บุกถล่มกาซ่าไม่รามือ ทัพยิวแก้แค้นฮามาสหรือหวังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์



เปิดสถิติสุดโหด ช่วง 1 เดือนเศษนับแต่ 7 ตุลาฯ กองทัพยิวยิงจรวดถล่มฉนวนกาซ่าเฉลี่ยชั่วโมงละ 42 ลูก คนตายเฉลี่ย ชม.ละ 15 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 6 คน โรงพยาบาล 21 จาก 36 แห่งในกาซ่าเสียหายใช้งานไม่ได้ ล่าสุดปฏิบัติบุกถล่มโรงพยาบาลอัลชีฟา ยิ่งเพิ่มข้อสงสัยกองทัพอิสราเอลแค่จะกวาดล้างกลุ่มฮามาสหรือจะฆ่าล้าเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์กันแน่ ขณะเดียวกันอิสราเอลได้ใช้ “ยูเครนโมเดล” คือจ้างชาวต่างชาติมาช่วยรบ

ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงความคืบหน้าของสถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส และปาเลสไตน์ ซึ่งนับเป็นโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของมวลมนุษยชาติในรอบหลายสิบปี โดยตัวเลขล่าสุด มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซ่าราว 11,300 คนแล้วในจำนวนนี้เป็นเด็กและผู้หญิงประมาณ 70% มีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 28,000 คน มีชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าที่ต้องพลัดถิ่นแล้ว 1.4 ล้านคน(จากจำนวนประชากรทั้งฉนวนกาซ่าประมาณ 2.3 ล้านคน) นอกจากนี้ในเขต“เวสต์แบงก์”ยังมีผู้เสียชีวิตอีกประมาณ 200 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กและผู้หญิงประมาณ 50 คน และยังมีผู้เสียชีวิตอีกประมาณ 2,500 คน


ทั้งนี้ทางสื่ออย่างอัลจาซีราห์ ได้ประเมินตัวเลขของเหตุโศกนาฏกรรมในฉนวนกาซ่าเอาไว้ว่า ในทุก ๆ 1 ชั่วโมงอิสราเอลถล่มฉนวนกาซ่าด้วยจรวดเฉลี่ย 42 ลูก มีอาคารถูกถล่มเฉลี่ย 12 แห่งผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 15 คน โดยในจำนวน 15 คนนี้เฉลี่ยเป็นเด็ก 6 คนมีผู้ได้รับบาดเจ็บเฉลี่ย 35 คน


ล่าสุดเหตุการณ์ที่กำลังจะเป็นชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้สงครามลุกลามออกไปก็คือ การเคลื่อนรถถัง และยกพล บุกเข้าไปใน“โรงพยาบาลอัลชีฟา” ในกาซ่าซิตี้ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซ่า โดยกองทัพอิสราเอล (IDF) เมื่อวันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา


กองทัพอิสราเอลให้เหตุผลว่า การบุกเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งนี้เพื่อล่าสังหารนักรบฮามาส ที่ซุกซ่อนอาวุธ และตัวประกันไว้ภายในอาคาร และอ้างว่าสามารถสังหารนักรบฮามาสได้ 5 นาย ขณะที่ปฏิบัติการดังกล่าวได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำเนินงานของโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยอยู่ประมาณ 700 คน และบุคลากรทางการแพทย์อีกจำนวน 500 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ลี้ภัยที่พักพิงอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้อีกประมาณ 1,500 คน


การบุกโรงพยาบาลอัช ชีฟา ของกองทัพอิสราเองครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมร้ายแรง ทว่า “อิสราเอล”กลับได้รับการสนับสนุนจาก“สหรัฐอเมริกา” ที่ให้ท้ายว่า ทางกองทัพสหรัฐฯ ก็มีข้อมูลข่าวกรองสนับสนุนเช่นกันว่า “กลุ่มฮามาส” มีศูนย์บัญชาการใหญ่อยู่ใต้โรงพยาบาลแห่งนี้

ซึ่ง “กลุ่มฮามาส” ก็ออกมาตอบโต้ว่า คำประกาศดังกล่าวเท่ากับเป็นการอนุมัติการบุกของอิสราเอล และไบเดนต้องร่วมรับผิดชอบอาชญากรรมสงครามที่อิสราเอลก่อขึ้นในครั้งนี้


