ยอดขายรถอีวีกระหึ่ม!ส่งผลให้กำไรสุทธิ BYD ครึ่งแรกปีนี้พุ่งพรวด 3 เท่าตัว


(ภาพจากแฟ้ม) ฟาน จี้หาน (Fan Jihan) รองผู้อำนวยการด้านการออกแบบภายนอก ของศูนย์ดีไซน์ระดับโลก บีวายดี กล่าวแนะนำรถยนต์อีวีรุ่นใหม่ๆ ของบีวายดี ที่งานนิทรรศการอุตสาหกรรมรถยนต์ระหว่างประเทศเซี่ยงไฮ้ครั้งที่ 20 ในเมืองเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา
บีวายดี (BYD) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ชั้นนำของจีน เผยความต้องการอีวีที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ ดันกำไรสุทธิช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าตัว

ในรายงานแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อวันจันทร์ (28 ส.ค.) บีวายดีระบุว่า ผลกำไรสุทธิในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายนปีนี้อยู่ที่ 10,950 ล้านหยวน (1,500 ล้านดอลลาร์) สูงขึ้นเกือบๆ 205% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และสอดคล้องกับการประเมินของบริษัทซึ่งกระทำในเดือนที่ผ่านมาว่า กำไรสุทธิน่าจะอยู่ระหว่าง 10,500-11,700 ล้านหยวน

ขณะที่ยอดขายช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว พุ่งขึ้น 73% อยู่ที่ 260,100 ล้านหยวน

ทั้งนี้ ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวีเพิ่มขึ้นอย่างมากในจีน ซึ่งยังคงมีฐานะเป็นประเทศผู้ก่อมลพิษในอากาศด้วยการเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ที่สุดของโลก

บีวายดี ที่มีวอร์เรน บัฟเฟตต์ อภิมหาเศรษฐีนักลงทุนระดับตำนานชาวอเมริกัน เป็นหนึ่งในนักลงทุนด้วยนั้น ต้องการให้ยอดขายส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากอีวีและรถยนต์ไฮบริดภายในปี 2035

ขณะที่มาตรการอุดหนุนอีวีของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะจีน เพื่อช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม มีส่วนอย่างสำคัญในการส่งเสริมให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งทะยานในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา โดยที่พวกผู้ผลิตสัญชาติจีนซึ่งมีการแข่งขันกันอย่างคึกคัก ก็ช่วยกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้อีกแรง

บีวายดี ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ค่ายรถจีนแสวงหาประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงสู่รถไฟฟ้าอัจฉริยะที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ และผงาดขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งในตลาดที่ต่อสู้อย่างดุเดือดนี้ และสำทับว่า บีวายดีเป็นบริษัทรถจีนที่มียอดขายรถยนต์นั่งสูงสุด

จากรากฐานที่เป็นบริษัทเชี่ยวชาญในการออกแบบและผลิตแบตเตอรี่ที่เป็นที่ต้องการของพวกบริษัทรถต่างชาติ ซึ่งก็รวมถึงเทสลา บีเอ็มดับเบิลยู เมอร์เซเดส และอาวดี้ ในปี 2003 บีวายดีก็ขยับขยายเข้าสู่ภาคยานยนต์

เดือนนี้บีวายดีกลายเป็นผู้ผลิตระดับโลกแห่งแรกที่มีกำลังการผลิตทะลุ 5 ล้านคัน และประกาศตนเองเป็น “ผู้ผลิตยานยนต์พลังงานใหม่และแบตเตอรี่ชั้นนำของโลก”

นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจุบันจีนเป็นผู้นำโลกในการพัฒนารถไฟฟ้า หลังจากเริ่มลงทุนอย่างมโหฬารในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2000

หน่วยงานของรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นของจีนทุ่มงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ในรูปมาตรการจูงใจและการลดหย่อนภาษี ตลอดทั้งมอบหมายให้ระบบขนส่งสาธารณะทำสัญญากับบริษัทอีวี

บีวายดี ที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเซินเจิ้น ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นฮับเทคโนโลยีแห่งหนึ่งของจีน ยุติการผลิตรถยนต์ใช้น้ำมันเมื่อปีที่แล้ว และขณะนี้กำลังเผชิญการแข่งขันรุนแรงกับแบรนด์ท้องถิ่นที่รวมถึง เสี่ยวเผิง นีโอ และจีลี่

ภายใต้ความกดดันอย่างรุนแรงในการแข่งขันกันเอง ผู้ผลิตรถจีนจึงเปิดสงครามราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่สับสนอลหม่านภายหลังวิกฤตโรคระบาด

กระนั้นในเดือนกรกฎาคม บีวายดียังคงเป็นผู้จำหน่ายอีวีใหญ่ที่สุดในจีนด้วยยอดขายราว 262,000 คัน

เอกสารที่แจ้งต่อตลาดหุ้นสำทับว่า จากข้อมูลของสมาคมยานยนต์จีน ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ของบีวายดียังคงขยายตัวจนเท่ากับ 33.5% แล้ว หรือเพิ่มขึ้นอีก 6.5% เทียบกับปี 2022 ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ รวมทั้งเป็นที่ 1 ในแง่ยอดขายทั่วโลก

และจากข้อมูลของสหพันธ์ผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีน เทสลา ซึ่งเป็นคู่แข่งหลักของบีวายดี ทำยอดขายทั่วโลกราว 64,000 คันในช่วงเวลาเดียวกัน

นอกจากนี้บีวายดียังแซงหน้าโฟล์คสวาเกนขึ้นเป็นแบรนด์รถที่ขายดีที่สุดในจีน

(ที่มา: เอเอฟพี)


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *