เจฟ ซาเตอร์ จะมารับบทนำใน Project D ของ GDH ร่วมกับ อิงฟ้า วราหะ ซึ่งมีกำหนดเปิดกล้องปลายปีนี้


GDH ออกมาอัปเดตความคืบหน้าของ Project D (Working Title) หนึ่งในโปรเจกต์ภาพยนตร์ชิ้นใหม่ของ GDH ผลงานของผู้กำกับ บอส-นฤเบศ กูโน ว่าจะกลับมาเริ่มกระบวนการทำงานอีกครั้ง หลังต้องระงับการทำงานไปชั่วคราว โดยมีความเปลี่ยนแปลงลิสของนักแสดงซึ่งครั้งนี้ได้ เจฟ ซาเตอร์ (Jeff Satur) ศิลปินและนักแสดงมากความสามารถมารับบทนำคู่กับ อิงฟ้า วราหะ

“บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด ขอประกาศอัปเดตความคืบหน้าของภาพยนตร์ โปรเจกต์ D (Working Title) ซึ่งทางบริษัทมีเหตุจำเป็นต้องระงับการถ่ายทำไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากความไม่ลงตัวของระยะเวลาในการเตรียมงาน

“ซึ่งทางบริษัทฯ ผู้กำกับภาพยนตร์ และทีมงานที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์นี้ ได้ใช้เวลาในช่วงที่ผ่านมาในการแก้ไขปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ ของบทภาพยนตร์จนสมบูรณ์เรียบร้อย ทางบริษัทฯ จึงขอแจ้งให้แฟน ๆ ทราบว่า ขณะนี้ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวกำลังจะเข้าสู่กระบวนการเตรียมงานก่อนการถ่ายทำจริงแล้ว โดยทีมนักแสดงหลักทั้ง 5 ท่าน ได้แก่ เจฟ ซาเตอร์, อิงฟ้า วราหะ, พงศกร เมตตาริกานนท์, หฤษฎ์ บัวย้อย และ สีดา พัวพิมล จะเริ่มทำการเวิร์กช็อปร่วมกัน เพื่อให้พร้อมสำหรับการเปิดกล้องที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้

“ทางบริษัทฯ ขอขอบคุณแฟนๆ ที่ให้ความสนใจรอชมภาพยนตร์เรื่องนี้ และให้การสนับสนุนที่ดีเสมอมา”

สำหรับ Project D ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน GDH Line Up 2023 นำแสดงโดย พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร แต่เนื่องด้วยระยะเวลาในการเตรียมงาน รวมถึงสถานที่ที่ไม่ลงตัว ทำให้ต้องระงับการถ่ายทำไปชั่วคราว ขณะที่แฟนคลับเองก็แอบเสียดายที่จะไม่ได้เห็นฝีมือการแสดงภาพยนตร์ของ พีพี แต่ก็เคารพการตัดสินใจของทุกฝ่าย

ทางด้าน เจฟ ซาเตอร์ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้แล้วว่า เป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมงานกับทาง GDH และนักแสดงทุกคนในเรื่อง ส่วนตัวเขารู้สึกว่าเป็นงานที่ท้าทายมาก รวมถึงประเด็นหลักของเรื่องที่จะพูดถึงก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจทีเดียว

“จริงๆ เราคุยกันมาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว พอได้เห็นตัวบทก็รู้สึกว่ามันท้าทายมาก หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปแคสต์กับพี่บอสผู้กำกับ ความน่าสนใจของตัวบทคือ มีการพูดถึงประเด็นที่น่าสนใจมาก ๆ ซึ่งเกี่ยวกับ LGBT ด้วย แล้วมันเป็นประเด็นที่ผมพูดมาตลอด เรารู้สึกว่าก็ดีนะถ้าเราจะได้เป็นตัวแทนในการพูดถึงเรื่องนี้แทนคนที่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้ รวมถึงไดนามิกของเรื่องมันค่อย ๆ ไล่ไปจนถึงจุดที่มันไม่น่าจะไปถึงได้

“ตอนแรกผมก็รู้สึกกังวลว่าผมเหมาะหรือเปล่า ซึ่งผู้ใหญ่บอกว่าจากการได้ดูวิดีโอแคสต์ก็รู้สึกว่านี่เป็นเวอร์ชั่นที่เขาอยากจะเห็นในหนังเรื่องนี้ ตอนแรกที่ผมกังวลเพราะตัวบทมันท้าทายมาก แล้วผมอาจจะมีเวลาเตรียมตัวไม่ได้เยอะขนาดนั้น แล้วการที่จะต้องทรานส์ฟอร์มตัวเองไปเป็นคนอื่นมันก็ยาก การทำงานเพลงมันคือการเป็นตัวเรา แต่งานหนังมันเป็นการทิ้งตัวเราแล้วไปเป็นคนอื่น

“ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันกดดันอะไรในเรื่องนี้ แต่ถ้าจะกดดันผมกดดันกับเรื่องบทมากกว่า ในฐานะเป็นนักแสดงสิ่งที่ต้องทำการบ้านจริง ๆ คือตัวบท แล้วเราจะไปเป็นคนคนนั้นในหนังเรื่องนี้ได้ยังไง”

เจฟ ยังบอกอีกว่า คาแร็กเตอร์ในเรื่องนี้ถือว่าเป็นที่สุดของการทรานส์ฟอร์มตัวเอง เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่แฟน ๆ ได้เห็นเขาในลุคผิวดำและต้องโกนหัว ซึ่งเขามองว่าหากจะต้องไปเป็นคนอื่น ก็ต้องทิ้งตัวตนของตัวเองไว้ที่หน้าเซ็ตแล้วเข้าไปในโลกของตัวละครนั้นจริง ๆ ต้องรอดูว่าฝีมือการแสดงของเขาจะออกมาเป็นยังไง แต่ที่แน่ ๆ เจฟ ก็ทุ่มสุดตัวเลยทีเดียว

ภาพ : Wayfer Records


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *