ต้นทุนอาหารกลางวันพุ่ง ร.ร.หันรับผลผลิตชุมชน เพิ่มรายได้เกษตรกรอินทรีย์


.css-nh9sg4 #forum2022-logoSponsor{text-align:center;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text{font-family:”KaLaTeXa Display”;font-size:10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text span{background-color:#ffffff;padding:0 10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text::after{content:””;height:1px;width:100%;background-color:rgb(216,216,216);position:absolute;top:50%;left:0;-webkit-transform:translateY(-50%);-ms-transform:translateY(-50%);transform:translateY(-50%);z-index:2;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor{padding:0;margin:0;list-style:none;display:-webkit-box;display:-webkit-flex;display:-ms-flexbox;display:flex;-webkit-flex-wrap:wrap;-ms-flex-wrap:wrap;flex-wrap:wrap;gap:15px;-webkit-box-pack:center;-webkit-justify-content:center;-ms-flex-pack:center;justify-content:center;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor{height:80px;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor img{height:80px;}

ต้นทุนอาหารกลางวันโรงเรียนพุ่งทั่วประเทศ ทำให้ครูเริ่มหนักใจ ด้วยงบประมาณที่กระทรวงศึกษาธิการให้อาจไม่พอ ทำให้บางโรงเรียนเกิดไอเดียสร้างเครือข่ายเกษตรกรในท้องถิ่น ส่งผลผลิตให้กับโรงเรียน เพื่อทำเป็นอาหารกลางวัน โดยผักจะต้องปลอดสารพิษ และทำให้เกษตรกรในพื้นที่มีรายได้มั่นคง จึงเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันในเวทีเสวนา “อาหารโรงเรียน เปลี่ยนประเทศ” ที่มีการทำสำเร็จแล้วในยุโรป

วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบปัญหาเรื่องงบประมาณอาหารในโรงเรียนมาโดยตลอด ซึ่งมีข้อมูลว่า อาหารกลางวันของนักเรียนระดับประถมศึกษา 5.9 ล้านคน ใช้งบ 2.8 หมื่นล้านบาท แต่ยังพบเด็กมีเกณฑ์น้ำหนักตัวไม่ได้มาตรฐานอยู่มาก ขณะเดียวกันอาหารกลางวันของโรงเรียน ที่ไม่ถูกต้องตามโภชนาการ ทำให้เด็กมีโรคอ้วน รวมถึงอาหารมีการปนเปื้อน มีผลต่อการเจริญเติบโต เพราะสารบางชนิดปนเปื้อนในอาหาร จากแหล่งที่เราไม่รู้ถึงต้นตอการผลิต มีผลต่อสติปัญญาการเจริญเติบโตของเด็ก

อาหารกลางวันที่ส่งผลกระทบต่อเด็กไทย ทำให้ทุกภาคส่วนต้องหันมาเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น ประเทศเดนมาร์ก มีโมเดลการพัฒนาแนวคิดเกษตรอินทรีย์ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการผลิตด้านเกษตร โดยเริ่มจากอาหารกลางวันในโรงเรียน ส่งเสริมให้เกษตรกรในท้องถิ่นรอบโรงเรียนทำเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ ส่งผลผลิตที่ได้มายังโรงเรียน เพื่อให้เด็กได้กินอาหารที่ไม่มีสารพิษปนเปื้อน และเกษตรกรก็ไม่ต้องไปส่งผลผลิตนอกท้องถิ่น ทำให้โรงเรียนซื้อผลิตผลได้ในราคาไม่แพง เนื่องจากไม่ต้องมีค่าขนส่ง ซึ่งหลังจากดำเนินโครงการแล้วพบว่า มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น กลายเป็นโมเดลในการส่งเสริมการเกษตร จนหลายประเทศในยุโรปดำเนินแนวคิดตาม

ทพญ.จินดา พรหมทา ผู้เชี่ยวชาญการจัดการอาหาร ที่ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายเกษตรกรในท้องถิ่น อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ให้ส่งผลิตผลเกษตรอินทรีย์ เพื่อนำมาทำเป็นอาหารกลางวันให้กับนักเรียนในท้องถิ่น เล่าว่า จากแนวคิดที่ทำมา หัวใจสำคัญคือ ต้องมีการตกลงเชิงนโยบายในท้องถิ่น บริหารจัดการความต้องการ และวางแผนการผลิตวัตถุดิบในท้องถิ่น เพื่อส่งให้กับโรงเรียน โดยต้องมีคนกลางที่รู้รายละเอียดว่า เด็กจะบริโภคต่อวันเท่าไร เพื่อเชื่อมโยงระหว่างโรงเรียนกับเกษตรกรในท้องถิ่น ซึ่งผลสำเร็จที่ได้ เกษตรกรจะภาคภูมิใจ ที่ได้ปลูกผักให้กับลูกหลานกินในท้องถิ่นของตน

แต่จุดอ่อนของการส่งเสริมให้เกษตรกรนำผลิตผลไปขายให้กับโรงเรียนคือ หน่วยงานราชการขาดการบูรณาการ โดยต่างคนต่างทำ และไม่ใช้ประชาชนเป็นศูนย์กลางความคิด แต่เน้นทำงานตามผู้บังคับบัญชาสั่ง ส่งผลให้งานไม่ประสบความสำเร็จ

ขณะเดียวกัน ต้องมีเมนูกลาง โดยผ่านการคัดเลือกโดยเกษตรกรในท้องถิ่น ที่ถูกสุขอนามัย โดยเครือข่ายเกษตรกรที่ทำอยู่ใน จ.สุรินทร์ ตอนนี้มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 53 แปลง สิ่งที่ได้คือ เกษตรกรมีพื้นที่ระบายผลผลิต และทำให้สุขภาพเกษตรกรดีขึ้น มีรายได้อย่างมั่นคง จากการส่งผลผลิตให้กับโรงเรียนเพื่อทำเป็นอาหารกลางวัน

ปาลีวรรณ สิทธิการ โรงเรียนชุมชนบ้านบ่อประดู่ จ.สงขลา กล่าวถึงประเด็นการส่งเสริมอาหารกลางวันของนักเรียนว่า ที่ผ่านมาระบบการผลิตอาหารจากเกษตรกรในพื้นที่ขาดตอน และครูมีภาระงานมาก เลยทำให้เป็นจุดอ่อนในระบบการจัดการ แต่ถ้ารัฐบาลมีแนวทางในการเชื่อมโยงระหว่างโรงเรียนกับเกษตรกรในท้องถิ่น โดยรัฐบาลต้องพยายามสร้างนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้เกษตรกรในท้องถิ่นได้มีอาชีพ

ถ้าเชื่อมต่อระหว่างเกษตรกรและโรงเรียนได้ทุกแห่งจะเป็นผลดี โดยทุกโรงเรียนควรมีการกำหนดเมนูอาหารล่วงหน้า 1 เดือน เพื่อให้เกษตรกรในท้องถิ่นได้ปลูกพืช เพื่อนำมาเป็นวัตดุดิบให้เพียงพอกับความต้องการประกอบอาหารกลางวันของโรงเรียน

ประหยัดต้นทุนอาหารกลางวันโรงเรียน

ทพญ.จันทนา อึ้งชูศักดิ์ ประธานกรรมการกำกับทิศทางแผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า การส่งเสริมเกษตรกร ในการส่งผลผลิตให้กับโรงเรียน นอกจากจะทำให้เด็กซึมซับเรื่องอาหารท้องถิ่น และส่งเสริมเกษตรอินทรีย์แล้ว ยังทำให้เศรษฐกิจในชุมชนหมุนเวียน โดยเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ในท้องถิ่น ไม่ต้องไปหาตลาดในพื้นที่ภายนอก ที่ส่งผลต่อต้นทุนการขนส่ง

สิ่งสำคัญคือ ต้องมีโซ่ข้อกลาง ในการบริหารจัดการระหว่างเกษตรกรและโรงเรียน เพื่อให้ผลผลิตที่นำมาส่งต่อให้โรงเรียนมีปริมาณอาหาร ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อไม่ให้เป็นเศษขยะในโรงเรียนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีกับทุกฝ่าย

สามารถ สะกวี ปรึกษาครัวใบโหนดและกลุ่มออมทรัพย์ จ.สงขลา เล่าว่า ทางกลุ่มมีความพร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการประสานโครงการอาหารกลางวันปลอดสารพิษ โดยขณะนี้มีกลุ่มเกษตรกรที่พร้อมส่งต่อผลผลิตให้กับโรงเรียนในชุมชน คาดว่าจะทำให้งบประมาณอาหารกลางวันของโรงเรียนมีต้นทุนที่ถูกลง เกษตรกรในพื้นที่สามารถนำผลผลิตที่ได้มาขายให้กับโรงเรียน โดยไม่ต้องไปหาตลาดข้างนอก

เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center กล่าวว่า อาหารเป็นสินค้าที่มีราคาแพงเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนอาหารในโรงเรียนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะผักผลไม้มีอัตราแพงมากขึ้น โดย 5 ปี แพงขึ้นประมาณ 20.1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งพบว่าเด็กในพื้นที่ภาคใต้ มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของทั้งประเทศ 7.2 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลจากเกษตรกรหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น ปาล์ม ที่เด็กไม่สามารถทานได้ ประกอบกับต้นทุนของอาหารที่สูง ส่งผลต่อสุขภาพของเด็กในโรงเรียน ดังนั้นการพัฒนาในเกษตรกรปลูกพืช ที่สามารถนำมาจำหน่ายให้กับโรงเรียนเพื่อเป็นอาหารกลางวันได้ จึงเป็นอีกทางรอดในสภาวะที่โลกเปลี่ยนแปลง.


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *