ถ้าคุณเก็บเห็ดไว้ใกล้กับหัวหอมหรือกระเทียม เห็ดของคุณจะมีรสชาติเหมือนหัวหอมและกระเทียม ดังนั้นเพื่อรสชาติที่ดีที่สุด แนะนำให้เก็บเห็ดในถุงกระดาษ 3.เครื่องเทศ รักษาความหอมอร่อย เก็บให้ถูกที่ อาจฟังดูเป็นเรื่องง่าย แต่หลายคนอาจเผลอเก็บของอื่นปะปนในตู้เครื่องเทศ ควรเก็บเครื่องเทศไว้ในตู้ที่เย็นและมืด โดยแยกออกจากของอื่น ไม่ควรเก็บเครื่องเทศไว้เหนือเตาอบ เพราะความร้อนจะลอยขึ้น ควรเก็บเครื่องเทศให้เย็นและแห้ง 4.ผลไม้สร้างก๊าซ กับผลไม้ไวต่อก๊าซ ผักและผลไม้จัดเป็นวัตถุดิบที่มีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้นการรู้จักวิธีการเก็บรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งานจึงเป็นเรื่องสำคัญ เคล็ดลับอย่างหนึ่งคือ การแยกประเภทของผลไม้ตามลักษณะการปล่อยก๊าซเอทิลีน ผลไม้บางชนิดอย่างอะโวคาโดและแอปเปิ้ล จะปล่อยก๊าซเอทิลีนออกมาดังนั้นคุณไม่ควรวางแอปเปิ้ลไว้ใกล้กับผักกาดหอม เพราะก๊าซเอทิลีนจะเร่งการสุกของผักผลไม้ที่อยู่ใกล้เคียง ผลไม้ปล่อยก๊าซเอทิลีน ก๊าซเอทิลีน เป็นฮอร์โมนพืชตามธรรมชาติที่มีหน้าที่เร่งการสุกของผลไม้ ผลไม้บางชนิดมีการผลิตก๊าซเอทิลีนมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น การรู้จักผลไม้ปล่อยก๊าซเอทิลีน…
-
รวมอาหารคู่กรณี อย่าเก็บไว้ใกล้กันเด็ดขาด
ด้วยราคาข้าวของที่แพงขึ้น ทำให้หลายคนอยากเก็บรักษาวัตถุดิบที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตหรือตลาดสดให้อยู่ได้นานที่สุด การที่เรารู้ว่าอาหาร ผักและผลไม้บางชนิดไม่ควรอยู่ใกล้กัน และต่อไปนี้คือคู่อาหารที่เป็นคู่กรณี ไม่ควรเก็บใกล้กันเพราะอาจทำให้เหี่ยว เน่าเสียเร็วขึ้น อาหารคู่กรณี ไม่ควรเก็บไว้ใกล้กัน 1.เนื้อสัตว์ดิบ กับผักผลไม้ การจัดระเบียบของในตู้เย็นอาจเป็นเรื่องชวนปวดหัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเนื้อสัตว์ดิบหรือสัตว์ปีกดิบ ยิ่งถ้าคุณพยายามแยกพวกมันออกจากอาหารชนิดอื่นๆ ด้วยแล้ว ยิ่งงงไปกันใหญ่ “เนื้อสัตว์ดิบหรือสัตว์ปีกดิบ ไม่ควรวางใกล้กับผักหรือผลไม้สดเด็ดขาด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนไปยังอาหารประเภทพร้อมรับประทาน 2.เห็ด กับ หัวหอม หรือ กระเทียม ด้วยความที่เห็ดจัดอยู่ในประเภทรา จึงทำให้เนื้อเห็ดมีรูพรุนมาก หมายความว่าเห็ดสามารถดูดซับกลิ่นจากอาหารใกล้เคียงได้ ถ้าคุณเก็บเห็ดไว้ใกล้กับหัวหอมหรือกระเทียม เห็ดของคุณจะมีรสชาติเหมือนหัวหอมและกระเทียม ดังนั้นเพื่อรสชาติที่ดีที่สุด แนะนำให้เก็บเห็ดในถุงกระดาษ 3.เครื่องเทศ รักษาความหอมอร่อย เก็บให้ถูกที่ อาจฟังดูเป็นเรื่องง่าย แต่หลายคนอาจเผลอเก็บของอื่นปะปนในตู้เครื่องเทศ ควรเก็บเครื่องเทศไว้ในตู้ที่เย็นและมืด โดยแยกออกจากของอื่น ไม่ควรเก็บเครื่องเทศไว้เหนือเตาอบ เพราะความร้อนจะลอยขึ้น ควรเก็บเครื่องเทศให้เย็นและแห้ง 4.