.css-nh9sg4 #forum2022-logoSponsor{text-align:center;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text{font-family:”KaLaTeXa Display”;font-size:10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text span{background-color:#ffffff;padding:0 10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text::after{content:””;height:1px;width:100%;background-color:rgb(216,216,216);position:absolute;top:50%;left:0;-webkit-transform:translateY(-50%);-ms-transform:translateY(-50%);transform:translateY(-50%);z-index:2;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor{padding:0;margin:0;list-style:none;display:-webkit-box;display:-webkit-flex;display:-ms-flexbox;display:flex;-webkit-flex-wrap:wrap;-ms-flex-wrap:wrap;flex-wrap:wrap;gap:15px;-webkit-box-pack:center;-webkit-justify-content:center;-ms-flex-pack:center;justify-content:center;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor{height:80px;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor img{height:80px;}
ในกระบวนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่น มักจะมีกลุ่มคนที่หลงใหลในรถยนต์ปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งคราว เพื่อสร้างสิ่งที่จะกลายเป็นตำนานของวงการยนตรกรรม กล่าวกันว่าผู้สร้าง Fairlady Z นั้นก็คือ Mr.K หรือ Yutaka Katayama ซึ่งเคยรับหน้าที่เป็นพนักงานประชาสัมพันธ์ของ Nissan และต่อมาก็กลายเป็นประธานคนแรกของ Nissan ในทวีปอเมริกาเหนือ Yutaka Katayama เข้าร่วมงานกับ Nissan ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2478 (ค.ศ. 1935) หลังสงคราม ประเทศญี่ปุ่นที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ได้ทำการพื้นฟูอุตสาหกรรมยานยนต์ จากการสนับสนุนของอเมริกัน Katayama ที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการขายรถยนต์ในแผนกประชาสัมพันธ์ก็ได้รับมอบหมายโปรเจกต์ใหม่อย่างต่อเนื่อง แนวความคิดที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ ด้วยการใช้กีฬามอเตอร์สปอร์ตผลักดันรถรุ่นใหม่ให้ขายได้ดีกว่าเดิม Katayama ส่งรถ Datsun 210 สองคันเข้าร่วมทำการแข่งขันในรายการแรลลี่ออสเตรเลีย ประจำปี พ.ศ. 2501 (ค.ศ.1958) ผลก็คือ รถทั้งสองคันวิ่งเข้าเส้นชัยในการแข่งขัน โดยคันหนึ่งเป็นผู้ชนะอันดับหนึงในคลาส และอีกคันอยู่ที่อันดับ 4 โอเวอร์ออล ทำให้รถยนต์ Nissan สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลกและราคาหุ้นก็ถีบตัวสูงขึ้นทันที




Yutaka Katayama นับเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งงานงานแสดงรถยนต์ All Japan Auto Show ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) (ต่อมากลายเป็นงานแสดงรถยนต์โตเกียวมอเตอร์โชว์) ในการจัดงานครั้งที่สี่ ที่ฮิบิยะปาร์ค Katayama ได้จัดแสดงรถสปอร์ตที่จะเป็นหัวใจสำคัญของงานขายรถรุ่นใหม่ โดยมีการโชว์รถที่ใช้แชสซีของ Datsun 210 หุ้มด้วยตัวถังแบบเปิด FRP หลังจากนั้น ทีมผู้บริหาร Nissan ตัดสินใจผลิตรถรุ่นดังกล่าวออกขาย เนื่องจากความนิยมในรถสมรรถนะสูงที่เพิ่มขึ้น (ในยุคนั้น) รถยนต์ Datsun Sports S211 ผลิตด้วยมือในปริมาณเพียงน้อยนิด ก็กลายเป็นรถสปอร์ตคันแรกของประเทศญี่ปุ่นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง Datsun Sports ที่พัฒนาเสร็จสมบูรณ์ ถูกส่งออกไปขายในอเมริกาเหนือ ในปี พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) โดยมีชื่อว่า Fairlady เนื่องจาก Katuji Kawamata ประธาน Nissan ในขณะนั้นประทับใจกับละครเพลงที่เขาดูในสหรัฐอเมริกา และละครเรื่องนั้นมีชื่อว่า “My Fairlady”

เพื่อเป็นการเปิดตลาดใหม่ให้กับแบรนด์ Yutaka Katayama ได้รับคำสั่งจากผู้บริหารของ Nissan ให้เดินทางไปประจำที่อเมริกาเหนือ โดยย้ายสำนักงานไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2503 ขณะนั้น Nissan เดินตามแผนงานระยะยาวในการเปิดตลาดรถญี่ปุ่นสำหรับขายในทวีปอเมริกาเหนือ และ Katayama ก็ได้รับคำสั่งสำคัญให้ยกระดับการเตรียมงาน ในเครือข่ายการตลาดของตนเอง หลังจากนั้น มีการก่อตั้ง Nissan North America ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) Katayama ได้ขึ้นดำรงค์ตำแหน่งเป็นบอร์ดบริหารสูงสุด เพื่อที่จะรวมฐานที่มั่นของ Nissan ในอเมริกาเหนือ และลงมือผลิตรถยนต์คูเป้คันเล็กให้ตรงกับเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับขายให้กับอเมริกันผู้ชื่นชอบรถสปอร์ต ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากตัวเลขยอดขายรถสองประตูที่ดีอย่างต่อเนื่อง หลังจากรวบรวมข้อมูลความต้องการของผู้คนในอเมริกา Katayama ชี้แจงกับผู้บริหารในสำนักงานใหญ่ที่ญี่ปุ่นว่า การสร้างรถสปอร์ตรุ่นใหม่ จะทำให้ Nissan สามารถขายรถได้ในอเมริกา และรถรุ่นใหม่นั้นจะต้องมีเสน่ห์มากกว่า Fairlady รุ่นแรกที่ยังดูโบราณเกินไป ทีมวิศวกรของ Nissan เริ่มลงมือพัฒนารถสปอร์ตรุ่นพิเศษขนาดเล็ก โดยใช้แนวคิดของ Katayama หลังจากการวิจัยและพัฒนารถสปอร์ตสำหรับอเมริกาเหนือมาตั้งแต่ประมาณปี 1962 ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปลายทศวรรษแต่แผนงานผลิตรถสปอร์ตรุ่นใหม่ ยังคงไม่ได้รับอนุมัติอย่างเป็นรูปธรรมจากผู้บริหารระดับสูงของ Nissan



ในปี พ.ศ. 2509 (ค.ศ.1966) Nissan ได้เข้าควบรวมกิจการของพรินซ์มอเตอร์ส เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อนี้ประสบกับปัญหาทางการเงิน หลังการควบรวมครั้งสำคัญ Nissan ได้เทคโนโลยีเครื่องยนต์สำหรับรถแข่งซึ่งพัฒนาโดย Prince มีการดัดแปลงเครื่องยนต์รุ่นดังกล่าวให้สามารถติดตั้งบนรถรุ่นสปอร์ตใหม่ที่กำลังเล็งเป้าหมายไปที่สหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งเครื่องยนต์รุ่นนั้นถูกติดตั้งใน Prince Skyline รุ่นแรก

Katayama ตั้งตารอรถสปอร์ตรุ่นใหม่อย่างใจจดจ่อ ในการพูดคุยกับวิศวกรของบริษัทฯ กับคำถามที่ว่า เครื่องยนต์สมรรถนะสูงเหมาะกับรถยนต์ประเภทใดมากที่สุด จากจุดนั้น การวางแผนสร้างรถสปอร์ตที่สามารถขายในตลาดอเมริกาเหนือโดยใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 6 กระบอกสูบก็เริ่มดำเนินการทันที
Katayama สั่งให้ทีมพัฒนาลงมือสร้างรถสปอร์ตที่ทันสมัยและทำออกมาให้คล้ายกับรถที่กำลังได้รับความนิยมในยุคนั้นอย่าง Jaguar E type ในการเชื่อมต่อกับประวัติศาสตร์หลังสงคราม Katayama ส่งธง Z ไปยังทีมพัฒนา ซึ่งหมายความว่า “นี่คือการต่อสู้ของเผ่าพันธุ์จักรวรรดิ เพื่อทำให้ทุกความพยายามเป็นไปได้” ชื่อรถสปอร์ตรุ่นใหม่นี้ก็คือ Fairlady Z

Fairlady Z สร้างขึ้นจากทีมวิศวกรและช่างเครื่องยนต์กลุ่มเล็กๆ ของ Nissan หลังออกขาย Fairlady Z เจเนอเรชันแรกก็ประสบกับความสำเร็จได้อย่างน่าอัศจรรย์ เครื่องยนต์หลัก S20, 2.4 ลิตร สำหรับอเมริกาเหนือ และเครื่องยนต์ 2 ลิตร OHC 6 สูบแถวเรียง สำหรับขายในประเทศญี่ปุ่น ระบบกันสะเทือนแมคเฟอร์สันสตรัท ตัวถังที่สวยงาม มีค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทานอากาศ CD 0.43 และมีสมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม โดยได้รับการประเมินผลอย่างดีในด้านความสะดวกสบายของการใช้งาน

Fairlady Z เจนเนอเรชันแรก S30 ลืมตาดูโลกในช่วงปลายปี พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) เมื่อถูกเปิดตัวในอเมริกาเหนือ Fairlady Z รุ่นแรกก็กลายเป็นรถขายดีอีกครั้ง ราคาขายบนชายฝั่งตะวันตกของอเมริกาเหนืออยู่ที่ 3,600 เหรียญสหรัฐ (128,000 บาท) รุ่นสูงสุดอยู่ที่ 5,000 เหรียญสหรัฐ (178,000 บาท) ลูกค้าที่สั่งจองเฝ้ารอการส่งมอบอย่างใจจดจ่อ

ในปี พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) Fairlady Z รุ่นแรกได้รับรางวัลรถยนต์แห่งปีจากนิตยสาร “Cars & Drivers” ต่อมา ในปี 1972 Fairlady Z เอาชนะ Corvette ในการโหวตจากผู้อ่านนิตยสารรถยนต์ ให้ Fairlady Z เป็นรถที่ดีที่สุด ไม่ใช่ “Fairlady” หรือ “Z” แต่เป็น “Z car” ที่ครองใจชาวอเมริกันในที่สุด

ตราสัญลักษณ์ Z ทำให้ Nissan ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของยอดขายรถยนต์นำเข้าในอเมริกาเหนือประจำปี พ.ศ. 2518 (ค.ศ.1975) การผลิต Fairlady Z เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมียอดขายมากกว่า 75,000 คันในอเมริกาเหนือ

Fairlady Z เจเนอเรชันแรกผลิตจนถึงปี พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) โดยมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดรับกับมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ เช่น กฎระเบียบการปล่อยไอเสีย ในช่วงเวลานั้น ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ-ญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก อัตราเงินเยนย้ายไปที่ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ค่าเงินเยนแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ Fairlady Z S130 รุ่นที่สองซึ่งเปิดตัวในปี พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) ใช้แนวคิดแบบลดต้นทุน แต่มีการขยับไปที่ขนาดและราคาที่สูงกว่า


Fairlady Z กลายเป็นรถสปอร์ตสองประตูเจ้าแห่งตำนานรถคูเป้เครื่องวางหน้าขับหลัง เป็นโมเดลที่พลิกฟื้นตำนานแห่งความเร็วของ Nissan ให้หวนคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้วยประวัติศาสตร์ของรถ Z-Car ที่มีความเป็นมายาวนานกว่า 60 ปี จากรูปทรงที่คลาสสิกสวยงาม พร้อมกับสมรรถนะในการขับแนวสปอร์ต ด้วยความรักของคนอเมริกามีต่อรถสปอร์ต ซึ่งเริ่มต้นจากรถยนต์อังกฤษหลังสงครามโลกครั้งที่สองในช่วงทศวรรษ 1950 อเมริกาเข้าสู่เส้นทางการต่อสู้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยรถ Chevrolet Corvette และ Ford Thunderbird ส่วน ญี่ปุ่นก็ตบเท้าเข้าสู่ตลาดรถสปอร์ตด้วย Datsun 240Z รถคูเป้ที่ต่ำเตี้ยและโฉบเฉี่ยว ฝากระโปรงยาว ห้องโดยสารแบบรถสปอร์ตยุโรป โมเดล Z เริ่มทำให้ชาวอเมริกันคิดว่าญี่ปุ่นสามารถสร้างรถยนต์เจ๋งๆ ได้ดีไม่แพ้พวกเยอรมัน ด้วยความเรียบง่ายผสมผสานกับเทคโนโลยีในแต่ละห้วงเวลาได้อย่างลงตัว

Datsun Fairlady 240Z 1969-1977
โครงการรถสปอร์ตในตระกูล Z ของบริษัทรถยนต์เก่าแก่อย่าง Nissan เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1967 ตั้งแต่แบรนด์นี้ยังคงใช้ชื่อเดิมว่า Datsun รถ Z เจเนอเรชันแรก ถูกเปิดตัวออกสู่สายตาของนักเลงรถสปอร์ตทั่วโลกในปี 1969 Nissan นำรถคูเป้สองประตูรุ่นนี้ออกขายไปทั่วโลก และขายมาเรื่อย จนถึงปี 1971 ส่วนคนญี่ปุ่นเจ้าของรถตัวจริงกลับรู้จักมันในชื่อ Datsun Fairlady Z เมื่อมองดูในแง่มุมต่างๆ โดยรวมของ Nissan 240Z เจนแรกก็พบว่ามีการออกแบบที่ยอดเยี่ยมมาก สำหรับรถสปอร์ตในปี ค.ศ. 1969 งานดีไซน์ตัวถังที่มีรูปแบบของสปอร์ตฝั่งยุโรปผสมผสานอยู่ภายใต้เรือนร่างคลาสสิก ฝากระโปรงทรงยาว ท้ายสั้นกุด เครื่องยนต์วางด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง กระจกหลังเทลาด ช่วงท้ายรถที่สั้นแต่ลงตัว รถ Datsun Fairlady 240Z เจนแรกสุดวางเครื่องยนต์แถวเรียง 6 สูบ ความจุ 2.4 ลิตร ผลิตเรี่ยวแรงได้ 151 แรงม้า ระบบส่งกำลังใช้เกียร์แมนนวล 5 จังหวะ พร้อมกับแป้นคลัชต์ที่มีน้ำหนักพอดีเท้า ช่วงล่างแม็คเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้ค และกันโคลง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง น้ำหนักตัวที่เบาเพียงแค่ 1,030 กิโลกรัม ทำให้การควบคุม Fairlady Z เจนแรกเหนือกว่ารถยนต์ทั่วไปในยุคนั้นเล็กน้อย เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง ขนาด 2.4 ลิตร มีความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานระยะยาวได้ดี เนื่องจากไม่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์รุงรังเหมือนรถในทุกวันนี้ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์คู่ที่จูนได้ยาก แต่วิ่งใจขาดเมื่ออากาศเย็น รอบเครื่องยนต์ไหลอย่างต่อเนื่องสู่รอบสูงได้อย่างเรียบเนียน ไม่มีอาการสะดุด ในช่วงของการพัฒนา นักขับทดสอบทำความเร็วได้ถึง 201 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 8.9 วินาที ระบบกันสะเทือนที่แข็งทื่อ ทำให้นั่งไม่ค่อยสบายตัว และกลายเป็นจุดอ่อนของรถรุ่นนี้ แต่การเข้าโค้งที่ยอดเยี่ยม ทำให้ลืมความสั่นสะเทือนของช่วงล่างไปได้ หลังจากออกขายไม่นาน การขับขี่ที่ดีทำให้ Datsun Fairlady 240 Z สปอร์ตขนาดเล็กโมเดลแรกสุด กลายเป็นรถสปอร์ตที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก หลังจากนั้น Fairlady รุ่น 260Z ที่มีความจุของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นก็โผล่ตามออกมาในปี 1974
FAIRLADY Z SPECIFICATIONS
Transmission: 5-speed, floor shift
Suspension: Strut (front & rear)
Engine Max. power: 118 kW (160 PS)/7,000 rpm
Engine Max. torque: 177 Nm (18 kgm)/5,600 rpm
Braking: Front disc/Rear drum
Curb Weight: 1,039 kg
Length: 4,114 mm
Wheelbase: 2,303 mm
Height: 1,287 mm
Width: 1,630 mm

