รักสงบ ทำไมต้องจบที่น้องคุกกี้ ทดสอบ TOYOTA FORTUNER GR SPORT 224 แรงม้า


.css-nh9sg4 #forum2022-logoSponsor{text-align:center;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text{font-family:”KaLaTeXa Display”;font-size:10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text span{background-color:#ffffff;padding:0 10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text::after{content:””;height:1px;width:100%;background-color:rgb(216,216,216);position:absolute;top:50%;left:0;-webkit-transform:translateY(-50%);-ms-transform:translateY(-50%);transform:translateY(-50%);z-index:2;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor{padding:0;margin:0;list-style:none;display:-webkit-box;display:-webkit-flex;display:-ms-flexbox;display:flex;-webkit-flex-wrap:wrap;-ms-flex-wrap:wrap;flex-wrap:wrap;gap:15px;-webkit-box-pack:center;-webkit-justify-content:center;-ms-flex-pack:center;justify-content:center;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor{height:80px;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor img{height:80px;}

เป็นที่รู้กันดีว่า รถยนต์ในประเทศไทยนั้นมีราคาที่ไม่ถูก จากอัตราภาษีที่ต้องจ่ายให้กับรัฐเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน (ยกเว้นสิงค์โปรที่แพงแสบไส้กว่าไทย) นั้นแพงกว่าราคาจริงสองเท่า แต่สิ่งที่คุณจะได้รับหลังการซื้อรถยนต์ Toyota ก็คือ ความแข็งแกร่งทนทาน รถ PPV ของ Toyota อย่าง Fortuner ถูกสร้างขึ้นเพื่อการใช้งานที่สมบุกสมบัน ท่ามกลางภูมิประเทศที่มีความหลากหลายของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของยานยนต์ดัดแปลงแบบ PPV ในโครงการ IMV รถ Fortuner เมื่อดูจากตัวเลขยอดขายก็จะบ่งบอกได้ถึงความนิยม เป็นรถอเนกประสงค์ที่ครองตำแหน่งแชมป์ยอดขาย PPV ในประเทศไทยนานหลายปี

แม้จะมีคู่แข่งอย่าง MU-X และ Everest ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Isuzu MU-X สามารถขึ้นนำยอดขายรถ PPV ในไทยแต่ก็ทำได้แค่เดือนสองเดือน สำหรับ PPV รุ่นยอดนิยมของ Toyota ที่เห็นวิ่งกันเกลื่อนถนน ไม่ได้เกิดขึ้นจากรูปทรงแค่เพียงอย่างเดียวที่ทำให้มันขายดี Fortuner ยังมีการขับที่ดี และมีบริการหลังการขายที่คอยเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมให้ยอดขายนำโด่ง การแนะนำ Fortuner Legender GR Sport พลัง 224 แรงม้า กับแรงบิด 550 นิวตันเมตร ทำให้ Fortuner GR Sport เป็นรถ PPV ที่มีพละกำลังมากที่สุดรุ่นหนึ่งในไทยที่ยังคงครองความเป็นเจ้าตลาด เวอร์ชันตกแต่งพิเศษ GR Sport เป็นรถที่ไม่ได้มาแค่สติกเกอร์หรือตราสัญลักษณ์ แต่ลงลึกไปถึงไดนามิกของการขับที่ถูกปรับให้ดีขึ้นกว่าเดิม เครื่องยนต์ถูกเขี่ยกล่องให้แรงขึ้น พร้อมกับช่วงล่างที่ดีขึ้นเพื่อรองรับกำลังที่เพิ่มขึ้น 

สเปกราคา Toyota Fortuner LEADER

Toyota Fortuner 2.4 Leader G 6AT 4×2 ราคา 1,375,000 บาท
Toyota Fortuner 2.8 Leader V 6AT 4×2 ราคา 1,505,000 บาท
Toyota Fortuner 2.4 Leader V 6AT 4×4 ราคา 1,575,000 บาท
สำหรับสี Platinum White Pearl และ Emotional Red เพิ่ม 12,000 บาท

– Wireless charger เฉพาะเกรด V

– ระบบช่วยเตือนลมยาง

– เครื่องยนต์ 2.4 GD Super Power ให้กำลัง 150 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ Sigma 4 system

– ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง, ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA, ระบบกล้องมองรอบคัน 360 องศา.

สเปกราคา Toyota Fortuner Legender

Toyota Fortuner 2.4 Legender เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,618,000 บาท
Toyota Fortuner 2.4 Legender เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,688,000 บาท
Toyota Fortuner 2.8 Legender เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,810,000 บาท
Toyota Fortuner 2.8 Legender เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,874,000 บาท
สำหรับสี Emotional Red Black Top และสี Platinum White Pearl Black Top เพิ่ม 20,000 บาท

– หน้าจอ 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย, ระบบช่วยเตือนลมยาง

– เครื่องยนต์ 2.4 และ 2.8 GD Super Power มีให้เลือกทั้งแบบ ขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ Sigma 4 system

– ช่วงล่างปรับจูนพิเศษเฉพาะรุ่น LEGENDER

– Toyota Safety sense ระบบความปลอดภัยก่อนการชน, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ, ระบบควบคุม และปรับรถความเร็วอัตโนมัติ

สเปกราคา Toyota Fortuner GR-Sport (คันทดสอบ)

Toyota Fortuner 2.8 GR Sport เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,939,000 บาท
สำหรับสี Emotional Red Black Top และสี Platinum White Pearl Black Top เพิ่ม 20,000 บาท

– เครื่องยนต์ 2.8 GD Super Power ปรับจูนใหม่ ให้กำลัง 224 แรงม้า หรือเพิ่มขึ้น 20 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร หรือเพิ่มขึ้น 50 นิวตันเมตร

– หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย

– ระบบตรวจสอบความดันลมยาง, ช่วงล่าง Monotube ช่วยซับแรงสั่นสะเทือนเพิ่มสมรรถนะการขับขี่

– อุปกรณ์ตกแต่ง GR-Sport เช่น Smart Key, Push start GR, คันเร่ง และเบรกอะลูมิเนียมแบบสปอร์ต, คาลิปเปอร์สีแดง

การเพิ่มทางเลือกสำหรับคนที่กำลังอยากได้รถอเนกประสงค์ Toyota Motor Thailand นำ Fortuner พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งภายนอกและภายใน นั่นก็คือ GR Sport แต่งโหดตามแนวทางของสำนักแต่ง Gazoo Racing สำหรับ Toyota Fortuner GR Sport รถรุ่นพิเศษที่มีการตกแต่งเพิ่มเติมจาก Fortuner Legender จากการออกแบบชุดแต่งที่ลงตัวของสำนัก Gazoo Racing ซึ่งเป็นทีมแข่งระดับอินเตอร์ของ Toyota เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ดีเซลเทอร์โบ กำลัง 204 แรงม้า ถูกปรับจูนเป็น 224 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร เพิ่มเป็น 550 นิวตันเมตร ช่วงล่างที่ปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ในจุดนี้ ถือว่าทำออกมาได้อย่างโดนใจ ระบบรองรับที่มีการปรับเปลี่ยนโช้คอัพใหม่ในเวอร์ชัน 204 แรงม้า เหมาะสมกับการขับขี่ทั้งในเมือง และออฟโรด โช้คอัพแบบโมโนทูบ (Monotube Shock Absorber) ผ่านการทดสอบบนถนนที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการทรงตัวและความนุ่มนวล Toyota แจ้งว่า การปรับปรุงระบบรองรับทำให้ Fortuner GR Sport นั่งได้สบายขึ้น ลดอาการโคลงตัว ซึ่งก็สามารถทำได้อย่างที่พูดจากการขับทดสอบทางไกล การปรับเปลี่ยนโช้คอัพใหม่ให้ทำหน้าที่ได้ดีขึ้น เป็นการเพิ่มเติมความผ่อนคลายระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะอาการโคลงตัวนั้นลดลงไปมาก Fortuner รุ่น Legender 2.8 ลิตร GR Sport 224 แรงม้า ยังมีการเพิ่มระบบความปลอดภัยใหม่ เช่น ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง และระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ จอมอนิเตอร์กลางแบบใหม่ พร้อมกล้องมองรอบคัน ชุดแต่ง GR Sport กับดีไซน์ที่มีความแปลกแยกไปจาก Fortuner รุ่นมาตรฐานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

รูปลักษณ์ภายนอกคล้าย Legender แต่ถ้าสังเกตให้ดีก็จะพบกับความแตกต่าง Fortuner GR Sport จัดของแต่งภายนอกมาให้รอบคันแบบครบๆ เช่น กระจังหน้าสีดำเงาดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ GR กันชนหน้าพร้อมชุดตกแต่งสีดำเงา มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ สปอยเลอร์หลังดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต ล้ออัลลอยลายใหม่แบบ 10 ก้านคู่สีทูโทน ดำสลับเงิน ขนาด 18 นิ้ว จาก GR Sport คาร์ลิปเปอร์เบรกหน้าสีแดง แปะตราสัญลักษณ์ GR ยาง A/T dunlop PT3A grandtrek ไซส์ 265/50R20

