ธนชาตประกันภัย ปี 2566 กำไรเกือบ 700 ล้าน เบี้ยรถยนต์โต 14% แตะหมื่นล้าน หนุนเบี้ยรับรวมโต 12% กางแผนปี 2567 เป้าเบี้ยโต 10% แตะ 1.27 หมื่นล้าน ตั้งเป้าท้าทายเล็งขึ้นท็อป 3 พอร์ตประกันรถยนต์ในปี 2570

วันที่ 5 มีนาคม 2567 นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนชาตประกันภัย (TNI) เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม จำนวน 11,550 ล้านบาท เติบโต 12% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) ซึ่งเติบโตสูงกว่า 3 เท่าของอุตสาหกรรมฯ ที่โตเฉลี่ยแค่ 3.5% โดยเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 10,399 ล้านบาท เติบโตสูงเป็นอันดับ 2 ของตลาด หรือเติบโตขึ้น 14% ซึ่งสัดส่วนเบี้ยประกันรถยนต์ของบริษัทในตอนนี้คิดเป็น 90% ของเบี้ยรับรวม

โดยปีที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราค่าสินไหมทดแทน (loss Ratio) โดยรวมที่ระดับ 54.4% มีกำไรสุทธิ 697 ล้านบาท และมีผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ระดับ 12% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ

สำหรับในปี 2567 อุตสาหกรรมฯตั้งประมาณการเบี้ยรับรวม 3 แสนล้านบาท เติบโต 5-6% YOY ในขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยรับรวม 12,700 ล้านบาท จะเติบโต 10% โดยบริษัทมีแผนจะโฟกัสประกันคุ้มครองสินเชื่อรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุที่เกี่ยวเนื่องกับการขับขี่รถยนต์ อนาคตมองถึง mobility insurance ที่จะเข้าไปดูแลลูกค้าเพิ่มเติม

โดยสิ่งที่ดำเนินการไปแล้วคือ การโค้ดราคาเบี้ยลูกค้าแต่ละรายตามพฤติกรรมการขับขี่ หรือแต่ละเซกเม้นต์ รวมทั้งในแต่ละพื้นที่อีกด้วย เพราะบริษัทมีข้อมูลสถิติกว่า 20 ปี ที่จะนำมาพิจารณาค่าเบี้ยที่เหมาะสมได้

ในส่วนประกันรถอีวี ตั้งเป้าพอร์ตรถจำนวน 10,000 คัน เติบโต 25% จากปีก่อนที่มีพอร์ตอยู่จำนวนกว่า 5,000 คัน ซึ่งเติบโตสูงถึง 200% โดยเน้นรับประกันกลุ่มงานรถอีวียุโรปเป็นหลัก ปัจจุบันได้สร้างอีโคซิสเต็มของการรับประกันรถอีวีขึ้นมาแล้ว โดยหากลูกค้าต้องการทราบจุดชาร์จไฟบริษัทก็จะแนะนำให้ได้ หรือมีรถสไลด์คอยให้บริการเมื่อรถเกิดปัญหา หรือไฟไม่มีสามารถนำส่งที่จุดชาร์จไฟที่ใกล้ที่สุดให้กับลูกค้าได้ รวมทั้งมีการให้คำปรึกษาพิเศษสำหรับผู้ใช้รถอีวี ครอบคลุมไปถึงกรณีที่ลูกค้าต้องการติดตั้งวอลล์ชาร์จที่บ้าน

ประกันรถบรรทุกยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเบี้ยรับจะโตระดับ 60% ซึ่งตอนนี้มีอู่ซ่อมเครือข่ายรถบรรทุกคอยให้บริการอยู่กว่า 136 แห่งทั่วประเทศ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญและทีมฉุกเฉินคอยให้การจัดซ่อมเพื่อความรวดเร็ว ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของบริษัท

และยังมุ่งเน้นประกันภัยบ้าน ตั้งเป้าเบี้ยรับจะโต 100% โดยนอกเหนือจากให้ความคุ้มครองไฟไหม้แล้ว ลูกค้าสามารถเลือกความคุ้มครองภัยธรรมชาติได้ รวมถึงความคุ้มครองการโจรกรรม หรือบุคคลภายนอกที่เกิดอุบัติเหตุภายในบ้านได้ ที่สำคัญยังมีเรื่องของ Emergency Home Assistance กรณีเจ้าบ้านหรือลูกบ้านมีปัญหาเรื่องงานประปาไฟฟ้าไม่ทำงาน สามารถโทรเข้ามาได้ บริษัทพร้อมที่จะนำเสนอบริการแก้ไขปัญหาให้ได้ ซึ่งจะเป็น one stop service

นอกจากนี้มุ่งให้บริการประกันการเดินทาง ตั้งเป้าเบี้ยรับโต 100% มุ่งเน้นกรมธรรม์ราคาเดียว คุ้มครองเฉพาะช่วงเวลาเดินทางหรือจะซื้อเป็นรายปีก็ได้

นายพีระพัฒน์ กล่าวอีกว่า ยังมีเป้าหมายที่ท้าทายยิ่งขึ้น โดยตามแผนในปี 2570 ต้องการขึ้นเป็นท็อป 3 ทางด้านประกันภัยรถยนต์ของประเทศไทยจากปัจจุบันอยู่ในอันดับ 5 ซึ่งจะมีเบี้ยรับรวมแตะ 30,000 ล้านบาท ทั้งนี้จะเป็นปีที่บริษัทธนชาตประกันภัยจะมีอายุครบ 30 ปีพอดี โดยการเติบโตของเบี้ยประกันจะต้องอยู่ในระดับ 30% ต่อปี ซึ่งการเติบโตในส่วนนี้จะเป็นอัตราเพิ่มธรรมชาติ (Natural growth rate) อย่างไรก็ตามยังมีการเติบโตอีกหลายวิธี