อันนี้โกรธเขาจริงๆ เหรอ ? เบนซ์ ปุณยาพร : โกรธจริงๆ คือเหวี่ยงจริงเลย อันนี้ยอมรับจริง สติแตกเลยวันนั้น ด้วยละครเรื่องนี้นะคะ เบนซ์พูดจริงๆ ว่า 1.มันเหมือนแบบอารมณ์ถ่ายหนัก แล้วซีนอารมณ์มันเยอะ ร้อนด้วย เครียดด้วย วันนึงร้องไห้ 30 ซีน เบนซ์ร้องไป 30 ซีน ต่อวัน มันเหมือนกับอารมณ์มันขึ้นวันนั้น เลยเรียกประชุม ดิฉันเหมือนเป็นผู้จัดฯ เรียกเอง ปกติการประชุม ต้องเป็นของผู้จัดกองละคร ? เบนซ์ ปุณยาพร : เรียกเลยค่ะ! เรียกผู้จัดมาด้วยค่ะ! บอกว่าพี่ทำแบบนี้หนูไม่ไหวจริงๆ ไปคุยกันก่อนว่าจะเอาตรงไหน เซตฉากให้อย่างไร อะไรแบบไหน แต่ด้วยความที่ เขาก็อธิบายเหตุผลในส่วนของเขา เราก็อธิบายในส่วนของเรา แต่เบนซ์ มีความรู้สึกว่า พอสุดท้ายแล้วจริงๆ เราต้องคุยกัน แล้วการทำงาน มันก็ต้องมีกันบ้างแหละที่ต้องตีกัน พอหลังจากนั้นที่ได้พูดคุย เขาก็โอเค เขาก็จัดเรียงซีนมาโอเคเลย หลังจากนั้น อ้อนแฟนๆ รายการดูละคร…

สนามข่าว 7 สี – เมื่อวานนี้มีภาพบรรยากาศของเหล่านักการเมือง กับการมูเตลูกันอยู่หลายคน ที่น่าจะถูกจับตามากที่สุด ก็น่าจะเป็นท่านายกฯ เศรษฐา ที่ไปพร้อมกับรถใหม่ป้ายแดง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในรถ ที่สายมูต้องร้องว้าวกันเลยทีเดียว ส่องรถประจำตำแหน่ง – สิ่งศักดิ์สิทธิ์ นายกฯ เศรษฐาที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นรถยนต์ยี่ห้อ Lexus LM350h Executive หมายเลขทะเบียน ถ-6506 ซึ่งเป็นรถส่วนตัวของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นรถที่ลูกสาวซื้อให้ โดยสั่งจองไว้นานแล้ว แต่ที่ถูกจับตามากไปกว่ารถคันนี้ ก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บริเวณหน้าคอนโซลของรถ คือ พระสมเด็จวัดบวร ที่ด้านหลังเป็นหลวงพ่อโต ซึ่งเป็นพระประธานองค์ใหญ่ของวัดบวรนิเวศวิหาร และยังมีสายสิญจน์ ลูกประคำครูบาบุญชุ่ม พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งล้านนา แต่คุณเศรษฐาฯ บอกว่าจริง ๆ แล้วทั้งสองอย่างเป็นของคนขับรถประจำตัว ที่ได้มาตอนไปลงพื้นที่หาเสียง ซึ่งย้ายมาจากรถคันเก่าที่ใช้ แต่พอดีรถที่ลูกสาวสั่งจองไว้ให้ ได้รับในช่วงที่ได้รับตำแหน่งพอดี จากรถที่ซื้อเป็นของขวัญให้พ่อ กลายเป็นรถของนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย ก็เลยถือเอาเป็นฤกษ์งามยามดีในการนำออกมาใช้ ในวันที่เข้าถวายสัตย์ พร้อมกับย้ายพระสมเด็จฯ และลูกประคำครูบาบุญชุ่ม มาไว้คุ้มครองด้วย เปิดคุณสมบัติรถนายกฯ…

ระวังเลี้ยงหมาไม่ดี มีโทษตามกฎหมาย  ในช่วงที่ผ่านมา เรามักจะได้ยินข่าวว่า สุนัขไปกัดเด็กบ้าง ไปกัดสัตว์เลี้ยงคนอื่นบ้าง หรือแม้แต่ไปสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนบ้านบ้าง ในวันนี้…กองปราบจึงขอแนะนำข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่เลี้ยงสุนัข ในกรณีที่สุนัขไปสร้างเรื่องดังต่อไปนี้ โดยเจ้าของสุนัขอาจจะมีโทษตามกฎหมายทั้งในทางแพ่ง และอาญาด้วย1. การปล่อยหมาไปกัดคนอื่นมีความผิดตามกฎหายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 โดยเจ้าของสุนัขจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่คนที่ถูกสุนัขกัด เนื่องจากการเลี้ยงสุนัขแบบปล่อยปะละเลย ไม่ใช้ความระมัดระวังอันสมควรในการเลี้ยงดู ปล่อยให้สุนัขไปสร้างความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินของผู้อื่น ถือเป็นการกระทำประมาทของเจ้าของสุนัข ดังนั้นเจ้าของจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น2. ปล่อยหมาไปวิ่งตัดหน้ารถบนท้องถนนตาม พรบ.จราจรทางบกฯ มาตรา 111 ได้วางหลักไว้ว่า ห้ามมิให้เจ้าของสัตว์ ปล่อยสัตว์ไปบนทาง อันที่เป็นการกีดขวางการจราจร ตามกฎหมายนี้ เจ้าของสุนัขมีหน้าที่ควบคุมสัตว์ไม่ให้ไปกีดขวางการจราจร หากสุนัขวิ่งตัดหน้ารถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ในระยะกระชั้นชิด จนทำให้รถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ของผู้อื่นเสียหาย ดังนั้นเจ้าของสุนัขอาจต้องร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิด เนื่องจากอุบัติเหตุนั้นเกิดจากความประมาทเลินเล่อของเจ้าของสุนัขจที่ไม่ใช้ความระมัดระวังตามสมควรในการควบคุมดูแลสุนัข3. ปล่อยหมาไปกัดสัตว์เลี้ยงของผู้อื่นกรณีนี้เจ้าของอาจทั้งติดคุกและเสียเงิน เนื่องจากกฎหมายอาญา มาตรา 377 วางหลักไว้ว่า ผู้ใดควบคุมสัตว์ดุร้าย (ในที่นี้หมายความรวมถึงสุนัข) ปล่อยปะละเลยให้สัตว์นั้นอยู่ลำพัง ในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และหากสุนัขที่เลี้ยงไว้ไปกัดสัตว์เลี้ยงผู้อื่น เจ้าของสุนัขต้องรับผิดชอบความในเสียหายที่เกิดจากการกระทำของสุนัข ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ด้วย4. ปล่อยหมาให้ก่อความรำคาญเพื่อนบ้านมีข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยเรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสุนัขฯ โดยวางหลักการไว้ เพื่อให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงสุนัขโดยไม่ให้ไปก่อความรำคาญ เห่าหอน หรือขับถ่ายไม่เป็นที่จนเป็นที่เดือนร้อนผู้อื่น หากฝ่าฝืนก็จะมีความผิดตามกฎหมายด้วยด้วยความห่วงใย..กองปราบขอให้ผู้เลี้ยงสุนัขทุกท่าน ตระหนักถึงความสำคัญของการเลี้ยงสุนัข การเลี้ยงสุนัขนั้นไม่ใช่แค่การดูแลรับผิดชอบชีวิตของสุนัขที่ท่านเลี้ยงเท่านั้น…

