ระทึกกลางดึก กระบะสาวใหญ่ เฉี่ยวชนกับรถน้ำมัน ไฟลุกท่วมหวิดดับยกคัน
เมื่อเวลา 00.00 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน ร.ต.อ.ประยงค์ หม่อมวงศ์สุวรรณ รอง สว.สส.สภ. สระบัว ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุกู้ภัยมูลนิธิสัจจะพุทธธรรมแห่งประเทศไทยกบินทร์บุรี ว่ามีรถยนต์กระบะประสพอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถบรรทุกพ่วงน้ำมัน ในที่เกิดเหตุไฟได้ลุกไหม้รถทั้ง 2 คัน หลังได้รับแจ้งพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่สัจจะฯ และรถน้ำ อบต. ลาดตะเคียน เข้าตรงจสอบและให้การช่วยเหลือรถที่เกิดอุบัติเหตุบริเวณร่องกลางถนนสาย 304 มุ่งหน้ากบินทร์บุรี ในพื้นที่ ม.2 บ้านหนองบุญเกิด ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ. ปราจีนบุรี
ในที่เกิดเหตุพบรถพ่วงบรรทุกน้ำมันมา 48,000 ลิตร พลิกตะแคงข้างอยู่ในร่องกลางถนนบริเวณหัวรถบรรทุกพาดอยู่บนถนน ทะเบียนตัวแม่ 66-2625 กทม. ทะเบียนตัวลูก 66-2630 กทม. คนขับรถพ่วงได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อคือ นายนายรื่นเริง แสงศิลา อายุ 48 ปี โชคดีขณะที่เกิดอุบัติเหตุสามารถออกมาจากตัวรถได้ ใกล้กันพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อดีแม็ก 4 ประตู สีขาว ทะเบียน กอ 5148 ระยอง ชนต้นไม้อยู่ในร่องกลางถนน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เป็นชาย 2 ราย หญิง 2 ราย
ในขณะเกิดเหตุได้มีเพลิงลุกไหม้ทำให้ได้รับความเสียหายทั้งสองคัน ทางเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยสัจจะพร้อมรถน้ำ อบต. ลาดตะเคียน ได้เข้าควบคุมเพลิงไหม้กว่าครึ่งชั่วโมงเพลิงจึงสงบลง ทำให้การจราจรขาเข้าคลองรั้งนั้นมีรถติดยาวกว่า 2 ก.ม. ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมีพลเมืองดีที่ผ่านมาช่วยนำส่งโรงพยาบาลก่อนหน้านี้
จากการสอบถาม นางสาวณปภัช สร้อยมณี อายุ 44 ปี ( คนขับรถยนต์กระบะ ) กล่าวว่า ตนมาจากระยองกำลังจะไปเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านที่โคราช ได้ขับตามรถสิบล้อมา 1 คัน แล้วตนจะออกซ้ายเพื่อแซงแล้วรถอีกคันที่เกิดอุบัติเหตุด้วยกันไม่พ้นเหมือนเขามาทิ่มตูดรถของตน
จากการสอบถามนายน้อย เป้กะโทก อายุ 42 ปี (ขับรถบรรทุกพ่วงผู้เห็นเหตุการณ์) กล่าวว่าตนได้นำข้าวโพดมาลงและกำลังขับรถจะกลับตนขับอยู่เลนซ้ายส่วนรถน้ำมันขับอยู่เลนขวา รถยนต์กระบะขับอยู่เลนซ้ายขับรถตามรถของตนมาแล้วเขาจะออกไปเลนขวาแล้วได้เบียดรถน้ำมันแล้วชนกลางลำรถน้ำมันพากันตกลงไปในร่องกลางถนน
ทางเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนให้แน่ชัดอีกครั้งถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงในครั้งนี้ต่อไป ส่วนในที่เกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยสัจจะฯ ยังคงใช้น้ำฉีดในที่เกิดเหตุเพื่อควบคุมความร้อนไม่ให้เกิดเพลิงใหม้ขึ้นมาอีก