นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง มีข้อสั่งการถึงมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยเฉพาะหน่วยงานในภาครัฐ เพื่อสนับสนุนการผลักดันการใช้และผลิตรถยนต์อีวีตามนโยบาย 30@30 คือ เป้าหมายต้องผลิตอีวีได้อย่างน้อย 30% ภายในปี 2030 โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ทุกส่วนราชการจัดซื้อจัดจ้างรถ EV แทนรถยนต์ที่หมดอายุ รวมถึงการจัดซื้อหรือเช่ารถ EV ด้วย โดยให้กระทรวงคมนาคม ร่วมกับกระทรวงคลัง กำหนดมาตรการส่งเสริมรถยนต์สาธารณะทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ รถสามล้อ ให้เปลี่ยนเป็นรถ EV และการส่งเสริมการผลิตแบตเตอรี่ การสร้างโครงข่ายสถานีชาร์จต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งในที่ประชุม ครม.ได้ตั้งข้อสังเกตถึงผลกระทบมาตรการของรถ EV ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดรถมือสอง ซึ่งขอให้มีการพิจารณาแนวทางที่ครอบคลุมส่วนนี้ด้วย
*ตั้ง “พัชรวาท-กิตติรัตน์” นั่งคกก.จัดการปัญหามลพิษทางอากาศ
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังกำชับเรื่องการป้องกันแก้ปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่งแจ้ง ซึ่งเป็นส่วนของการสร้างฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องมีแผนปฎิบัติการลดความอันตราย โดยแก้ปัญหาที่ต้นตอ ที่ต้องร่วมมือกับทุกฝ่ายทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน จึงแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ และให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานคณะกรรมการ
นางรัดเกล้า กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเรื่องขยะที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการพัฒนา โดยหน่วยงานของรัฐต้องเป็นต้นแบบที่ดีในการจัดการขยะ ต้องทำพร้อมกันทั้งระบบ ก็คือต้นทาง กลางทาง ปลายทาง โดยต้นทางคือ ทุกหน่วยงานต้องลดปริมาณขยะให้มากที่สุด และนำกลับมาใช้ใหม่ รวมไปถึงรีไซเคิลด้วย ส่วนกลางทาง ทุกหน่วยงานส่งเสริมให้เกิดการแยกขยะ เพื่อให้ง่ายต่อการกำจัดขยะ และปลายทางคือ หน่วยงานท้องถิ่นจัดหาพื้นที่กำจัดขยะตามหลักวิชาการ และเร่งกำจัดกัดขยะตกค้าง