Datsun Fairlady 280 ZX 1978-1982
ปี 1978 เกิดวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันทั่วโลก เชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะมีราคาพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบกับบริษัทรถยนต์โดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่บริษัท Datsun (ภายหลังได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Nissan) แต่เป้าหมายและจุดประสงศ์ รวมถึงทิศทางในการสร้างรถยนต์ของแบรนด์ยังคงเดิม ปี พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) Nissan เปิดตัวรถ Fairlady Z เจเนอเรชันที่สอง ใช้ชื่อว่า Datsun Fairlady 280 Z พัฒนาการของรถรุ่นนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีรูปทรงที่ใหญ่ขึ้นในทุกสัดส่วน แถมยังมีเวอร์ชัน 2×2 ที่นั่งออกมาอีกด้วย ไฟหน้ากลมและหน้ากระจังที่ยาวยื่นบวกกับท้ายรถทรงตัดสั้นเหมือนเดิม หลังคา T-Bar (หลังคากระจกถอดออกได้) เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 สูบ ความจุ 2.8 ลิตร 135 แรงม้า เกียร์มีให้เลือกทั้งแมนนวล 5 สปีดและอัตโนมัติ 3 สปีด ในสหรัฐอเมริกา Z เจเนอเรชันที่สอง ได้รับความนิยมและขึ้นสู่ตำแหน่งอันดับที่หนึ่งยอดขายรถยนต์สองประตูในดินแดนอเมริกัน
DATSUN FAIRLADY 280ZX SPECIFICATIONS
Transmission: manual 5-speed gearbox
Suspension (front, rear): Strut, semi trailing-arm
Horsepower: 135-hp
Torque: 195 Nm 144 lb-ft
Engine: Nissan L28 gasoline (petrol) 2,753cc
Curb Weight: 1,331 Kg
Drivetrain: Rear-wheel Drive
Wheelbase: 2,519 mm
Top Speed: 199 Km/h
Hatchback coupe

Nissan Fairlady 300 ZX (Z31) 1983-1989
Z-Car โมเดลที่สามถูกปรับปรุงใหม่หมด เพื่อรับมือกับเทคโนโลยีในปี 1983 ทำให้สัญลักษณ์ Nissan กลายเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว โมเดลใหม่ 300 ZX Z31 มีไฟหน้าแบบป๊อป-อัพ ตามยุคสมัยที่ไฟหน้าแบบกระดกขึ้นเมื่อเปิดและพับเก็บเมื่อปิดกำลังได้รับความนิยมไปทั่ว ตัวถังทรงลิ่ม ช่วยเพิ่มเติมสมรรถนะการทรงตัวของ 300ZX ให้ดียิ่งขึ้น วิศวกรเครื่องยนต์ของ Nissan นำเครื่องยนต์รหัส VG ซึ่งเกิดจากการค้นคว้าและทดสอบอย่างหนักหน่วงในทีมแข่งรถของบริษัท Nissan มาวางลงใน Fairlady 300 ZX โดยยังคงเอกลักษณ์เดิมเอาไว้ด้วยการวางเครื่องด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหลังพร้อมด้วยเฟืองท้าย Differential ที่สมบูรณ์แบบ เครื่องยนต์รหัส VG 30ET ติดเทอร์โบของ Garret ลดกำลังอัดลงจาก 10:0:1 ให้เหลือเพียง 7:8:1 สร้างม้าได้ 230 ตัว รูปแบบของตัวถังมีทั้งรุ่นหลังคาแข็ง หลังคา T-Bar และแบบเปิดประทุน (Convertible) อุปกรณ์ที่รกรุงรังเกินความจำเป็น ทำให้ Z รุ่นนี้ยังห่างไกลกับจิตวิญญาณของรถสปอร์ต
NISSAN 300ZX SPECIFICATIONS
Suspension (front, rear): Strut, semi trailing-arm
Engine Max. power: 169W (230 PS)/5,200 rpm
Engine Max. torque: 333Nm (34 kgm)/3,600 rpm
Engine: VG30ET (V6, OHC), 2,960cc
Curb Weight: 1,324 Kg
Drivetrain: Rear-wheel Drive
Wheelbase: 2,319 mm
Length: 4,333 mm
Width: 1,724 mm
Height: 1,292 mm

Nissan Fairlady 300 ZX (Z32) 1990-1996
เวลาผ่านเลยมา 6 ปี รถ Nissan Fairlady Z เดินทางมาถึงช่วงที่เหมาะสมกับการเปลี่ยนรูปทรงให้สดใหม่ โมเดลที่สี่ กับรหัส 300 ZX Z32 ถูกออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ดีไซน์ที่ค่อนข้างไปทางรถซุปเปอร์คาร์บนตัวถัง Z32 ทำให้ความนิยมชมชอบในตัวรถ Fairlady 300 ZX กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ การออกแบบรถยนต์ของ Nissan เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างบริษัท Nissan Motor U.S.A. และบริษัทในเครือที่มีสำนักงานออกแบบในทวีปอเมริกาเหนือ รวมถึง Nissan Motor Australian ทำให้รูปทรงของรถ Fairlady 300 ZX เหมือนกับรถสปอร์ตในฝั่งยุโรป เครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ระบบบังคับเลี้ยวแบบสี่ล้อที่ทันสมัยที่สุดในปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) Fairlady 300 ZX Z32 เป็นรถสปอร์ตที่มีการควบคุมเหนือกว่า Fairlady Z ทุกรุ่นที่ Nissan เคยสร้างขึ้น เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 2,960 ซี.ซี. 280 แรงม้า แรงจนทีมแข่ง Nissan คว้าชัยชนะเป็นว่าเล่น Fairlady 300 ZX Z32 ขายดีมากในอเมริกา ตัวเลขยอดขาย 1,087,490 คันทั่วโลก คงไม่ต้องบรรยายถึงความนิยมกันอีกแล้ว รถ Fairlady 300 ZX Z32 ยุติสายการผลิตในปี พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) หลังจากสหรัฐอเมริกาประกาศกฎหมายใหม่ ที่ส่งผลในด้านการกีดกันทางการค้า เนื่องจากอเมริกาเสียเปรียบบริษัทรถจากญี่ปุ่น รถ Nissan Fairlady 300ZX มีให้เลือกทั้งหลังคาปกติ (คูเป้) หลังคาแก้ว T-Bar และหลังคาผ้าใบเปิดประทุน
NISSAN 300ZX SPECIFICATIONS
Suspension (front, rear): Multilink
Engine Max. power: 206 KW (280 PS)/6,400 rpm
Engine Max. torque: 388 Nm (39.6 kgm)/3,600 rpm
Engine: VG30DET (V6, DOHC), 2,960cc
Curb Weight: 1569 Kg
Transmission: 5-speed MT
Wheelbase: 2,570 mm
Length: 4,523 mm
Width: 1,798 mm
Height: 1,508 mm

Nissan Fairlady 350Z 2003-2007
ทิ้งระยะห่างจาก Fairlady รุ่นที่สี่ถึงเจ็ดปี ด้วยการพัฒนาและทดสอบอย่างหนักในรถต้นแบบสามคัน มาถึงปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) Nissan Fairlady 350Z รถยนต์สปอร์ตในตระกูล Z-Car โมเดลที่ห้า ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ นับเป็น Z ที่ใหม่หมดจดในทุกกระเบียดนิ้ว งานดีไซน์ตัวถังทรงป้อม แนวหลังคาโค้ง คล้ายกับรูปทรงของรถ Audi TT แต่ยังใช้รูปแบบการวางเครื่องยนต์ไว้ด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหลังเหมือนเดิม Nissan Fairlady 350Z มีเครื่องยนต์ V6 ที่หมุนเร็วจนไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาระบบอัดอากาศ กลไกภายในไม่มีความยุ่งยากหรือสลับซับซ้อน การบังคับควบคุมดี ช่วงล่างถ่ายเทแรงเกาะยึดกับพื้นผิวถนนได้ดี เครื่องยนต์รหัส VQ35 HR DOHC, continuously variable valve timing ปริมาตรความจุ 3,498 ซี.ซี. กำลัง 287-313 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร สร้างอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 350Z มีจำหน่ายทั้งรุ่นหลังคาปกติและแบบเปิดประทุน (Roadster) Nissan Fairlady 350Z ได้รับความนิยมจากบรรดาสาวก Z-Car ทั่วโลกอย่างล้นหลามเช่นเคย ทำให้สายเลือดแห่งความแรงของประวัติศาสตร์ในการสร้างสรรค์รถสปอร์ตจาก Nissan หวนคืนกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
NISSAN 350Z SPECIFICATIONS
Transmission: 6-speed close-ratio manual
Drivetrain: Rear Wheel Drive
Horsepower: 287 hp
Torque: 370 Nm 274 ft-lbs.
Brakes (front/rear): Disc
Curb Weight: 1,450 Kg
Length: 4,307 mm
Wheelbase: 2,650 mm
Height: 1,318 mm
Width: 1,816 mm

