พ่อแม่โวย เจอร้านอาหารคิดค่าบริการเพิ่มจุก ๆ หลังปล่อยลูกเสียงดัง-วิ่งในร้าน ยืนกรานลูกฉันน่ารัก นั่งเงียบตอนกิน ชี้มากับหลายครอบครัว เด็กรวมกัน 11 คน

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 29 ตุลาคม 2566 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า ร้านอาหารแห่งหนึ่งในรัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ กำลังตกเป็นประเด็นพูดถึงหลังจากถูกคู่สามีภรรยาหนึ่งออกมารีวิว ต่อว่าทางร้านที่คิดค่าบริการพวกเขาเพิ่มอีก 50 ดอลลาร์ (ราว 1,800 บาท) เหตุเพราะปล่อยให้ลูก ๆ ส่งเสียงดัง ซึ่งจัดเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่ารัก
โดยพบว่าในเมนูของทางร้าน Toccoa River Restaurant มีการระบุค่าบริการเพิมเติมสำหรับผู้ใหญ่ หากพวกเขาไม่สามารถทำหน้าที่เป็นพ่อแม่ คอยดูแลลูก ๆ ให้ประพฤติตัวดีขณะอยู่ในร้านได้ พร้อมกับค่าบริการอื่น ๆ ที่จะมีการคิดเพิ่มเช่น ชาร์จเพิ่ม 20% หากลูกค้ามาเป็นกลุ่มเกิน 6 คน ต้องการแยกบิลชำระเงิน หรือสั่งอาหารจากเมนูวันเกิด
นอกจากนี้ยังมีการชาร์จเพิ่ม 3 ดอลลาร์สหรัฐ (ราวย 100 บาท) สำหรับลูกค้าที่แชร์อาหารกิน รวมถึงย้ำว่าราคาที่ปรากฏในเมนูนั้นเป็นราคาสำหรับการชำระด้วยเงินสดเท่านั้น แต่หากต้องการชำระด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่เงินสด จะถูกคิดค่าบริการเพิ่ม 3.5%
ในขณะที่ภาพเมนูดังกล่าวกลายมาเป็นที่พูดถึง กลับพบว่ามีลูกค้ารายหนึ่งเข้ามาทิ้งรีวิว แสดงความไม่พอใจที่ถูกร้านอาหารคิดค่าบริการเพิ่ม 50 ดอลลาร์ จากการไม่ดูแลลูก โดยชี้ว่าเจ้าของร้านไม่เคารพพวกเขาและทำให้เรื่องใหญ่โตต่อหน้าคนทั้งร้าน เพราะลูก ๆ ของพวกเขาวิ่งในร้านอาหาร อีกทั้งเจ้าของร้านยังอ้างว่าพวกเขาต้องไปร้านฟาสต์ฟู้ดแทนถ้าเป็นแบบนี้ ซึ่งเขามองว่าเป็นอะไรที่แย่มาก และจะไม่กลับไปร้านนี้อีก
ต่อมา ไคล์ และ ลินซีย์ แลนด์แมนน์ คู่สามีภรรยาที่เข้าไปรีวิวตำหนิร้านอาหารดังกล่าว ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยทางสามีชี้ว่า “เจ้าของร้านเดินมาบอกผมว่าจะคิดเงินเพิ่มอีก 50 ดอลลาร์ในบิลของผม เพราะพฤติกรรมของลูกผม ทั้ง ๆ ที่ลูกของผมนั่งดูแท็บเล็ตจนกระทั่งอาหารมาเสิร์ฟ พวกเขากินอาหาร ก่อนที่ภรรยาผมจะพาเด็ก ๆ ออกไปข้างนอก ส่วนผมนั่งรถจ่ายบิลอยู่ที่โต๊ะ”

ภาพจาก Reddit / LPineapplePizzaLover
ทางฝ่าย ลินซีย์ เผยว่า เธอตกใจมากกับเรื่องนี้ และยืนยันว่าลูก ๆ ของเธอทำตัวดี
ปรากฏว่าในวันนั้น ครอบครัวนี้ซึ่งมีลูกเล็ก ๆ 3 คน
เข้าไปทานอาหารที่ร้านพร้อมกับอีก 4 ครอบครัว
รวมแล้วโต๊ะของพวกเขามีเด็กทั้งหมด 11 คน อายุตั้งแต่ 3-8 ขวบ