มิติตัวถังมีขนาดความยาว 4,795 มิลลิเมตร กว้าง 1,855 มิลลิเมตร สูง 1,835 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,540 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,555 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 193 มิลลิเมตร มิติภายใน ยาว 2,487 มิลลิเมตร กว้าง 1,478 มิลลิเมตร สูง 1,103 มิลลิเมตร ฝาท้ายไฟฟ้า ช่วยทำให้ทุกอย่างสะดวกขึ้นเมื่อขนสัมภาระ งานตกแต่งส่วนท้าย โดยเฉพาะตัวถังสีแดง มีความสวยงามลงตัว จากไฟท้ายทรงยาวหลอด LED สัญลักษณ์ GR Sport ที่มุมด้านขวาของฝาท้าย กันชนหลัง GR ที่มุมของกันชนทั้งสองข้างติดตั้งพลาสติกมัลติรีเฟคเตอร์ สำหรับตำแหน่งของไฟเบรกดวงที่สาม อยู่กึ่งกลางด้านบนของกระจกบังลมบานฝาท้าย ขอบของสปอยเลอร์หลังที่ติดอยู่บนหลังคามีสีเงา ตัดขอบด้วยสีแดง

ขนาดห้องโดยสารของ Fortuner 2.8 GR Sport 4WD มีความยาว 2,487 มิลลิเมตร กว้าง 1,478 มิลลิเมตร และสูงถึง 1,103 มิลลิเมตร เบาะแบบ 7 ที่นั่ง หุ้มหนังโทนสีดำสลับแดง หนังแบบไมโครไฟเบอร์แบบหนังกลับสไตล์สปอร์ต เน้นความหรูหราจากโทนสีและการเลือกใช้หนังสังเคราะห์ที่มีคุณภาพ การจัดวางอุปกรณ์ใช้งานภายใน มีการเน้นคนขับเป็นจุดศูนย์กลางของการใช้งาน เบาะคู่หน้าเย็บเดินตะเข็บคู่ปักตราสัญลักษณ์ GR ที่พนักพิงศีรษะ เบาะผู้โดยสารตอนหน้าและเบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า สามารถปรับท่านั่งได้อย่างหลากหลาย พวงมาลัยแบบปรับ 4 ทิศทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการนั่งโดยสารหรือนั่งขับ เบาะคนขับสามารถปรับให้สูงมากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยของการมอง โดยภาพรวม เบาะนั่งหุ้มหนังของ Fortuner Legender นั่งสบายก้น แม้จะขับกันทั้งวันก็ไม่ทำให้รู้สึกเมื่อย หรือไม่สบายแผ่นหลัง พนักพิงศีรษะที่ออกแบบมาเป็นอย่างดียังช่วยรองรับส่วนหัวของคนนั่งและคนขับให้มีความสบาย ไม่ดันหัวจนรู้สึกปวดต้นคอเหมือนรถบางยี่ห้อ!

ด้วยความที่เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง เบาะแถวสองจึงออกแบบให้สามารถเลื่อนหรือพับเพื่อเปิดพื้นที่เข้าออกสำหรับเบาะแถวสาม มีการดีไซน์เบาะที่พับได้อย่างหลากหลายให้ใช้งานได้สะดวก แต่ก็ต้องทำใจกับเบาะแถวสามหลังสุด เพราะมีพื้นที่ไม่มากนัก เหมาะสำหรับพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของ หรือให้เด็กตัวเล็กๆ นั่งมากกว่าจะให้ผู้ใหญ่นั่งโดยสารทางไกล พื้นที่วางขาของเบาะแถวสองมีพอให้ไม่รู้สึกอึดอัด ส่วนเบาะแถวสุดท้าย ถ้าไม่ค่อยได้ใช้งานก็พับเก็บได้แบบพับแอบติดแนวเสาท้าย การออกแบบจุดพับยังเป็นรองรถ PPV บางรุ่น ที่สามารถพับเบาะราบไปกับพื้น เมื่อมีผู้โดยสารสามคน พื้นที่ใช้สอยที่พอเพียงไม่สร้างความรู้สึกคับแคบ แต่เบาะแถวหลังสุดหรือแถวที่สามนั้นมีพื้นที่วางเท้าไม่มากนัก ทำให้ไม่เกิดประโยชน์ในการใช้งานจริงเท่าที่ควร นอกจากพื้นที่เบาะแถวสามที่คับแคบแล้ว เบาะแถวสุดท้ายยังกินพื้นที่เก็บสัมภาระไปพอสมควร ถ้าไม่ได้ใช้งาน เดินทางแค่สี่คน พับเบาะแถวหลังสุดก็จะได้พื้นที่เก็บของเพิ่ม 

