(ชมคลิป) ‘ฮามาส’ ประกาศสู้เต็มเหนี่ยว หลังอิสราเอลยกระดับโจมตี ‘กาซา’ ทั้งภาคพื้นดิน-อากาศ ตัดสัญญาตเน็ต-มือถือ



กลุ่มฮามาสประกาศกร้าววันนี้ (28 ต.ค.) ว่านักรบในกาซาพร้อมเผชิญหน้ากับการโจมตีของอิสราเอลแบบ “เต็มกำลัง” หลังกองทัพอิสราเอลยกระดับปฏิบัติการโจมตีทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน จนทำให้พื้นที่กาซาถูกตัดขาดทั้งสัญญาณอินเทอร์เน็ตและมือถือ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั้งในฝั่งปาเลสไตน์และอิสราเอลพุ่งสูงกว่า 8,000 คนแล้ว

ก่อนหน้านั้น ฮามาสยืนยันว่านักรบของตนได้ปะทะกับทหารอิสราเอลใกล้ๆ เส้นพรมแดนหลังจากที่กองทัพอิสราเอลได้ประกาศขยายปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินเมื่อวันศุกร์ (27)

“นอกจากการโจมตีในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา กองกำลังภาคพื้นดินของเราจะยกระดับปฏิบัติการจู่โจมในค่ำคืนนี้” พล.ร.ท. แดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล ระบุในการแถลงข่าวเมื่อค่ำวันศุกร์ (27) ซึ่งทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินที่ถูกรั้งรอมานานอาจกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ฮาการี ระบุด้วยว่า กองทัพอากาศอิสราเอลได้ระดมยิงทำลายอุโมงค์ใต้ดินที่พวกฮามาสขุดไว้ รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ

กองกำลังติดอาวุธของฮามาสประกาศเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา (27) ว่า นักรบฮามาสได้ยิงปะทะกับทหารอิสราเอลที่เมือง Beit Hanoun ทางตะวันออกเฉียงเหนือ และเมือง Al-Bureij ทางตอนกลางของฉนวนกาซา

“กองพันอัล-กอสซัม (Al-Qassam brigades) และกองกำลังต่อต้านของปาเลสไตน์ทั้งหมด พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความก้าวร้าวของอิสราเอลอย่างเต็มกำลัง และจะสกัดกั้นการรุกรานของพวกเขา” ฮามาสระบุในคำแถลงเมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ (28)

“ (เบนจามิน) เนทันยาฮู และกองทัพที่พ่ายแพ้ของเขา จะไม่มีทางได้รับชัยชนะทางการทหารใดๆ เลย”

กองกำลังภาคพื้นดินของอิสราเอลได้ตรึงกำลังประชิดชายแดนกาซา ขณะที่กองทัพอิสราเอลระดมยิงโจมตีทางอากาศเข้าใส่ดินแดนแห่งนี้อย่างหนักตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. เพื่อแก้แค้นที่พวกมือปืนฮามาสบุกจู่โจมภาคใต้ของอิสราเอล และสังหารชาวอิสราเอลไปถึง 1,400 คน

ทางการอิสราเอลระบุว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และยังมีชาวอิสราเอลและพลเมืองต่างชาติอีกกว่า 200 คนถูกฮามาสจับไปเป็นตัวประกัน

ด้านกระทรวงสาธารณสุขกาซายืนยันว่า ปฏิบัติการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์ไปแล้วกว่า 7,000 คน

สำนักข่าวอัลญาซีเราะห์ซึ่งถ่ายทอดสดสถานการณ์เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาเผยให้เห็นภาพการระเบิดเกิดขึ้นหลายจุดภายในกาซา และอ้างว่าอิสราเอลยิงโจมตีพื้นที่รอบๆ โรงพยาบาล Al Shifa ในเมืองกาซาซิตี

กองทัพอิสราเอลออกมากล่าวหาพวกฮามาสว่าใช้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็น “โล่” ป้องกันอุโมงค์ใต้ดินและศูนย์ปฏิบัติการของพวกเขา ซึ่งฝ่ายฮามาสปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง

บริษัทโทรคมนาคมในกาซาและสภาเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์ยืนยันว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลส่งผลให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือในกาซาถูกตัดขาด

“เวลานี้กาซาถูกตัดสัญญาณสื่อสารทั้งหมด” Paltel ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในกาซา แถลง

สภาเสี้ยววงเดือนแดงยอมรับว่าขาดการติดต่อกับห้องปฏิบัติการในกาซาและเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติภารกิจอยู่ที่นั่น ขณะที่รัฐบาลฮามาสระบุว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ไม่สามารถรับแจ้งเหตุฉุกเฉินได้ด้วย


องค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (Doctors Without Borders) ระบุว่าไม่สามารถติดต่อกับเพื่อนร่วมงานบางส่วนในปาเลสไตน์ได้ และรู้สึกเป็นห่วงชะตากรรมของ “คนไข้ บุคลากรทางการแพทย์ และชาวปาเลสไตน์หลายพันครอบครัวที่ใช้โรงพยาบาล Al-Shifa และศูนย์พยาบาลอื่นๆ เป็นสถานที่หลบภัย”

แคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริการกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ยอมรับว่าหน่วยงานของเธอก็ไม่สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ในกาซาได้เช่นกัน

“ดิฉันรู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของพวกเขา และนี่เป็นอีกหนึ่งค่ำคืนแห่งความโหดร้ายสำหรับเด็กๆ 1 ล้านคนในกาซา” รัสเซลส์ โพสต์ข้อความผ่าน X

“เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานด้านมนุษยธรรม รวมถึงเด็กๆ และทุกครอบครัวที่พวกเขากำลังช่วยเหลืออยู่ จะต้องได้รับการปกป้องคุ้มครอง” เธอย้ำ

มาร์ก เรเกฟ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู บอกกับ MSNBC ว่าอิสราเอลกำลังเริ่มต้น “เอาคืน” กับพวกฮามาส และ “กาซาจะได้ลิ้มรสความโกรธเกรี้ยวของพวกเราในคืนนี้”

“พวกเขาจะต้องเผชิญกับการโจมตีทางทหารของเรา จนกว่าเราจะสามารถรื้อทำลายจักรกลทางทหาร และโค่นล้มโครงสร้างการเมืองของพวกเขาในกาซา” เรเกฟ บอกกับ Fox News “และเมื่อปฏิบัติการนี้จบลง กาซาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

ผู้นำอิสราเอลประกาศจะ “ทำลาย” ฮามาสให้สิ้นซาก รวมถึงสังหารแกนนำและผู้ที่วางแผนโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ขณะที่สหรัฐฯ และชาติอาหรับพยายามเหนี่ยวรั้งให้อิสราเอลชะลอปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินออกไปก่อน เพราะเกรงว่าพลเรือนปาเลสไตน์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะต้องบาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้น และอาจกลายเป็นชนวนให้ความขัดแย้งลุกลามไปสู่ภูมิภาค

ที่มา: รอยเตอร์


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *