วันนี้ (18 ตุลาคม) คารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลห่วงใยปัญหาสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพของผู้ใช้แรงงาน รัฐบาลโดยสำนักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ขอเชิญชวนสถานประกอบกิจการที่มีพนักงาน/ลูกจ้าง 200 คนขึ้นไป เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อจัดบริการมอบสวัสดิการสุขภาพ ด้วยแพ็กเกจ: สร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
คารมกล่าวว่า กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครอบคลุมบริการตรวจคัดกรองสุขภาพที่จำเป็นให้แก่คนไทย รายการบริการอายุระหว่าง 20-59 ปี ดังนี้
- ประเมินปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพกาย/สุขภาพจิต
- ตรวจ HIV ด้วยชุดตรวจด้วยตนเอง
- ตรวจการตั้งครรภ์ (ตรวจปัสสาวะ, ชุดทดสอบ)
- วางแผนครอบครัว (ถุงยางอนามัย, ยาคุมกำเนิด)
- ยาเสริมธาตุเหล็ก
- เจาะเลือดตรวจวัดระดับน้ำตาล (เมื่อผลคัดกรองพบเป็นกลุ่มเสี่ยง)
- ตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี
- ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (HPV DNA Test)
- สายด่วนสุขภาพจิต โทร. 1323
- สายด่วนเลิกบุหรี่ โทร. 1600
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้บริการตรวจเพิ่มเติม ดังนี้
- ประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรค
- โรคเบาหวาน/เจาะเลือดปลายนิ้วตรวจน้ำตาล
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- ตรวจวัดคอเลสเตอรอล และ HDL
- ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่/ลำไส้ตรง
สำหรับรูปแบบการจัดบริการ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้บริการโดย แพทย์และพยาบาลประจำห้องพยาบาลในสถานประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล สพอ.2 จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือสาธารณสุขจังหวัด และขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการที่รับการส่งต่อ เฉพาะด้านสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระบบบัตรทอง
“สำหรับค่าใช้จ่าย เบิกค่าบริการตามรายการสิทธิประโยชน์ที่ใช้บริการจาก สปสช. ขอผู้ใช้แรงงานอย่าเป็นกังวล เมื่อเจ็บป่วยต้องได้รับการดูแลรักษา และเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างรวดเร็วและเท่าเทียม” คารมกล่าว