แดชบอร์ดหนังสังเคราะห์สีดำเย็บเดินตะเข็บตัดขอบด้วยด้ายสีแดง หนังสังเคราะห์สีเทาดำที่ตกแต่งแผงประตู คอนโซล แดชบอร์ด ที่เดินด้ายแดงตัดกันอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้ภายในมีความสปอร์ตและแตกต่างไปจากภายในของ Fortuner รุ่นมาตรฐาน การจัดวางอุปกรณ์บริเวณคอนโซลกลางอย่างเต็มรูปแบบเพิ่มความน่าใช้งาน ช่องแอร์ด้านบนกึ่งกลางคอนโซลหุ้มด้วยพลาสติกโครเมียมสีเงิน จอมอนิเตอร์แสดงผลกลางขนาด 9 นิ้วแบบใหม่ รองรับการสั่งงานด้วยระบบสัมผัส พร้อมด้วยเครื่องเล่น DVD การเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบบลูทูธ กล้องมองภาพด้านหลัง ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และระบบนำทางด้วยดาวเทียม พร้อมเมนูภาษาไทยในทุกฟังก์ชันเพื่อความง่ายในการใช้งาน ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์ USB / iPOD / AUX ระบบ T-Connect ไม่ต้องกลัวรถหายอีกต่อไป สามารถเช็กตำแหน่งรถตามเวลาจริง (Real Time) ได้ทุกที่ ทุกเวลา รวมถึงระบบป้องกันการโจรกรรม (Theft Track) และระบบประสานความช่วยเหลือ SOS ของ Toyota ตลอดเวลา บริการแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับเข้าศูนย์บริการ Telematic Care

เครื่องเสียงของ Fortuner GR มาพร้อมชุดลำโพง JBL 9 Positions, 11 Speakers (Including Sub-Woofer) ส่วนพวงมาลัย GR ทรงสามก้าน หุ้มหนังแท้ เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายแดง เพื่อเชื่อมโยงกับงานตัดเย็บบนแดชบอร์ดและเบาะนั่ง พวงมาลัย GR มาพร้อมสวิตช์มัลติฟังก์ชันทั้งควบคุมโหมดต่างๆ การปรับระดับความดังของลำโพง ปุ่มสั่งงานด้วยเสียงที่ไม่ค่อยได้ใช้ กับปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ ปุ่มที่ก้านวงด้านขวา เป็นปุ่มควบคุมจอภาพแสดงผล MID ที่อยู่กึ่งกลางมาตรวัด นอกจากนั้นยังมีปุ่มควบคุมการทำงานของระบบรักษาช่องทางและสัญญาณแจ้งเตือน พวงมาลัย GR มีการเย็บหนังสีแดงเอาไว้ตรงกึ่งกลางแบบพวงมาลัยของรถสปอร์ต คล้ายกับพวงมาลัยของ Ford Ranger Raptor ที่ใช้ตำแหน่งสีแดงกลางพวงมาลัยเอาไว้กะระยะองศาของการหมุน พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง ทั้งสูง-ต่ำ หรือ ใกล้-ไกล ก้านวงจับถนัดมือด้วยหนังแท้ สวิตช์สั่งงานแบบมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียง การรับหรือวางสายโทรศัพท์ การเลือกดูจอแสดงผล MID ในโหมดต่างๆ รวมถึงก้านสวิตช์สำหรับปรับตั้งระบบตั้งความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ใช้งานได้ง่าย หลังวงพวงมาลัยมีแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift ติดมาให้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนขับ เมื่อต้องขับบนทางคดเคี้ยวหรือเส้นทางภูเขา ซึ่งมีการเปลี่ยนอัตราทดไปตามสภาพเส้นทาง และตามความต้องการของคนขับบ่อยครั้ง