ผลไม้สร้างก๊าซ กับผลไม้ไวต่อก๊าซ ผักและผลไม้จัดเป็นวัตถุดิบที่มีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้นการรู้จักวิธีการเก็บรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งานจึงเป็นเรื่องสำคัญ เคล็ดลับอย่างหนึ่งคือ การแยกประเภทของผลไม้ตามลักษณะการปล่อยก๊าซเอทิลีน ผลไม้บางชนิดอย่างอะโวคาโดและแอปเปิ้ล จะปล่อยก๊าซเอทิลีนออกมาดังนั้นคุณไม่ควรวางแอปเปิ้ลไว้ใกล้กับผักกาดหอม เพราะก๊าซเอทิลีนจะเร่งการสุกของผักผลไม้ที่อยู่ใกล้เคียง ผลไม้ปล่อยก๊าซเอทิลีน ก๊าซเอทิลีน เป็นฮอร์โมนพืชตามธรรมชาติที่มีหน้าที่เร่งการสุกของผลไม้ ผลไม้บางชนิดมีการผลิตก๊าซเอทิลีนมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น การรู้จักผลไม้ปล่อยก๊าซเอทิลีน…
-
YouTuber GaaSyy given suspended prison term for defaming celebrities
Internet personality and former lawmaker GaaSyy was sentenced to three years in prison, suspended for five years, by the Tokyo District Court on Thursday for defaming and intimidating celebrities in online videos. The 52-year-old GaaSyy, whose real name is Yoshikazu Higashitani, was on trial for having repeatedly defamed four people — including actor Go Ayano,…
-
ทำความรู้จัก ‘ภาวะตำแหน่งงานเฟ้อ’ กลยุทธ์ดึงดูดผู้สมัคร-รักษาพนักงานให้อยู่กับบริษัท
ปุณยนุช ศิริสวัสดิ์วัฒนา ในช่วงปีที่ผ่านมา ชื่อตำแหน่งงานในตลาดแรงงานไทยมีความเฟ้อขึ้นอย่างมาก โดยตำแหน่งที่ขึ้นต้นด้วย “ผู้อำนวยการ” เพิ่มขึ้นถึง 24% และตำแหน่งที่ขึ้นต้นด้วย “หัวหน้าแผนก” ที่มีประสบการณ์เพียง 2 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นถึง 16% ซึ่งชื่อตำแหน่งงานที่สูงเกินจริงเหล่านี้ถูกนำมาใช้ เพื่อช่วยดึงดูดผู้สมัครในตลาดและช่วยรักษาพนักงานให้อยู่กับบริษัท กลยุทธ์เหล่านี้ควรได้รับการทบทวนอย่างรอบคอบหากนำมาใช้ในการจ้างงานเนื่องจากอาจสร้างปัญหาให้กับทั้งบริษัทและพนักงานในภายหลังได้ สิ่งเหล่านี้เป็นหนึ่งในข้อสังเกตและข้อมูลเชิงลึกจากโรเบิร์ต วอลเทอร์ส ประเทศไทย เกี่ยวกับแนวโน้มภาวะตำแหน่งงานเฟ้อ ภาวะตำแหน่งงานเฟ้อ หมายถึง แนวทางปฏิบัติของบริษัทต่างๆ ในการนำเสนอตําแหน่งงานที่สูงเกินจริง ซึ่งอาจไม่สะท้อนถึงหน้าที่ความรับผิดชอบจริง ความอาวุโส หรือแม้แต่อัตราเงินเดือนที่แท้จริงของตําแหน่ง การใช้ชื่อตำแหน่งงานที่สูงเกินจริงเพื่อดึงดูดและรักษาพนักงาน ชื่อตำแหน่งงานและการเลื่อนตำแหน่งเป็นสิ่งที่พนักงานให้ความสำคัญ จากผลสํารวจความคิดเห็นทาง LinkedIn ที่จัดทําโดยโรเบิร์ต วอลเทอร์ส ประเทศไทย ในเดือนมกราคม 86% ของพนักงานยอมรับว่าตําแหน่งงานมีความสําคัญมากต่อการสมัครงาน และในบรรดาพนักงานรุ่นใหม่ 36% คาดหวังว่าจะได้รับการเลื่อนตําแหน่งภายใน 18 เดือนหลังจากทํางานในบริษัท เกือบครึ่งหนึ่ง (50%) ของบริษัทที่ทําการสํารวจได้ใช้กลยุทธ์ในการตั้งชื่อตำแหน่งสูงๆ เพื่อดึงดูดผู้สมัครงานซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี แต่มีเพียง 6% เท่านั้นที่ได้ใช้แนวทางที่คล้ายกันโดยไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สําคัญ อย่างไรก็ตาม 40% ของบริษัทที่ทําแบบสํารวจยังไม่เคยใช้แนวทางนี้ การใช้ชื่อตำแหน่งงานที่สูงเกินจริงเช่นนี้ไม่ได้สะท้อนถึงความอาวุโสในมุมมองของพนักงาน หากแต่เป็นบทบาทที่เกี่ยวข้อง เช่น การบริหารทีม (56%) และความสำคัญในหน้าที่ (39%) ต่างหากที่เป็นปัจจัยสําคัญที่บ่งบอกถึงความอาวุโส ในทางตรงกันข้าม มีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ (6%) เท่านั้นที่คิดว่าตําแหน่ง C-Suite/ หรือขึ้นต้นด้วยคำว่า Head-of ที่บ่งบอกถึงความอาวุโสอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าการได้รับชื่อตําแหน่งงานที่สูงเกินจริงอาจเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่การเป็นผู้นําทีมและความสําคัญของบทบาทนั้นมีน้ําหนักในการกําหนดความอาวุโสมากกว่าตําแหน่ง ปุณยนุช ศิริสวัสดิ์วัฒนา…
-
ทำความรู้จัก ‘ภาวะตำแหน่งงานเฟ้อ’ กลยุทธ์ดึงดูดผู้สมัคร-รักษาพนักงานให้อยู่กับบริษัท
ปุณยนุช ศิริสวัสดิ์วัฒนา ในช่วงปีที่ผ่านมา ชื่อตำแหน่งงานในตลาดแรงงานไทยมีความเฟ้อขึ้นอย่างมาก โดยตำแหน่งที่ขึ้นต้นด้วย “ผู้อำนวยการ” เพิ่มขึ้นถึง 24% และตำแหน่งที่ขึ้นต้นด้วย “หัวหน้าแผนก” ที่มีประสบการณ์เพียง 2 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นถึง 16% ซึ่งชื่อตำแหน่งงานที่สูงเกินจริงเหล่านี้ถูกนำมาใช้ เพื่อช่วยดึงดูดผู้สมัครในตลาดและช่วยรักษาพนักงานให้อยู่กับบริษัท กลยุทธ์เหล่านี้ควรได้รับการทบทวนอย่างรอบคอบหากนำมาใช้ในการจ้างงานเนื่องจากอาจสร้างปัญหาให้กับทั้งบริษัทและพนักงานในภายหลังได้ สิ่งเหล่านี้เป็นหนึ่งในข้อสังเกตและข้อมูลเชิงลึกจากโรเบิร์ต วอลเทอร์ส ประเทศไทย เกี่ยวกับแนวโน้มภาวะตำแหน่งงานเฟ้อ ภาวะตำแหน่งงานเฟ้อ หมายถึง แนวทางปฏิบัติของบริษัทต่างๆ ในการนำเสนอตําแหน่งงานที่สูงเกินจริง ซึ่งอาจไม่สะท้อนถึงหน้าที่ความรับผิดชอบจริง ความอาวุโส หรือแม้แต่อัตราเงินเดือนที่แท้จริงของตําแหน่ง การใช้ชื่อตำแหน่งงานที่สูงเกินจริงเพื่อดึงดูดและรักษาพนักงาน ชื่อตำแหน่งงานและการเลื่อนตำแหน่งเป็นสิ่งที่พนักงานให้ความสำคัญ จากผลสํารวจความคิดเห็นทาง LinkedIn ที่จัดทําโดยโรเบิร์ต วอลเทอร์ส ประเทศไทย ในเดือนมกราคม 86% ของพนักงานยอมรับว่าตําแหน่งงานมีความสําคัญมากต่อการสมัครงาน และในบรรดาพนักงานรุ่นใหม่ 36% คาดหวังว่าจะได้รับการเลื่อนตําแหน่งภายใน 18 เดือนหลังจากทํางานในบริษัท เกือบครึ่งหนึ่ง (50%) ของบริษัทที่ทําการสํารวจได้ใช้กลยุทธ์ในการตั้งชื่อตำแหน่งสูงๆ เพื่อดึงดูดผู้สมัครงานซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี แต่มีเพียง 6% เท่านั้นที่ได้ใช้แนวทางที่คล้ายกันโดยไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สําคัญ อย่างไรก็ตาม 40% ของบริษัทที่ทําแบบสํารวจยังไม่เคยใช้แนวทางนี้ การใช้ชื่อตำแหน่งงานที่สูงเกินจริงเช่นนี้ไม่ได้สะท้อนถึงความอาวุโสในมุมมองของพนักงาน หากแต่เป็นบทบาทที่เกี่ยวข้อง เช่น การบริหารทีม (56%) และความสำคัญในหน้าที่ (39%) ต่างหากที่เป็นปัจจัยสําคัญที่บ่งบอกถึงความอาวุโส ในทางตรงกันข้าม มีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ (6%) เท่านั้นที่คิดว่าตําแหน่ง C-Suite/ หรือขึ้นต้นด้วยคำว่า Head-of ที่บ่งบอกถึงความอาวุโสอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าการได้รับชื่อตําแหน่งงานที่สูงเกินจริงอาจเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่การเป็นผู้นําทีมและความสําคัญของบทบาทนั้นมีน้ําหนักในการกําหนดความอาวุโสมากกว่าตําแหน่ง ปุณยนุช ศิริสวัสดิ์วัฒนา…
