
พาณิชย์จีนแถลง ทรัมป์ยกเลิกมาตรการภาษีทันที ขู่ตอบโต้ รักษาผลประโยชน์ประเทศ
จากกรณีที่รัฐบาลสหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 34% จากตัวเลข 20% ที่มีผลบังคับใช้อยู่แล้ว ส่งผลให้จีนต้องเผชิญกับอัตราภาษีศุลกากรสูงถึง 54% โดยอัตราภาษีใหม่ที่เพิ่มขึ้นนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน
เมื่อวันที่ 3 เมษายน กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงขอให้สหรัฐยกเลิกมาตรการเก็บภาษีในทันที โดยมาตรการดังกล่าวละเลยผลประโยชน์ที่ประเทศคู่ค้าได้รับจากข้อตกลงทางการค้าและระเบียบการค้าเสรีระหว่างประเทศ พร้อมกับให้คำมั่นว่าจีนจะดำเนินการตอบโต้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศด้วย
ในขณะเดียวกัน รูบี้ ออสแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนศึกษาที่สถาบันโกลบอลเชนจ์ กล่าวว่า “บริษัทจีนได้ย้ายโรงงานผลิตไปที่ประเทศอื่นอย่างเวียดนามและเม็กซิโกเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ ทั้งนี้ ประเทศดังกล่าวก็เผชิญกับอัตราภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้นไม่ได้แตกต่างกัน”
ทั้งนี้ ออสแมนกล่าวเพิ่มว่า จีนรู้ล่วงหน้าเป็นอย่างดีว่ามาตรการเก็บภาษีของทรัมป์นั้นจะเกิดขึ้น จึงได้ประกาศอย่างระมัดระวังว่าเศรษฐกิจจีนจะโตขึ้นแค่ 5% ระหว่างการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยจีนตั้งใจที่ใช้งบประมาณอย่างระมัดะวัง ทั้งต่อมาตรการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงมาตรการตอบโต้ เพื่อจะได้รับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้าน วิลเลียม เฮิร์สต์ ศาสตราจารย์ภาควิชาการพัฒนาจีน มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ กล่าวว่า ภาษีศุลกากรของทรัมป์มีแนวโน้มจะทำให้จีนดำเนินความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศอื่น อย่างไรก็ดี สหรัฐถือเป็นตลาดที่มีขีดความสามารถในการบริโภคมากที่สุด ซึ่งได้สร้างรายได้ให้กับจีนมากกว่า 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยกล่าวว่า มาตรการภาษีไม่ได้ช่วยบริษัทในจีนแต่อย่างใด ทั้งยังจะส่งผลกระทบในแง่ลบต่ออุตสาหกรรมบางส่วน อย่างไรก็ดี มาตรการภาษีจะไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อเศรษฐกิจจีน เนื่องจากว่าความสำคัญของสหรัฐที่มีต่อเศรษฐกิจจีนนั้นลดลงอยู่แล้วด้วย

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่