มาตรวัดเรืองแสง optitron ชุดควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารของ Fortuner Legender ใช้การควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารด้วยระบบแอร์แบบดิจิทัลแบบแยกโซน 2 ส่วน ปุ่มควบคุมการปรับอุณหภูมิ ควบคุมแรงลมจากช่องแอร์แบบอัตโนมัติ พร้อมช่องแอร์บริเวณแถวที่ 2-3 ซุ้มคันเกียร์มีการใช้งานพลาสติกที่ลอกเลียนแบบลายคาร์บอนไฟเบอร์ ทำออกมาดูดีเลยทีเดียว ส่วนคันเกียร์ออโต้ 6 สปีด พร้อมตำแหน่งชิปเกียร์เอง Sequential Shift จะใช้วิธีชิปเกียร์ขึ้น-ลงที่คันเกียร์ หรือชิปเกียร์ผ่านแป้น Paddle Shift หลังวงพวงมาลัยก็ได้

เครื่องยนต์ดีเซลความจุ 2.8 ลิตร เทอร์โบ มีการปรับจูนกล่องควบคุมใหม่ เพื่อทำให้เครื่องยนต์มีแรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้น ตอบสนองต่อการใช้งานดีขึ้น เป็นอีกจุดที่ปรับแต่งแล้วมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเห็นๆ หัวใจรุ่นสูงสุดของ Fortuner GR Sport วางเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1GD FTV (High) แบบแถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว DOHCVN Turbo พร้อมชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ ปริมาตรความจุ 2,755 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 92.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 103.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6:1 กำลังสูงสุด 224 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที เพิ่มขึ้น 20 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร เพิ่มมาอีก 50 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที เป็นแรงบิดรอบต่ำที่ทำให้การเคลื่อนตัวในเมืองมีความคล่องแคล่วว่องไวกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 เทอร์โบ ติดตั้งระบบ Stop & Start ระบบจ่ายเชื้อเพลิงคอมมอลเรลไดเรคอินเจคชันระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 6 สปีด พร้อม Paddle Shift ระบบอัดอากาศ ใช้เทอร์โบแบบบอลแบร์ริ่ง ชุดบาลานซ์ชาร์ปลดแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องยนต์ การปรับจูนกล่องควบคุมเครื่องยนต์ใหม่หมดทำให้เครื่อง 1GD FTV ที่ถูกปรับแต่งมีแรงม้าแรงบิดเพิ่มขึ้นจากเดิม

ความแตกต่างในด้านแรงม้าและแรงบิดของเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 กระบอกสูบ VN Turbo พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 6AT with Sequential Shift and Paddle Shift มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในรอบหลายปีที่ผ่านมา กำลังสูงสุดอัปจาก 130 กิโลวัตต์ หรือ 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที เป็น 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า ล่าสุดจากการเขี่ยกล่อง ECU แรงม้ามาเพิ่มอีก 20 ตัว เป็น 164 กิโลวัตต์ หรือ 224 แรงม้า ส่วนแรงบิดของเครื่อง 2.8 ลิตร ซึ่งเคยทำได้ 450 นิวตันเมตร พอเปลี่ยนเป็นรุ่น Legender ตัวท็อป และรุ่น GR Sport เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร VN Turbo ถูกปรับจูนให้แรงฉุดลากพุ่งเป็น 500 นิวตันเมตร หลังจากนั้น ตัวเลขดังกล่าว ดูจะไม่สาแก่ใจขาแรง วิศวกรของพี่โตจึงล้วงลึกเข้าไปในกล่องควบคุมเพื่อจูนอัพแรงบิดเพิ่ม ทำให้มีประสิทธิภาพด้านแรงฉุดลากที่มากกว่าเดิมอีก 50 นิวตันเมตร เป็น 550 นิวตันเมตร ขับสนุกและมีกำลังมากพอที่จะบรรทุกทั้งคนและสัมภาระแบบเต็มคัน ในการใช้งานสำหรับการเดินทางไกลได้ดี โดยเฉพาะเส้นทางภูเขาสูงชัน ระบบขับเคลื่อนซิกม่าโฟร์ เลือกโหมดการขับขี่ได้ ทั้งโหมด H2 H4 และ L4 ผสานการทำงานร่วมกับระบบ DAC และ A-TRC (เฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ) ระบบเบรกติดตั้งดิสก์เบรก 4 ล้อ คาร์ลิปเปอร์ GR สีแดง ระบบรองรับ ด้านหน้าแบบปีกนกคู่ดับเบิลวิชโบน (Double Wishbone with Stabilizer and Monotube Shock Absorber ) ด้านหลังเป็นแบบ 4 ลิงก์ (4 Link & Coil Suspension with Stabilizer Bar and Shock Absorber Only Legender) ระบบบังคับเลี้ยว Rack & Pinion Power Steering (VFC) น้ำหนักพวงมาลัยสามารถปรับแปรผันไปตามความเร็ว รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.8 เมตร วงเลี้ยวในโหมด 4WD จะกว้างขึ้นอีกเล็กน้อยโดยเฉพาะโหมด 4 Low

