.css-nh9sg4 #forum2022-logoSponsor{text-align:center;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text{font-family:”KaLaTeXa Display”;font-size:10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text span{background-color:#ffffff;padding:0 10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text::after{content:””;height:1px;width:100%;background-color:rgb(216,216,216);position:absolute;top:50%;left:0;-webkit-transform:translateY(-50%);-ms-transform:translateY(-50%);transform:translateY(-50%);z-index:2;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor{padding:0;margin:0;list-style:none;display:-webkit-box;display:-webkit-flex;display:-ms-flexbox;display:flex;-webkit-flex-wrap:wrap;-ms-flex-wrap:wrap;flex-wrap:wrap;gap:15px;-webkit-box-pack:center;-webkit-justify-content:center;-ms-flex-pack:center;justify-content:center;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor{height:80px;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor img{height:80px;}
รมช.อนุชา ชื่นชมความสำเร็จของ “อั๋นฟาร์ม” ชูเป็นต้นแบบเปลี่ยนจากปลูกพืชเชิงเดี่ยว มาปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์เป็นโคต้นน้ำ โดยเริ่มต้นที่ดิน 15 ไร่ ผ่านไป 10 ปี มีที่ดินเพิ่ม 93 ไร่ วัวกว่า 50 ตัว หลุดพ้นความยากจนจากการเลี้ยงวัว
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังนำคณะผู้บริหารส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และตัวแทนเกษตรกรจังหวัดชัยนาทจำนวนกว่า 200 คน ลงพื้นที่ศึกษาดูงานแปลงต้นแบบในการปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ไม่เหมาะสม ด้วยการทำปศุสัตว์ “อั๋นฟาร์ม” ของนายวีระชาติ อ่อนนอ บ้านสะอาดนามูล เกษตรกรต้นแบบของการปรับเปลี่ยนพื้นที่จากการทำเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวมาปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ และยังเป็นต้นแบบของการเลี้ยงโคต้นน้ำ ณ ต.ห้วยสามพาด อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี
นายอนุชา กล่าวว่า นายวีระชาติ อ่อนนอ ได้ลาออกจากโรงงานอุตสาหกรรม แล้วกลับมาประกอบอาชีพทำเกษตร และเลี้ยงวัว มีพื้นที่เดิม 15 ไร่ แต่ปัจจุบันมีพื้นที่เพิ่มเป็น 93 ไร่ จากการเลี้ยงวัว โดยได้เข้าร่วมโครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน ของสถานีพัฒนาที่ดินอุดรธานี กรมพัฒนาที่ดิน ขนาด 1,260 ลูกบาศก์เมตร เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ และได้ทำการปรับเปลี่ยนพื้นที่แบ่งเป็น ปลูกข้าว 5 ไร่ ปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ 60 ไร่ โรงเรือนเลี้ยงวัว และโรงเก็บหญ้าแห้งฟางแห้ง 1 ไร่ มีพื้นที่เลี้ยงวัว 12 ไร่ แหล่งน้ำ 5 ไร่ พืชผักสวนครัว 2 ไร่ ที่อยู่อาศัย 1 ไร่ และพื้นที่อื่นๆ อีก 7 ไร่
หลังปรับเปลี่ยนกิจกรรมได้เลี้ยงวัวเพิ่มขึ้นกว่า 50 ตัว โดยเน้นเลี้ยงวัวตัวเมียไว้เป็นแม่พันธ์ุ สำหรับวัวตัวผู้พออายุครบ 18 เดือนจะขายสร้างรายได้ อีกทั้งยังมีรายได้จากการขายหญ้าที่ปลูก และขายมูลวัว ทำให้ปัจจุบันกลายเป็นเกษตรกรต้นแบบของการปรับเปลี่ยนพื้นที่จากการทำเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวมาปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์ และเป็นศูนย์เครือข่ายสัตว์พันธุ์ดีกรมปศุสัตว์ (เครือข่ายใช้ประโยชน์พันธุกรรมและเทคโนโลยี)
รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขอชื่นชม นายวีระชาติ ที่มีแนวคิด และมีความมุ่งมั่นในการปรับเปลี่ยนพื้นที่เกษตรเชิงเดี่ยวมาเป็นปศุสัตว์จนประสบความสำเร็จ ตอบโจทย์การเลี้ยงวัวคณิตศาสตร์ไม่จำเป็นต้องเก่ง เรียนไม่สูงก็เลี้ยงวัวได้ ทั้งๆ ที่พื้นที่ดังกล่าวประสบปัญหาแหล่งน้ำทางการเกษตรไม่เพียงพอ อีกทั้งยังเป็นดินลูกรัง จึงต้องขุดสระกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้เพื่อปลูกหญ้า แต่มีแนวคิดในการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรโดยการปลูกหญ้าเก็บไว้ใช้ 3 เดือนเมื่อเข้าสู่ฤดูแล้ง จนสามารถก้าวข้ามขีดจำกัด หลุดพ้นความยากจน แม้ไม่มีต้นทุนก็เลี้ยงได้เพราะวัวกินแต่หญ้ากับฟางจึงเลี้ยงง่าย
นายอนุชา กล่าวต่อว่า เราเห็นตัวอย่างแล้ว หากเรามีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนคุณวีระชาติ เพราะวัวเป็นสัตว์ตายยาก การเลี้ยงวัวจึงไม่ใช่เรื่องยาก ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง อีกทั้ง รายได้จากการเลี้ยงวัวยังสามารถเลี้ยงดูครอบครัว และส่งให้ลูกหลานเรียนต่อได้ ซึ่งการดำเนินงานของพื้นที่แห่งนี้สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม การส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน และการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ
รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับ “อั๋นฟาร์ม” นับเป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ อยากให้เกษตรกรได้มาศึกษาเรียนรู้และนำไปพัฒนาในพื้นที่ของตนเองต่อไป ทั้งนี้รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน โดยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ พร้อมเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำแก่เกษตรกร.