Nissan Fairlady 370Z 2009-2020
ความยอดเยี่ยมของรถ Fairlady Z ในแทบจะทุกโมเดลที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานกว่า 50 ปี ทำให้รถ Nissan Fairlady 370Z รุ่นล่าสุดในช่วงนั้น ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งตามไปด้วย แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ CEO Carlos Ghosn ซึ่งในห้วงเวลานั้น เป็นผู้กุมอำนาจการบริหารสูงสุด ชาวเลบานอนคนนี้ก้าวเท้าเข้ามาบริหารหลังจาก Nissan ประสบกับสภาวะขาดทุนมานานหลายปี จนต้องควบรวมกับบริษัทต่างชาติเพื่อความอยู่รอด Carlos Ghosn ทำให้ Nissan มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถออกไปแข่งขันในตลาดโลกได้ และ Fairlady 370Z ก็ยังมีกลิ่นและรูปทรงคล้ายกับ 350Z แต่ถูกปรับให้มีมุมมองที่เฉียบคม มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ส่งผลต่อการควบคุม นั่นก็คือ แซสซีที่ถูกปรับใหม่หมด ออกแบบให้รองรับแรงกดและแรงดึงมากขึ้น เครื่องยนต์ V6 ความจุ 3,696 ซี.ซี. 332 แรงม้า เกียร์แมนนวลหรืออัตโนมัติ 6 สปีด รวมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่คอยรักษาเสถียรภาพ ช่วยให้การทรงตัวดีขึ้น พลังที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วจี๋ ถึง 4.4 วินาที แรงจนสามารถเทียบเท่ารถสปอร์ตชั้นดีของเยอรมนี จุดเด่นของ Nissan Fairlady 370Z นอกจากรูปทรงแบบป้อมสั้นแล้ว ยังมีล้อ ขนาด 19 นิ้วลายไฮเทคห้าก้านหุบ ลวดลายคล้ายกับล้อของ Lamborghini murcielago LP 640 จากปี พ.ศ 2552 จนถึง 2561 (ค.ศ. 2009 ถึง 2018) Nissan Fairlady 370Z ทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นหลังคาแข็งและเปิดประทุนหลังคาผ้าใบเหมือนเดิม
NISSAN 370Z SPECIFICATIONS
Engine: 3.7-L DOHC 24-Valve V6 Aluminum Alloy
Horsepower: 332 HP
Torque: 366 Nm 270 lb-ft
Brakes (front/back): vented disc
Interior Volume: 51.6 cu. Ft.
Curb Weight: 1511 Kg
Highway MPG: 26
City MPG: 17

Nissan Fairlady Z 400
ผ่านไป 11 ปี สำหรับการทำตลาดของ Nissan 370Z เป็น 11 ปีที่แฟนคลับของ Z ต่างรอคอยรถรุ่นใหม่กันอย่างใจจดจ่อ Nissan เปิดตัว Z รุ่นใหม่ ในช่วงเช้าของวันที่ 17 กันยายน 2563 ด้วยรถสปอร์ต Z Proto เป็นรถคูเป้ที่เข้ามาสานต่อประวัติศาสตร์ของ Fairlady Z รูปลักษณ์ใช้เส้นสายของ Z ในอดีตมาผสมผสานกับเปลือกตัวถังที่มีน้ำหนักเบาอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ เมื่อเปิดตัวก็มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ เนื่องจากทรงของรถบริเวณด้านหน้านั้นใช้กระจังสี่เหลี่ยมตั้งชัน ไฟหน้าทรงรี ด้านข้างที่มีกลิ่นอายของ 350Z และ 370Z ส่วนบั้นท้าย ใช้ทรงของไฟท้ายที่คล้ายกับ Nissan 300 ZX Z32 รถต้นแบบ Z Proto Concept วางเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีกำลังมากกว่า 400 แรงม้า ระบบเกียร์มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด









ตราบเท่าที่ยังมีผู้ที่ชื่นชอบความเร็วและรูปทรงอันสวยงามปราดเปรียวของรถสปอร์ตสองประตู เครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง เราก็จะยังคงพบเห็นรถในตระกูล Fairlady Z ของบริษัท Nissan ออกมาวิ่งโฉบเฉี่ยวไปมาพร้อมกับเจ้าของที่เป็นพวกชอบขับรถที่มีสไตล์และประวัติศาสตร์อันยาวนานของสายพันธุ์รถสปอร์ตเฉกเช่นรถ Z-Car ทั้ง 7 โมเดลของค่าย Nissan.