ลินซีย์ชี้ว่า เด็ก ๆ นั่งรวมกันที่ปลายโต๊ะฝั่งหนึ่ง พวกเขาทำตัวดีมาก
จนเธอยังอดแปลกใจไม่ได้ที่พวกเขาทำตัวดีขนาดนั้น
เมื่อทานของหวานเสร็จ พ่อแม่บางคนก็พาลูก ๆ ออกไปเล่นน้ำ ตอนนั้นเองที่ ทิม
ริชเตอร์ เจ้าของร้านเดินเข้ามาหาลูกค้าโต๊ะนี้
แจ้งให้พวกเขาทราบเรื่องค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับพ่อแม่ที่ไม่ทำหน้าที่พ่อแม่
ตามที่ปรากฏในเมนู
ซึ่งเดิมลินซีย์คิดว่าเธอจะได้รับคำชื่นชมและบอกว่าพวกเธอจะไม่ถูกคิดค่าบริการส่วนนี้
แต่แล้วเจ้าของร้านกลัวแจ้งว่า โต๊ะของเธอจะถูกเพิ่มค่าบริการลงในทุก ๆ
บิล
เมื่อพวกเธอขอคำอธิบาย
เจ้าของร้านก็บอกเพียงว่าพวกเธอส่งเสียงดังเกินไป เขาไม่พอใจที่เด็ก ๆ
วิ่งเล่นกันนอกร้าน แม้จะมีผู้ปกครองคอยดูอยู่ก็ตาม
สิ่งนั้นทำให้ลินซีย์เดือดจัด เพราะเธอมองว่าเด็ก ๆ นั่งเงียบกันมาตลอด
แต่อยู่ ๆ กลับถูกเจ้าของร้านเข้ามาเรียกเก็บค่าบริการเพิ่ม
ซ้ำยังบอกว่าพวกเธอสมควรจะไปร้านฟาสต์ฟู้ดมากกว่าร้านของเขา
อย่างไรก็ตาม ริชเตอร์ วัย 61 ปี เจ้าของร้าน เปิดใจกับสื่อว่า
เขาได้เพิ่มการเรียกเก็บค่าบริการนั้นเมื่อไม่กี่ปีก่อน
ในช่วงที่โควิดระบาด และอ้างว่าเขาไม่เคยขู่ว่าจะชาร์จเงินใครเลย
จนกระทั่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ตอนที่มีครอบครัวใหญ่มาที่ร้าน
และปล่อยให้เด็ก ๆ วิ่งไปทั่วร้านของเขา
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น
เจ้าของร้านยืนยันว่าเขาแค่เตือนครอบครัวดังกล่าวเท่านั้น
ไม่ได้มีการเก็บเงินเพิ่มจริง ๆ
พร้อมย้ำว่าเขาแค่ต้องการให้พ่อแม่ทำหน้าที่ของพ่อแม่เท่านั้น
ทั้งนี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ครั้งแรกที่ร้านโดนรีวิวแย่เกี่ยวกับทัศนคติของร้าน
ที่มีต่อครอบครัวซึ่งนำลูกมาด้วย โดยมีอีกคอมเนต์ชี้ว่า
เขาไปที่ร้านพร้อมกับลูก ๆ ที่ยังเป็นทารก
ซึ่งทางร้านก็มองดูพวกเขาแย่มากตั้งแต่เข้าไป
จากนั้นเมื่อภรรยาของเขาจะกล่อมลูกให้หลับ ก็มีผู้จัดการร้านเดินมาแจ้งว่า
อย่ามาทำแบบนี้ในร้านอาหารหรู
แถมยังนำรถเข็นเด็กของทารกไปไว้ยังจุดที่ไม่ดีนัก
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เจอเสียงวิจารณ์จากกลุ่มพ่อแม่ที่มีลูก
ยังมีบางคอมเมนต์ที่เห็นด้วยกับการปรับเงินดังกล่าว
โดยหญิงคนหนึ่งที่เคยไปร้านอาหารนี้ ระบุว่า เธอเข้าข้างพนักงานในเรื่องนี้
เพราะทิป 5 ดอลลาร์ (ราว 180 บาท) ของลูกค้า
ไม่คุ้มเลยกับความปวดหัวที่ต้องฟังเสียงเด็กกรี๊ด ขว้างปาอาหาร
หรือทิ้งขยะลงบนโต๊ะ “ทำไมคุณไม่ควบคุมลูกตัวเอง หรือกลับไปกินที่บ้านแทนล่ะ”
ขอบคุณข้อมูลจาก Daily Mail, Independent