เช้าข่าว 7 สี – ปกติเรามักเห็นคนบอกต้องหลีกทางให้รถพยาบาลก่อนเสมอ และไม่ควรขับตามรถพยาบาล แต่กลับมีรถเก๋ง ตีเนียน ขับตามรถพยาบาลที่กำลังเร่งส่งตัวผู้ป่วยไปโรงพยาบาล จนเกิดกระแสวิจารณ์ในโลกออนไลน์ ตอนแรก รถเก๋งคันสีฟ้า อยู่เลนซ้ายมือ ดูแล้วก็ตั้งใจหลบให้รถพยาบาลไปก่อน แล้วก็เปลี่ยนมาอยู่เลนกลางทันที ตอนแรกเหมือนจะขับตามปกติ เหมือนจะทิ้งระยะห่าง แต่ไม่ใช่เลย พอเห็นว่ารถพยาบาลขับห่างออกไป ก็รีบเร่งเครื่องขึ้นมาจี้ทันที จนอดคิดไม่ได้ ว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นญาติคนไข้ จึงเร่งขับตามให้ทัน แต่ปรากฎว่า พอรถพยาบาลเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล รถคันดังกล่าวกลับขับออกไปอีกทางเสียอย่างนั้น ทีมข่าวสอบถามคนขับรถพยาบาล บอกว่า บนรถพยาบาลมีญาติคนไข้อยู่ด้วย และยืนยันว่ารถเก๋งที่ขับตามมาในระยะประชิด ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนรู้จักกัน และไม่เข้าใจว่าทำไมขับรถแบบนี้ เพราะเสี่ยงให้เกิดอันตรายบนท้องถนน ซึ่งสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ มีแนวทางการหลีกทางให้รถพยาบาลฉุกเฉินที่สากลปฏิบัติไว้ 6 ข้อ แต่มีข้อ 5 ที่ระบุชัดว่าเมื่อรถพยาบาลฉุกเฉิน วิ่งผ่านไปแล้วห้ามขับตามเด็ดขาด รวมถึง กฎหมายจราจรทางบก ก็ยังระบุด้วยว่า ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ตามหลังรถฉุกเฉิน อย่างน้อยในระยะ 50 เมตร ก็ต้องบอกว่า อย่าหาทำเลียนแบบ ตีเนียนเหมือนที่รถคันนี้ทำเด็ดขาด เพราะถ้าตำรวจเจอ ถูกจับปรับแน่นอน

“ผู้ใหญ่ลี ศรีบานเย็น EP.23” ในที่สุดด้วยจิตวิญญาณความเป็นผู้นำ และความผูกพันกับชาวศรีบานเย็น ก็ดึงดูดให้ “รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น” ต้องหวนคืนสู่แผ่นดินเกิดอีกครั้ง ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ก็มาพร้อมกับภารกิจอันใหญ่ยิ่ง เมื่อต้องจับมือกับ “จี๋ สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร” และ “ญดา นริลญา กุลมงคลเพชร” ต่อสู่กับผู้มีอิทธิพลที่แฝงมาในคราบคนดี ที่ใช้การนำความเจริญของหมู่บ้าน มาเป็นเหยื่อล่อให้ชาวบ้านหลงเชื่อ ผู้ใหญ่ลี ศรีบานเย็น EP.23 โดย EP.23 นี้ ลีน่า (รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น) ตัดสินใจกลับหมู่บ้านศรีบานเย็น พร้อมนำหลักฐานสำคัญมาเปิดโปงความชั่วร้ายของ ส.ส.อำนาจ โดยเริ่มจากการปรับความเข้าใจกับ ข้าวใหม่ (ญดา นริลญา) น้องสาวของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ช่วยกันคิดหาวิธีคัดค้านโครงการ smart city เพราะเชื่อว่า ส.ส.อำนาจ น่าจะมีแผนการบางอย่างแอบแฝงในโครงการนี้ ขณะที่ แบงค์ (จี๋ สุทธิรักษ์) ก็เดินหน้าแนะนำโครงการให้ชาวบ้านเห็นถึงประโยชน์ และความเจริญที่จะมาสู่ชุมชนจากโครงการ ลีน่า จึงเป็นแกนนำชาวบ้านออกมาประท้วงคัดค้านการสร้างศรีบานเย็นมอลล์ทับที่ศาลเจ้าแม่ศรีบานเย็น แบงค์ จึงเสนอทางออกด้วยการดีเบตและให้ชาวบ้านโหวตว่าเห็นด้วยกับใครมากกว่ากัน  แต่สุดท้ายแล้วการคัดค้านของอดีตผู้ใหญ่บ้านอย่าง…