สองวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์เข้าไปในโรงเรียน ขู่ฆ่า ปล้นโทรศัพท์มือถือเด็ก 10 ขวบ ซึ่งเป็นโทรศัพท์ของพ่อที่เสียชีวิต สิ่งของสุดท้ายของพ่อที่เหลือไว้ ก่อนขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
1 เม.ย.2567 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพจากผู้ใช้เฟซบุค “Gus Bell” ซึ่งได้โพสต์ภาพคนร้าย ขับรถจักรยานยนต์ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 4ขว- 3341 กรุงเทพฯ เข้ามาในโรงเรียน ซึ่งมีเด็กนักเรียนรอซ้อมฟุตบอลอยู่ข้างสนามฟุตบอล ถูกคนร้ายทั้งสองคนล็อคคอขู่ฆ่าบังคับให้บอกรหัสปลดล็อคโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะได้โทรศัพท์มือถือไปหนึ่งเครื่องแล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป พร้อมข้อความระบุว่า “เตือนภัย มีวัยรุ่นจากต่างหมู่บ้านเข้ามาในหมู่บ้านคำบง หาจี้ปล้น ล็อกคอเด็กน้อยให้บอกรหัสไม่งั้นจะฆ่า แล้วเอาโทรศัพท์ไป หลานผมพึ่งเจอเมื่อสักครู่ที่โรงเรียนบ้านคำบง มันเอาแต่โทรศัพท์ไป เด็กปลอดภัยแล้วครับ เห็นหน้าตารถชัดเจน กำลังไปแจ้งความ ฝากผู้ปกครองช่วยดูแลบุตรหลานเป็นหูเป็นตาช่วยกันครับ เป็นตะย้านแฮง ใครรู้จักInbox ผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ“
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับ นางรัตน์ พิมพ์ทรายมูล อายุ 60 ปี 295 ม.13 บ้านคำบง ต.สะอาด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น และ ด.ช.อนุชิต ทารส อายุ 10 ปี หรือน้องเอิร์ธ ซึ่งได้พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ดูจุดเกิดเหตุภายในโรงเรียนตามภาพที่ปรากฎในโซเชียลมีเดีย
นางรัตน์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุน้องเอิร์ธ ได้นั่งเล่นโทรศัพท์กับเพื่อนที่โรงเรียน ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้าน ขณะที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ม้านั่งหินอ่อนข้างสนามฟุตบอลกับเพื่อนอีก 2 คน คนร้ายขับรถจักรยานยนต์เข้ามา แล้วมานั่งลงกลางวง พร้อมกับนับเลขแล้วพูดว่า ให้ทั้ง 3 คนส่งโทรศัพท์มาถ้าไม่ส่งมา ตาย พอพูดจบเพื่อนๆ น้องเอิร์ธลุกขึ้นวิ่งทันที ส่วนหลานถูกคนร้ายเรียกแล้วล็อคคอเอาไว้ ลากมาที่ใต้ต้นไม้ห่างจากไม้หินอ่อนประมาณ 20 เมตร แล้วบอกว่าเอาโทรศัพท์มาให้พี่คุยกับลุงที่อยู่กรุงเทพหน่อย
“น้องเอิร์ธจึงบอกคนร้ายไปว่ายายห้ามให้โทรศัพท์คนอื่นเล่นเด็ดขาด คนร้ายจึงขู่ว่าถ้ามึงไม่ให้โทรศัพท์กูจะตีมึง จนน้องเอิร์ธกลัว ต้องส่งโทรศัพท์ให้คนร้ายไป ทั้งยังบังคับให้บอกรหัสปลดล็อคโทรศัพท์ พอคนร้ายได้รหัสปลดล็อคโทรศัพท์แล้วก็ปล่อยตัวน้องเอิร์ธก่อนจะขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไปทางหน้าสถานีอนามัยในหมู่บ้าน และน้องเอิร์ธยังบอกอีกว่า คนขับชื่อนายโหน่ง เคยเห็นมาเล่นที่โรงเรียนประจำ และเป็นคนบ้านเดียวกัน และตอนนี้อยากได้โทรศัพท์คืน เพราะเป็นสมบัติชิ้นเดียวของพ่อที่เหลืออยู่หลังจากพ่อตาย มีข้อมูลของพ่ออยู่ในนั้น และภาพถ่ายของพ่อที่เอาเก็บไว้ดูเวลาคิดถึงด้วย”
นางรัตน์ กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้ทราบจากผู้ใหญ่บ้านว่าเจอคนก่อเหตุแล้วเป็นคนต่างหมู่บ้าน และได้แจ้งทางตำรวจให้ทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆเพราะกลัวคนก่อเหตุจะแค้นย้อนกลับมาทำร้าย ซึ่งอาศัยอยู่กับหลานแค่ 2 คน