
เป็นกระแสในโลกโซเชียลฯ ที่พูดถึงกันมากช่วงนี้ ในเรื่องของ “ค่ายมือถือ” มีการ “ฮั้วราคา- คุณภาพให้บริการ” แย่ลง!!!
ซึ่งนับเป็นเรื่องที่หลายคนคาดการณ์ว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต เพราะเวลานี้เหลือค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ เพียง “เอไอเอส-ทรูควบดีแทค” เท่านั้น
ทำให้เวลานี้เป็นที่จับตามองอย่างมากว่า หน่วยงานที่กำกับดูแลอย่าง “สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ” (กสทช.) ออกมาชี้แจง ทำความเข้าใจกับสังคมอย่างไร!?!
เพราะล่าสุด “สมชัย เลิศสุทธิวงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS ออกมาอธิบายเรื่องนี้ว่า หากเทียบคุณภาพกับราคา ตลาดไทยถือว่า ถูกกว่าหลายประเทศ เพียงแต่ในช่วง 2-3 ปีก่อนมีการแข่งขันผิดปกติ เพราะมีการแข่งขันเพื่อขยับจากเบอร์ 3 ขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ซึ่งผู้บริโภคอาจจะเคยชิน แต่ปัจจุบันตลาดกลับไปสู่ ราคาที่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ ตลาดไทยมี กสทช. ควบคุมราคาอยู่แล้ว ซึ่งราคาในปัจจุบันยังถือว่า ต่ำกว่าที่ กสทช. กำหนด
“การแข่งขันยังมีเพราะเราก็ไม่ยอมอยู่แล้ว ตอนนี้สงครามราคาก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ตอนนี้มันถูกปรับมาสู่ภาวะการตลาด เพราะเรามีการลงทุนปีละหลายหมื่นล้านบาท ตอนนี้ต้นทุนเรื่องค่าไฟต่าง ๆ ก็สูงขึ้น”
ส่วนของเรื่องคุณภาพ Network นั้น ไม่เกี่ยวกับที่เหลือผู้เล่น 2 ราย แต่เป็นหน้าที่ของเอไอเอสที่จะทำให้ดีขึ้น โดยนอกจากการลงทุนปีละหลายหมื่นล้านบาทแล้ว ล่าสุด เอไอเอสได้ร่วมกับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT นำคลื่น 700 MHz จำนวน 5 MHz มาเสริมทำให้เอไอเอสมีคลื่น 700 MHz รวม 20 MHz จะยิ่งทำให้เน็ตเวิร์กกว้างขึ้น ทะลุทะลวงมากขึ้น
สำหรับทิศทางของเอไอเอสยังคงอยู่บนเส้นทางการเป็น องค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ หรือ Cognitive Tech-Co พร้อมยึดหลัก พาย 3 ชิ้น หรือ ECOSYSTEM ECONOMY โดยเอไอเอสยังคง 1. ลงทุนในอินฟราสตรักเจอร์พร้อมพัฒนาสู่โครงข่ายเน็ตเวิร์คอัจฉริยะ โดยจะมีบริการใหม่ ๆ เช่น 5G Living Network, WiFi 7, Enterprise Platform – CPaaS (Communication Platform as a Service) และ AIS Paragon ที่เชื่อมต่อเครือข่าย 5G, Fibre, Edge Computing, Cloud, และ Software Application
2. Cross Industry Collaboration เพราะเอไอเอสไม่อยากโตคนเดียว ดังนั้น ด้วยฐานลูกค้ากว่า 44 ล้านเลขหมาย จะช่วยให้พาร์ตเนอร์สามารถเติบโตไปพร้อมกับเอไอเอส อาทิ ความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย เชื่อมโยงร้านค้าถุงเงินรวมกว่า 1.8 ล้านร้านค้า และจับมือห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงร้านค้าพาร์ตเนอร์ทั่วประเทศกว่า 30,000 แห่ง ให้นำ AIS Point ใช้แทนเงินสด ล่าสุด สามารถนำ Point ของพันธมิตรเอไอเอสมาเปลี่ยนเป็น AIS Point ได้ด้วย
ในส่วนขององค์กร ได้ร่วมกับ ZTE เพื่อเตรียมเปิดตัวบริการ Cloud PC for Enterprise ให้องค์กรใช้งานคอมพิวเตอร์ผ่านคลาวด์ในรูปแบบ Desktop as a Service (DaaS) และถือเป็น ครั้งแรกในอาเซียน ที่พร้อมให้บริการ Microsoft Teams Phone ให้องค์กรและพนักงานสามารถโทรออกไปยังเบอร์ภายนอกและรับสายได้ผ่าน Microsoft Teams รวมไปถึงการนำสุดยอดนวัตกรรม genAI ช่วยยกระดับการทำงานของ Microsoft 365 Copilot for Enterprise
สุดท้าย 3. ความยั่งยืน เพราะองค์กรต้องมีส่วนร่วมในการดูแล เศรษฐกิจ ผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่กัน ที่ผ่านมา เอไอเอสได้ทำหลักสูตร AIS อุ่นใจ CYBER ตั้งแต่ปี 2009 ในด้านสิ่งแวดล้อมก็มุ่งสร้าง Green Network ผ่านการบริหารจัดการด้วยนวัตกรรม อาทิ การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในสถานีฐานเพื่อบริหารจัดการพลังงานให้, การเพิ่มสัดส่วนของการใช้พลังงานหมุนเวียนจากทั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม และการรณรงค์แยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste
ขณะที่ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” แจงว่า ปัจจุบันเร่งเดินหน้าโครงการรวมโครงสร้างเสาสัญญาณระบบโครงข่ายเดียว (Single Grid) โดยควบรวมสถานีฐานในพื้นที่เดียวกันผสานจุดแข็งเสาสัญญาณของทรูและดีแทค เพิ่มประสิทธิภาพการประสานการทำงานของโครงข่ายในทุกคลื่นสัญญาณ ลดเสาที่ซ้ำซ้อน และอาจก่อให้เกิดสัญญาณรบกวนลง 30%
“ทรู คอร์ปอเรชั่นยังคงความเป็นผู้ให้บริการที่มีจำนวนเสาโทรคมนาคมมากที่สุดในประเทศ โดยการทดสอบพื้นที่ที่ทำระบบ Single Grid เสร็จสมบูรณ์พบว่าเน็ตมือถือเร็วขึ้นสูงสุดราว 110%”
ส่วนที่กล่าวว่าหลังจากทรูควบดีแทคไปจับมือฮั้วราคาแพงกับเอไอเอส นั้น ทรูยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่ปราศจากความจริง ไม่เคยมีการฮั้วราคากับ เอไอเอส ตามที่ถูกกล่าวหา โดยทรูคอร์ปอเรชั่น มุ่งหน้าสร้างประโยชน์สูงสุดทุกมิติเพื่อลูกค้ามากสุดในไทย ด้วยการนำเสนอแพ็กเกจที่มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์สุดคุ้ม เพิ่มคุณค่าที่หลากหลายซึ่งตรงกับความต้องการไลฟ์สไตล์และทุกคนสามารถเข้าถึงได้
จาก 6 เดือนที่ผ่านมาหลังการควบรวมกิจการ ได้ผสานสร้างสรรค์สิทธิพิเศษที่ดียิ่งกว่าตรงใจยิ่งขึ้น โดยมีลูกค้าแลกรับสิทธิประโยชน์มากกว่า 120 ล้านสิทธิ์ และจำนวนรายการสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 54% ครอบคลุมสิทธิพิเศษที่หลากหลาย อาทิ ร้านอาหารและบริการชื่อดัง, บริการสุขภาพ, ห้างร้าน, ช็อปปิ้งออนไลน์ มากมาย พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์ยอดนิยมอย่าง รับฟรีค่าเน็ต ค่าโทร และกิจกรรมลุ้นรับทองคำและของรางวัลใหญ่ให้แลกลุ้นกันทุกวัน เป็นต้น
ด้าน “ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ สรณ บุญใบชัยพฤกษ์” ประธานกสทช. ตอบคำถามสังคมถึง “ค่าบริการ” โทรศัพท์มือถือมีแนวโน้มแพงขึ้น และ “คุณภาพสัญญาณแย่ลง” หลังจากมีการควบรวมกิจการ ทรู-ดีแทค ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขและมาตรการเฉพาะที่ กสทช.กำกับไว้ เช่น การที่ทรูต้องลดค่าบริการตามราคาเฉลี่ยเคลื่อนที่ลง 12% ว่า เรื่องนี้เป็นภารกิจของหน่วยงานอยู่แล้ว มีการตั้งคณะอนุกรรมการติดตามเงื่อนไข และมาตรการเฉพาะหลังการควบรวมกิจการไว้แล้ว ซึ่งกำลังหาคำตอบว่า บริษัที่ควบรวมดำเนินการตามหรือไม่อย่างไง
“เรื่องค่าโทรศัพท์แพง สัญญาณแย่ลง ต้องมีดัชนีชี้วัดที่ชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะเป็นแค่ความรู้สึก และดัชนีนั้นก็มีหลากหลาย ซึ่งคณะอนุฯ กำลังทำเรื่องนี้ คาดว่าจะได้คำตอบก่อนปีใหม่ จะได้รู้ว่าค่า โทร.แพงขึ้น สัญญาณแย่ลงจริงหรือไม่”
จับตามองบทสรุปเรื่องนี้ จะเป็นอย่างไร ?“ค่าบริการแพงขึ้น-คุณภาพสัญญาณแย่ลง” จะชัดเจนอย่างที่กล่าวหาหรือไม่!