อย่างไรก็ตามข่าวเชิงลึกระบุว่า“สถานีวิทยุกองทัพอิสราเอล” ยอมรับความผิดพลาดงานข่าวกรองว่า “ไม่มีวี่แววของเชลยที่โรงพยาบาลอัลชิฟา ในกาซ่า หลังจากที่ทหารอิสราเอลเข้าจู่โจม และตรวจค้นโรงพยาบาลอัลชีฟาแล้ว”

ด้วยเหตุนี้ ประธานาธิบดี เรเซป ไตยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี จึงกล่าวประณามอิสราเอลต่อการกระทำครั้งนี้ว่าเป็น “รัฐก่อการร้าย” มีเจตนาที่จะทำลายล้างกาซา พร้อมกับชาวปาเลสไตน์ผู้อยู่อาศัยทั้งหมดทุกคน

ตั้งแต่เริ่มสงครามมา จากการเก็บข้อมูลของอัลจาซีราห์ ตั้งแต่ วันที่ 7 ตุลาคม 2566 จนถึง วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีสถานพยาบาล และโรงพยาบาลในกาซ่า รวมไปถึงตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดการสื่อสาร ไปแล้วกว่า 270 แห่ง ส่งผลให้โรงพยาบาล 21 แห่ง จาก 35 แห่ง ในกาซ่าหรือกว่า 60% นั้นไม่สามารถทำงานได้ รถพยาบาลพังไปแล้ว 87 คัน ส่วนคลินิกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่กระจายในพื้นที่กว่า 70% หรือ 51 แห่งจาก 72 แห่ง ไม่สามารถช่วยเหลือผู้คนได้


จึงมีคำถามว่านี่คือปฏิบัติการจัดการกับกลุ่มฮามาส? หรือปฏิบัติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่ากันแน่?

ยูเครนโมเดล? อิสราเอล หันใช้ทหารรับจ้างต่างชาติลุยกาซ่า

เหตุการณ์การบุกจู่โจมอิสราเอล อย่างฉับพลันของกลุ่มฮามาส เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว แต่ทำไมยังมีรายงานว่า“แรงงานไทย”ที่ว่ากันว่า ส่วนใหญ่ไปรับจ้างทำการเกษตรในอิสราเอล เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่ามีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก5 คน รวมคนไทยเสียชีวิตทั้งหมด39 คน นับจากวันที่ 7 ตุลาคม

ขณะเดียวกันมีข่าวลือแพร่สะพัดมาสักพักแล้วว่ามีชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งซึ่งรวมถึงคนไทยด้วยเข้าไปเป็นทหารรับจ้างในอิสราเอลเพื่อรบกับกลุ่มปาเลสไตน์

ล่าสุดมีข่าวชิ้นหนึ่งจากสเปนยืนยันเรื่องนี้ โดยเมื่อวันที่ 3พฤศจิกายน 2566หนังสือพิมพ์เอลมันโดของสเปนรายงานว่ากองทัพอิสราเอลได้ว่าจ้างทหารรับจ้างต่างชาติในการทำสงครามภาคพื้นดินรุกรานแย่งชิงดินแดนกาซาในปาเลสไตน์


โดยนายเปโดรดีอาซฟอเรซซึ่งเป็นทหารรับจ้างชาวสเปนให้สัมภาษณ์เองตอนนี้นายเปโดรกำลังทำการรบอยู่แนวหน้าสงครามพร้อมกับทหารรับจ้างจากชาติอื่นมีทั้งยุโรปเอเชีย (น่าจะเป็นประเทศไทย)ที่แอบแฝงในคราบผู้ใช้แรงงานเพราะว่าอิสราเอลจ่ายผลตอบแทนดีและยังมีการพบทหารรับจ้างไทยจำนวนหลักร้อยคนที่แอบแฝงเป็นทหารรับจ้างในกองทัพอิสราเอลด้วย

ถามว่าอิสราเอลให้ค่ารับจ้างดีแค่ไหน ?อิสราเอลให้ค่าจ้างเป็นรายสัปดาห์ถ้าออกไปรบรอดชีวิตได้ครบสัปดาห์จะได้เงินค่าจ้าง 3,900ยูโรหรือประมาณ 150,000บาทถ้ารอดชีวิตได้ 1เดือนก็คือ 600,000บาทสาเหตุที่มีการจ่ายเงินเป็นรายสัปดาห์เพราะสถานการณ์สู้รบมีความเปลี่ยนแปลงและผันผวนโดยตลอด

นี่เองจึงพบว่ามีชาวต่างชาติถูกทหารฮามาสจับกุมตัวได้ขณะรุกรานแผ่นดินปาเลสไตน์ ถูกจับมัดและประหารชีวิต ด้วยเหตุนี้ฝ่ายอิสราเอลจึงใช้ประโยชน์ โดยนำภาพเหล่านั้นแถลงโยนแพะ และใช้เป็นเครื่องมือข่มขู่กดดันรัฐบาลชาติที่พลเมืองถูกจับเป็นเชลย


นอกจากนี้ยังมีข่าวด้วยว่า นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้เรียกประชุมเอกอัคราชทูตต่างประเทศประจำอิสราเอล พร้อมแบล็กเมล์ว่าพวกเขาต้องร่วมกับอิสราเอลกดดันคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ เพื่อเรียกร้องให้สามารถไปเยี่ยมเชลยราว 240 คนที่ถูกคุมขังในกาซา กว่า 100 คนเป็นชาวต่างชาติ

แต่ผู้นำอิสราเอลกลับไม่แยแสถึงกรณีที่ อิสราเอลระดมปูพรมทิ้งระเบิดใส่พลเรือนเด็ก ผู้หญิง ปาเลสไตน์ ในแนวหลังในโรงพยาบาล โรงเรียน ค่ายผู้อพยพ ฯลฯ ที่ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับสงคราม จนเสียชีวิตกว่า 12,000 ราย ราวกับว่าการกระทำดังกล่าวไม่ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

ด้านนายนัสเซอร์ คานานี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ได้แถลงว่า อิหร่าน ตัวกลางการเจรจาได้รับการร้องขอจากบางประเทศที่มีพลเมืองอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์ ที่ถูกอิสราเอลยึดครองขอให้ปล่อยตัวเชลยเหล่านี้


อิหร่านได้ส่งต่อคำขอไปยัง นายอิสมาอิล ฮานีเยห์ หัวหน้าระดับสูงฮามาส พร้อมที่จะช่วยเหลือและให้ความร่วมมือ แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีดำเนินการ เนื่องจากอิสราเอลทิ้งระเบิดใส่เชลยเหล่านั้นตลอดเวลาจน มีข่าววงในแจ้งว่า ตัวประกัน 60 รายเสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดไปแล้วแล้ว

มีประเด็นที่น่าสังเกตุคือ จากกรณีข่าวหลุดออกมาว่า อิสราเอลได้จ้างนักรบชาวต่างชาติเพื่อแลกกับการผลตอบแทน เดือนละกว่า 600,000 บาทต่อคน แล้วจะเคลมได้อย่างไรว่าคือฝีมือรบกองทัพอิสราเอล ศักดิ์ศรีกองทัพที่เคยภูมิใจคุยมาตลอดว่าชนะสงคราม 6 วันอยู่ที่ไหน?

ประเด็นถัดมา พรรคฮามาส เรียกคนที่ถูกจับไปในเขตดินแดนปาเลสไตน์ที่อิสราเอลยึดครองว่า“นักโทษ”หมายความว่าพวกเขาใช้อำนาจปกครองอธิปไตยเหนือดินแดนตามกฎหมายระหว่างประเทศ จับกุมผู้บุกรุก หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย และในจำนวนนั้นอาจเป็นทหารรับจ้าง และทหารอิสราเอล

ลองคิดดูว่าถ้าฮามาสจับตัวชาวข้าศึกต่างชาติได้พร้อมอาวุธปืน และเครื่องแบบทหารอิสราเอล หรือภาพหลักฐานในโทรศัพท์มือถือในการร่วมงานกับกองทัพอิสราเอล ก็ย่อมถูกลงโทษจำคุก หรือประหารชีวิต จะปล่อยตัวโดยยังไม่ได้รับโทษได้อย่างไร?

น่าสังเกตในช่วงหลังพลเมืองบางชาติถูกสังหาร และจับกุมมากผิดปกติเพิ่มขึ้น โดยบางคนขอใบอนุญาตไปรัฐอิสราเอล แต่เดินทางฝ่าตลุยข้ามแดนเข้าไปทำอะไรไกลมากในเขตรัฐปาเลสไตน์ แนวหน้าสงครามสู้รบจนถูกจับเป็นนักโทษ และเสียชีวิตเพิ่ม มีอะไรแปลก ๆ พิกลแน่นอน


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *