เช้าข่าว 7 สี – ข่าวนี้เป็นประเด็นที่ทีมข่าว ช่อง 7HD เราติดตามกันมาตั้งแต่ปี 2564 ในช่วงที่โควิด-19 ยังระบาดหนัก ในตอนนั้นมีญาติคนไข้รายหนึ่งมาร้องเรียนกับเราว่า โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งปฏิเสธการรักษา เนื่องจากน้ำยาตรวจโควิดหมด และเป็นช่วงที่เข้าสู่มาตรการรักษาตามอาการ ก็เลยให้บ้าน แต่กลับบ้านได้วันเดียวก็เสียชีวิต ญาติจึงฟ้องร้องจนล่าสุดศาลตัดสินว่าโรงพยาบาลมีความผิด ต้องชดใช้ให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต

เรื่องนี้ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2565 คุณสุชาลี สาพันธ์ เป็นลูกสาวของนางประไพ สาพันธุ์ ผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เมื่อปี 2564 มาร้องเรียนกับช่อง 7HD บอกว่า แม่ของเธอถูกโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ปฏิเสธการรักษา โดยให้เหตุผลว่า น้ำยาตรวจโควิด-19 ของโรงพยาบาลหมด และในช่วงนั้น กระทรวงสาธารณสุข ก็กำหนดให้รักษาตามอาการ หากไม่หนักก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาล แต่เธอยืนยันว่าตอนนั้นอาการของคุณแม่ทรุดหนัก หายใจลำบากมากแล้ว แต่เมื่อหมอไม่รักษาก็เลยกลับบ้าน และผ่านไปเพียง 1 วัน แม่ของเธอก็เสียชีวิตลง ทำให้เธอรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะก่อนที่แม่จะเสียชีวิตเพียง 2 วัน คุณยายก็เสียชีวิตจากโรคโควิดเช่นกัน แม่ของเธอเพิ่งจะได้เผาศพของคุณยายไป แต่วันต่อมาตัวเองก็มาตายตาม

เธอจึงมองว่าหากวันนั้นโรงพยาบาลเอกชนรับรักษาแม่ของเธอ อาจจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไป จึงดำเนินการปรึกษา นายเชาว์ มีขวด ทนายความอาสา และฟ้องร้องโรงพยาบาล เรียกค่าเสียหายกว่า 6 ล้านบาท ฐานประมาทเลินเล่อ ซึ่งล่าสุดมีคำพิพากษาจากศาลแพ่งแล้วว่าโรงพยาบาลมีความผิดจริง ฐานประมาท และทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต เพราะเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุข เนื่องจากขาดความพร้อมทั้งเตียงและบุคลากรทางการแพทย์ โดยโรงพยาบาลจะจ่ายค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 300,000 บาท แต่ครอบครัวมองว่ายังไม่เหมาะสม จึงจะยื่นอุทธรณ์เพื่อเดินหน้าเรียกค่าเสียหายจากบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล และสำนักงาน สปสช. ไปจนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่บริหารผิดพลาด

คุณสุชาลี ยังบอกทิ้งท้ายอีกด้วยว่า สำหรับคนจนที่ต้องใช้บัตรทองไม่มีความสามารถในการจ่ายแพง ๆ ก็ขอให้อย่ายอมแพ้ ต้องต่อสู้เพื่อให้เข้าถึงระบบสาธารณสุขให้ได้ เธอเชื่อว่ามีอีกหลายชีวิตที่ต้องตายไปเพราะเข้าไม่ถึงการรักษาแบบแม่ของเธอ ดังนั้นขอให้คดีนี้เป็นตัวอย่างในสังคมว่ารัฐต้องบริหารงานให้รอบคอบกว่านี้