วินฟาสต์ (Vinfast) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนาม เผยผลประกอบการขาดทุนสุทธิ (net loss) สูงเกือบ 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 แม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 90% ก็ตาม
Vinfast ซึ่งหวังเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันเทียบชั้นแบรนด์รถอีวีระดับโลกอย่างเทสลา (Tesla) ทว่าล่าสุดยังทำยอดขายไม่ได้ตามเป้า โดยแม้ว่ารายได้รวมในปี 2023 จะอยู่ที่ 1,190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 91% แต่ยังคงขาดทุนสุทธิอยู่ 2,390 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าปี 2022 ราว 14.7%
Vinfast ยังส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้เพียง 34,855 คันในปี 2023 พลาดเป้าหมายที่บริษัทตั้งเอาไว้ที่ 50,000 คัน
อย่างไรก็ตาม Vinfast ยังมีแผนที่จะเพิ่มยอดส่งมอบรถยนต์ให้ได้ถึง 100,000 คันในปี 2024 และเตรียมรุกเข้าสู่ตลาดอื่นๆ ที่นอกเหนือจากสหรัฐฯ แคนาดา และยุโรป
สัปดาห์ที่แล้ว ทางบริษัทได้แถลงเปิดตัวโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่รัฐทมิฬนาฑูของอินเดีย โดยเริ่มต้นเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะมีกำลังผลิตรถได้ปีละราวๆ 150,000 คัน นอกจากนี้ Vinfast ยังเตรียมที่จะทุ่มเงินลงทุนขั้นต่ำอีก 1,200 ล้านดอลลาร์เพื่อเปิดโรงงานผลิตรถไฟฟ้าแห่งใหม่ในอินโดนีเซีย และมีความสนใจที่จะขยายการลงทุนเข้าไปยังฟิลิปปินส์ด้วย
“เราเห็นผลประกอบการที่น่าพอใจในไตรมาส 4 โดยบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรสุทธิ (profit margins) ก็ดีขึ้น” อันห์ เหงียน (Anh Nguyen) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Vinfast ระบุในถ้อยแถลง
Vinfast เป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าในเครือ Vingroup ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 โดยมีฐานผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่อยู่ที่เมืองไฮฟอง (Hai Phong) เมืองใหญ่อันดับ 3 ของเวียดนาม
บริษัทเริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าในรัฐแคลิฟอร์เนียตั้งแต่เดือน มี.ค.ปีที่แล้ว และจนถึงไตรมาส 3 มียอดจำหน่ายรถยนต์ราวๆ 21,200 คัน
ผู้บริหาร Vinfast ตั้งเป้าหมายว่าบริษัทน่าจะถึงจุดคุ้มทุน (break-even point) ภายในปี 2025
เมื่อเร็วๆ นี้ Vinfast ยังได้เผยคอนเซ็ปต์รถกระบะไฟฟ้า และเปิดตัวโรงงานผลิตรถยนต์ที่รัฐนอร์ทแคโรไลนาเพื่อป้อนตลาด EV ในอเมริกา
ที่มา : Nextshark