คนลากรถ


.css-nh9sg4 #forum2022-logoSponsor{text-align:center;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text{font-family:”KaLaTeXa Display”;font-size:10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text span{background-color:#ffffff;padding:0 10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text::after{content:””;height:1px;width:100%;background-color:rgb(216,216,216);position:absolute;top:50%;left:0;-webkit-transform:translateY(-50%);-ms-transform:translateY(-50%);transform:translateY(-50%);z-index:2;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor{padding:0;margin:0;list-style:none;display:-webkit-box;display:-webkit-flex;display:-ms-flexbox;display:flex;-webkit-flex-wrap:wrap;-ms-flex-wrap:wrap;flex-wrap:wrap;gap:15px;-webkit-box-pack:center;-webkit-justify-content:center;-ms-flex-pack:center;justify-content:center;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor{height:80px;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor img{height:80px;}

เนื้อหาหน้าแรกของหนังสือเรื่อง “คนลากรถ” (เหล่าเส้อ เขียน เนียน แปล พิมพ์ครั้งที่ 1 สยามสมัย 249 ครั้งที่ 5 แสงดาว 2566) เริ่มหน้า 36 ผมอ่านถึงหน้า 48 “นายอูฐเสียงจื่อ” รับค่าจ้าง 2 เหรียญ เสี่ยงลากรถออกไปนอกเมือง…กำลังเจอปัญหา ถูกทหารจับ…ก็ยังไม่ถึงบทระทึก เร้าใจเสียที

นี่คือ ลีลาของ วรรณกรรมอมตะ “ระดับโลก ผู้เขียนเป็นศาสตราจารย์ ใช้ลีลาภาษาปักกิ่งแบบเก่าได้ดีที่สุด มีข่าวเข้าทำเนียบรางวัลโนเบลของฝรั่ง…คนอ่านต้องทำใจว่า กำลังเรียนวิชา…มากกว่าหาความบันเทิง

ผมเกริ่นนำเรียกน้ำย่อย…อยากให้ท่านไปหาคนลากรถอ่าน หาอรรถรสกันเอง เพราะตัวเองติดใจ เรื่องราวชีวิตเหล่าเส้อ ผู้เขียน มาก อยากเล่าสู่กันฟัง เผื่อจะเป็นบทเรียนให้คนรุ่นใหม่

เหล่าเส้อ เขียนวรรณกรรมไว้มากมาย คนลากรถ เป็นเรื่องหนึ่งที่เขียนราวปี ค.ศ.1937

ปี 1966 เขามีชีวิตสงบสุข อยู่ใน “บ้านแห่งความอุดมสมบูรณ์” มาแล้ว 16 ปี วันนั้น…ในเดือนสิงหาคม…ภายใต้กระแสแห่ง “การปฏิวัติวัฒนธรรม” ที่ถูกเรียก เป็นครั้งหนึ่งที่สายลมแห่งความมืดบอดพัดสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน

กองทัพแดงจับกุมเหล่าเส้อ ออกจากบ้านไปกับนักเขียน ศิลปิน ที่สอนตามลัทธิขงจื๊อ ไปในที่ชุมนุมของพวกเรดการ์ด เหล่าเส้อผู้ไม่เคยมีเบื้องหลังอะไรกับใคร ถูกวิจารณ์ด่าว่าสาดเสียเทเสีย ถูกทุบตี

แล้วก็ถูกแห่ประจานไปตามถนน

เคราะห์ดี เขาถูกปล่อยตัวกลับบ้าน ภรรยาปลอบใจ เขาเก็บความรู้สึกในใจ รักษาอาการ “เงียบขรึม” มั่นคง ตกค่ำก็เข้านอนหลับตามปกติ

วันรุ่งขึ้น เหล่าเส้อ หยิบกาพย์กลอนเหมาเจ๋อตง ที่เขาคัดไว้ด้วยลายมือ เดินไปหนองน้ำไถ่ผิง ในสวนสาธารณะเป่ยไห่ มีคนเห็นเขาเดินรอบๆหนองน้ำ ปากก็ท่องบทกวีของเหมาเจ๋อตงไปรอบแล้วรอบเล่า

คนหลายคน รวมเจ้าหน้าที่สวนสาธารณะ ก็เห็นแต่…ไม่มีใครสะดุดใจ

เช้าวันต่อมา 14 สิงหาคม ปี 1966 มีผู้พบ เหล่าเส้อ นอนคว่ำหน้าเป็นศพอยู่ริมหนองน้ำ

เล่ากันอีกว่า ก่อนหน้านั้น ทุกวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติ ตรงกับวันที่กวี ซูหยวน (278 ปี ก่อน ค.ศ.) ฆ่าตัวตาย ด้วยการผูกก้อนหินขนาดใหญ่ไว้กับคอ แล้วกระโดดลงแม่น้ำมี่โหลว ประท้วง “ความอัปลักษณ์ของชาติ”

เพื่อนๆของเหล่าเส้อเชื่อว่า ความตายของเหล่าเส้อ…เป็นส่วนหนึ่งของการประท้วง ความอัปยศแห่งชาติที่เกิดขึ้นกับตัวเขาด้วยเช่นกัน

กระนั้น ก็ยังมีการตั้งข้อสังเกต มีความเป็นไปได้ที่เหล่าเส้ออาจถูกฆาตกรรม มีข้อกล่าวหาไปที่ญาติสนิทของเขาคนหนึ่ง…แต่ลงท้ายเป็นเรื่องไม่จริง

ญาติคนนั้น เป็นคนที่ช่วยเก็บรักษาต้นฉบับงานเขียนของเขาเท่าที่มี ไปซ่อนไว้ในกองถ่านหิน ในปล่องไฟ และย้ายบ้านไปเรื่อยๆ

จนทำให้งานเขียนของเขามีชีวิต โลดแล่นยิ่งใหญ่อยู่ในโลกวรรณกรรมจีนได้ในเวลาต่อมา

ปี ค.ศ.1978 รัฐบาลจีนฟื้นฟูชื่อเสียง เกียรติยศ ฐานะ ศิลปิน นักเขียน ปัญญาชนของชาติ รวมเหล่าเส้อ ให้คืนกลับมา ผลงานถูกนำมาจัดพิมพ์ใหม่ หลายเรื่องนำไปดัดแปลงเป็นสื่อศิลปะประเภทต่างๆ ทั้งภาพยนตร์และบทละคร

บ้านแห่งความอุดมสมบูรณ์ ถูกปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ ให้ประชาชนได้ไปชื่นชมศึกษา

ตรงลานบ้านมีต้นพลับที่เหล่าเส้อปลูกไว้ ชื่อบ้านถูกเรียกใหม่ บ้านลานลูกพลับแดง

ป้ายเหนือหลุมศพเขา สลักข้อเขียนว่า

“พลังเล็กๆที่ได้เพียรพยายามทุ่มเทให้วงการศิลปะวรรณกรรมอย่างสุดความสามารถ นอนหลับอยู่ ณ ที่แห่งนี้”.

กิเลน ประลองเชิง


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *