สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ – ตำรวจจับแล้ว 2 ผู้ต้องหา ฆาตกรรมนักธุรกิจสัญชาติไต้หวัน พร้อมออกหมายจับหัวหน้าขบวนการอีก 1 คน ส่วนสาเหตุตำรวจยังให้น้ำหนักไปที่การชิงทรัพย์
ตำรวจนครบาลบางนา ควบคุมตัว นายจอห์น ชาวแคเมอรูน อายุ 40 ปี และนายแซวอ หรือ เจนซี่ ชายชาวเมียนมา อายุ 21 ปี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรม นายชู อายุ 47 ปี นักธุรกิจสัญชาติไต้หวัน ภายในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่ง ในซอยอุดมสุข 17 ถนนสุขุมวิท 103 แขวงและเขตบางนา กรุงเทพฯ มาเค้นสอบเครียด พร้อมทั้งเรียกภรรยานายจอห์น มาสอบปากคำในฐานะพยานด้วย
จากนั้นช่วงประมาณเที่ยง ชุดสืบสวนก็ได้นำตัว นายจอห์น และภรรยาของนายจอห์น ออกจาก สน.บางนา ไปอย่างเร่งรีบ ไปตรวจค้นห้องพักของนายจอห์น เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยตำรวจสามารถตรวจยึดเสื้อผ้าที่นายจอห์นสวมใส่ในวันที่เกิดเหตุ ก่อนเดินทางกลับมาในช่วงบ่าย
และช่วงประมาณ 16.00 น. ตำรวจได้พาตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มาเก็บลายนิ้วมือ และตรวจ DNA ก่อนพาตัวไปสอบสวนอีกครั้ง ซึ่งทั้ง 2 คน สีหน้าเคร่งเครียด และไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ ของสื่อมวลชน
จากการสอบปากคำ นายแซวอ ให้การว่าได้สมัครงานเป็นคนสอดแนม สะกดรอย ถ่ายรูปผ่านทางออนไลน์ ก่อนจะนัดพบกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้าฝั่งธนบุรี ได้รับข้อมูลว่าเป้าหมายเป็นชายชาวไต้หวัน มีทรัพย์สินจำนวนมาก และประวัติเคยก่อคดี ตนเองมีหน้าที่ไปเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเป้าหมาย จึงเปิดห้องพักอยู่ในโรงแรมเดียวกัน ก่อนจะเริ่มเข้าไปทวงเงินช่วง 01.00 น. ของวันที่ 16 พฤศจิกายน ซึ่งได้จับผู้เสียชีวิตมัดพันธนาการไว้ ก่อนจะรื้อค้นทรัพย์สิน เอาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และโทรศัพท์มือถือหลบหนีไป ยืนยันว่าตอนนั้นชายที่ถูกมัดยังไม่เสียชีวิต ส่วน นายจอห์น ให้การปฏิเสธ อ้างว่าทำงานเป็นครูสอนภาษา ไม่ได้ร่วมก่อเหตุ
ด้านพลตำรวจตรี พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล บอกว่า ล่าสุดตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน และได้ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 คน ซึ่งเป็นชายชาวต่างชาติตามภาพจากกล้องวงจรปิด ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยให้น้ำหนักไปที่การฆ่าเพื่อชิงทรัพย์ ส่วนผู้ต้องสงสัยอีกคนที่เป็นหญิงไทย ชาวจังหวัดราชบุรี อายุ 34 ปี อยู่ระหว่างการพิจารณาว่ามีความเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุดังกล่าวด้วยหรือไม่
ด้านภรรยาของนายจอห์น เปิดเผยข้อมูลกับ คุณเจมส์ ฉัตรชัย ทีมข่าวของเราว่าสามีของตนเองเป็นครูสอนภาษา โดยวันเกิดเหตุ สามีตนเองได้ไปพบกับนายชู และได้นั่งคุยกันที่ห้องของนายชู ตามปกติ และช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ตนยังได้วิดีโอคอลไปหาสามี และสามีก็แพนกล้องไปหานายชู ซึ่งยังเห็น นายชู กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง จากนั้นได้ยินเสียงชาย 2 คน เข้ามาในห้อง ก่อนจะได้ยินเสียงคล้ายคนทะเลาะกันเป็นภาษาต่างชาติ ตนจึงบอกให้สามีตัวเองกลับบ้านทันที ซึ่งสามีบอกว่ากำลังกลับแล้ว จึงเชื่อว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุครั้งนี้
ขณะที่เพื่อนของนายชู ที่เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจ ได้ให้ข้อมูลกับ คุณเจมส์ ฉัตรชัย ผู้สื่อข่าวของเราว่า นายชู รู้จักกับ นายจอห์น ผู้ต้องหามาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่านมา เมื่อ นายชู มาที่เมืองไทย ก็จะมี นายจอห์น ไปไหนมาไหนด้วยตลอด ซึ่งทั้ง 2 คนสนิทกันมาก ก่อนที่ นายชู จะไปรู้จักกับ นายโทนี่ ซึ่งเป็นชายชาวต่างชาติผิวขาว ที่ถูกตำรวจออกหมายจับ ตอนที่ นายชู ไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านคลองสาน โดยนายโทนี่ เป็นเซลขายคอนโดมิเนียม และเกิดพูดคุยกันถูกคอ นายชูจึงได้ชวนไปงานเลี้ยงด้วยกัน จึงทำให้ตัวเองและนายจอห์น รู้จักกับนายโทนี่ จากการที่นายชูเป็นคนแนะนำให้รู้จัก
นอกจากนี้เพื่อนของนายชู ยังเล่าอีกว่า นายชู ได้เคยให้ นายโทนี่ ไปช่วยขนของและตู้เซฟ เพื่อไปเก็บไว้ในที่พักของนายชู ระหว่างเปลี่ยนที่พักที่อยู่ในไทย พร้อมทั้ง นายชู เคยเล่าให้ นายโทนี่ ฟังว่าที่เดินทางมายังประเทศไทยนั้น เพื่อนำเงินมาลงทุนทำธุรกิจ จึงอาจทำให้นายโทนี่ คิดว่า นายชู มีทรัพย์สินจำนวนมาก จึงเป็นแรงจูงใจให้ก่อเหตุฆาตกรรมขึ้น
ขณะที่ตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุการฆาตกรรมเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของนายชู เนื่องจากที่ผ่านมา นายชู มักย้ายตู้เซฟไปมาระหว่างเปลี่ยนที่พักในไทย โดยมี นายโทนี่ คอยช่วยเหลือ จึงเชื่อว่านายโทนี่ คาดเดาว่าในตู้เซฟอาจมีทรัพย์สินจำนวนมากของนายชู เก็บไว้ จึงเป็นแรงจูงใจในการลงมือทำร้ายร่างกายเพื่อชิงทรัพย์