บุกจับพระดังเมืองอู่ทอง โอ้อวดวิชา ขายยาครอบจักรวาลรักษามะเร็งทิพย์ สุดพิลึกอ้างพบวิธีจากกรรมฐานใช้รักษาหมาจนหาย
วันที่ 25 ต.ค. 66 ที่ บก.ปคบ.พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รองผบก.ปคบ. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ. พร้อมด้วย นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผอ.ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ ร่วมแถลงผลทลายขบวนการอวดอ้างพลังวิเศษรักษามะเร็งทิพย์
พล.ต.ต.อนันต์ เปิดเผยว่า จากการเข้าตรวจค้นเป้าหมายที่สำนักพระกรรมฐานศากยราม จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ตรวจรักษาผู้ป่วย พร้อมตรวจยึดแคปซูลบรรจุผงสีน้ำตาล จำนวน 7,586 แคปซูล, อุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจรักษา จำนวน 42 รายการ และเงินสด 114,000 บาท ส่วนเป้าหมายที่2 เข้าตรวจค้นเทวสถานศิวาลัยเทพมณเฑียรทอง ต.สามชุก ซึ่งใช้เป็นสถานที่ผลิตจัดเก็บ พร้อมตรวจยึดแคปซูล บรรจุผงสีน้ำตาล 8,850 แคปซูล แคปซูลเปล่า 18,000 แคปซูล ผงสีน้ำตาลสำหรับบรรจุแคปซูล จำนวน 10 กก.อุปกรณ์ผลิตสมุนไพร 62 รายการ และเงินสด 1,763,200 บาท
พร้อมกันนี้ยังจับกุมผู้กระทำผิดอีก 6 ราย คือพระนรสีห์ หรือนายสิทธัตถ์ ศากยพนธ์ภูวนาถ น.ส.อรินดา สีหวัชรโภคิน,น.ส.อารียา กาละเวก,นายรวีวัชร โพธิ์เถื่อน ,นายเดชชรินทร์ จิราพัทธนันท์ และนางวชิรอักษรา
พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้ารับแจ้งว่าพระนรสีห์ กับพวก ลักลอบใช้วัดเปิดเป็นที่รับรักษาโรคให้กับประชาชนทั่วไป โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือมีใบวิชาชีพเวชกรรม มีการเรียกเก็บค่ายาราคาสูง ยาที่ขายไปก็ไม่มีฉลาก หรือมีการรับรองจากอย. มีการโพสต์ข้อความ คลิปรูปภาพ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “สำนักพระกรรมฐานศากยาราม” ลักษณะอวดอ้างว่า สามารถรักษาโรคมะเร็ง เบาหวาน หรือ โรคร้ายแรงอื่นๆ ให้หายขาดได้ภายใน 1-3 เดือน และข้อความเชิงโฆษณาขายผลิตภัณฑ์ “มหาโอสถหลวงพ่อนรสีห์” สรรพคุณรักษาโรคครอบจักรวาล
ที่ผ่านมาขบวนการดังกล่าวยังโพสต์ข้อความเชิงวิชาการอธิบายที่ไปที่มาของการค้นพบวิชาการรักษาโรคมะเร็งว่า ค้นพบจากการกรรมฐานรักษาสุนัขชื่อ ปีใหม่ ที่ป่วยเป็นมะเร็งจนหาย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่ามีพลังวิเศษรักษาโรค โดยอาศัยความเชื่อ ความศรัทธา ทางศาสนา และนำความหวาดกลัวของผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะอ่อนไหวมาเป็นเครื่องมือหรือจุดอ่อนหลอกลวงเงิน ถือเป็นภัยอันตรายเพราะผู้ป่วยจะเสียโอกาสรักษาโรคที่แท้จริง ตนจึงสั่งการให้เข้าจับกุม
ด้าน พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหาทำกันเป็นขบวนการ โดยพระนรสีห์จะทำหน้าที่เป็นผู้รักษาโรค น.ส.อรินดา ทำหน้าที่จ่ายยา รับเงินค่ารักษา ประสานงานติดต่อผู้ป่วย นายเดชชรินทร์ เป็นผู้ช่วยพระนรสีห์ คอยคัดกรองผู้ป่วย เช่นเดียวกับ น.ส.อารียา ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย และรักษาผู้ป่วยแทนเมื่อพระนรสีห์ไม่ว่างซึ่ง น.ส.อารียา นั้นเคยเป็นผู้ป่วยที่พระนรสีห์นำมาอ้างว่า ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย แต่ได้รับการรักษาจากตนเองจนหายขาดภายใน 2 เดือน ปัจจุบันยังได้บรรลุโสดาบันแล้วอีกด้วย
พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวต่อว่า สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 6 คนให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าเปิดรับรักษาโรคหรือขายยาให้กับประชาชนทั่วไปจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงแต่อย่างใด จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนบก.ปคบ.ดำเนินคดี พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่พระนรสีห์ ในความผิดฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, บุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถางครอบครองพื้นที่ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต,บุกรุกแผ้วถางป่าสงวนโดยไม่ได้รับอนุญาต” อีกด้วย
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับสุนัขตัวที่ชื่อ เจ้าปีใหม่ ที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างว่า ป่วยเป็นมะเร็งแต่ได้รับการรักษาจนหายนั้น จากการสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว เจ้าปีใหม่ได้เสียชีวิตหลังจากพระนรสีห์นำมารักษาได้แค่ 2-3 เดือนเท่านั้น
ส่วนพระนรสีห์ ก็พบพฤติกรรมวินิจฉัยโรคให้กับผู้ที่มาติดต่อเข้ารับการรักษาอาการป่วยว่าเป็นมะเร็ง ระยะสุดท้าย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมีจำนวนมากที่ไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งแต่อย่างใดอีกด้วย
ด้าน น.พ.ภานุวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรม สบส.ขอเน้นย้ำกับพี่น้องประชาชนว่าให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนเลือกรับบริการรักษาพยาบาลทุกประเภท ขอให้เลือกแพทย์และสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องเท่านั้น อย่าหลงเชื่อการโฆษณาอวดอ้างจากโซเชียล หรือคำบอกเล่าจากบุคคลอื่นว่าสามารถรักษาได้สารพัดโรคเรื้อรังให้หายขาด โดยเฉพาะโรคมะเร็ง, เบาหวาน, อัมพฤกษ์ อัมพาต, และโรคเอดส์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่าสามารถรักษาให้หายขาดได้ หากพบก็ให้ตั้งข้อสงสัยก่อนว่าโอ้อวดเกินจริง ควรหลีกเลี่ยงการรับบริการทันที