-
AI supercharges threat of disinformation in a big year for elections globally
LONDON — Artificial intelligence is supercharging the threat of election disinformation worldwide, making it easy for anyone with a smartphone and a devious imagination to create fake – but convincing – content aimed at fooling voters. It marks a quantum leap from a few years ago, when creating phony photos, videos or audio clips required…
-
Malpraxis Premiere New Single & Music Video
Malpraxis Premiere New Single & Music Video “Organic Transcendence To Visceral Life” Cluj-Napoca, Romania-based brutal death metal duo Malpraxis premiere a new single and music video by the name of “Organic Transcendence To Visceral Life”, streaming via YouTube for you now below.
-
Election disinformation takes a big leap with AI being used to deceive worldwide
LONDON (AP) — Artificial intelligence is supercharging the threat of election disinformation worldwide, making it easy for anyone with a smartphone and a devious imagination to create fake – but convincing – content aimed at fooling voters. It marks a quantum leap from a few years ago, when creating phony photos, videos or audio clips…
-
อย.ห่วงใยสุขภาพ แนะผู้บริโภคลดอาหารหวาน มัน เค็ม
โดยเฉพาะอาหารเค็มเลี่ยงได้ควรเลี่ยง เพื่อลดเสี่ยงการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคความดันโลหิตสูง และโรคไต เน้นให้เลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice)” ภก.เลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้วันพฤหัสบดีที่สองของเดือนมีนาคมของทุกปีเป็นวันไตโลก (World Kidney Day) เพื่อให้คนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของไตต่อสุขภาพองค์รวม และมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไต รวมถึงป้องกันการเกิดโรคไตได้อย่างเหมาะสม โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 14 มีนาคม 2567 โดยสถานการณ์ของโรคไตเรื้อรังในประชากรไทยนับเป็นปัญหาสาธารณสุขและมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก โดยอาหารที่ หวาน มัน เค็มสูง เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อภาวะสุขภาพ จึงขอให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญและอันตรายจากโรคไต โดยแนะนำให้ผู้บริโภคหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารอย่างเหมาะสม ลดหวาน มัน เค็ม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือโรค NCDs (Non-communicable diseases) เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะไตวายเรื้อรัง หัวใจและหลอดเลือด ที่สำคัญก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร ให้มองหาสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice)”…