Toyota Fortuner 2.8 GR Sport AT 4WD สีแดง Emotional Red หลังคาสีดำ Black Top รถทดสอบของ Toyota Motor Thailand ราคา 1,939,000 บาท แพงสุดในกลุ่ม PPV หรือรถกระบะที่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นรถอเนกประสงค์ เทียบราคากับรถคู่แข่งเรียงลำดับยอดขายไล่มาให้ดูกันชัดๆ ดังนี้

Isuzu MU-X 4×4 DDi Ultimate 6A/T มีราคา 1,599,000 ถูกกว่า Fortuner GR Sport ถึง 340,000 บาท

Mitsubishi Pajero Sport 2.4 GT Premium 4WD 6A/T ราคา 1,603,000 บาท ถูกกว่า GR Sport 336,000 บาท

Ford Everest Wildtrak 2.0 4×4 10 A/T ราคา 1,899,000 บาท ก็ยังถูกกว่าพี่โต 40,000 บาท 

Nissan Terra 2.3 VL 4WD 7AT ราคา 1,555,000 บาท ถูกกว่า Fortuner GR Sport ถึง 384,000 บาท และเป็นรถ PPV ที่จัดเต็มอุปกรณ์และการขับขี่ที่เอาใจครอบครัวขนาดใหญ่ โดยมีค่าตัวถูกที่สุดในกลุ่ม PPV รุ่นท็อปสุด 

ของแต่ง GR Sport รอบคันที่แตกต่างไปจาก Fortuner Legender 2.8 โดยเฉพาะการล้วงเข้าไปปรับระบบรองรับให้แนบแน่นกับผิวถนนและมีอาการโคลงตัวลดลง GR Sport รถรุ่นพิเศษที่มีการตกแต่งเพิ่มเติมจาก Legender ด้วยการออกแบบชุดแต่งสปอร์ตของสำนัก Gazoo Racing ซึ่งเป็นทีมแข่งของ Toyota ช่วงล่างที่เหมาะสมกับแรงบิด 550 นิวตันเมตร ปรับตั้งให้รองรับการขับขี่ทั้งในเมือง และออฟโรด โช้คอัพแบบโมโนทูบ (Monotube Shock Absorber) ผ่านการทดสอบหนักหน่วงแบบลุยแหลกบนผิวถนนที่หลากหลายทั้งทางลาดยาง ทางปูน ทางลูกรังและทางออฟโรดที่เต็มไปด้วยดินโคลน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในด้านการทรงตัวและความนุ่มนวล Toyota แจ้งว่า การปรับปรุงระบบรองรับทำให้ Fortuner GR Sport 224 แรงม้า นั่งได้สบายตัว ลดอาการโคลงเมื่อต้องเจอกับผิวถนนที่ไม่เรียบ เป็นการเพิ่มเติมความผ่อนคลายระหว่างการเดินทางไกล เมื่อลองเอาไปขับทดสอบทางไกล โดยใช้เส้นทาง สุพรรณบุรี เลาขวัญ เขาโจด พุเตย บ้านไร่ มีทั้งทางราบตรงยาวและทางโค้งขึ้นลงเนินสูงชัน ช่วงล่างท่ีเป็นจุดเด่นของ GR Sport สำแดงฤทธิ์เดชด้านการยึดเกาะขณะทำความเร็ว การถ่ายเทน้ำหนักในโค้งหรือขณะที่ใช้เบรกหนักๆ ทำได้ดีขึ้นอย่างที่บอกจริง เบรก GR Sport แม้คาร์ลิปเปอร์กับจานจะเล็กไปนิดเมื่อเทียบกับแรงฉุดลากที่เพิ่มขึ้น แต่เบรกให้ความมั่นใจได้ดีกว่าชุดเบรกมาตรฐานของ Legender 2.8L

พวงมาลัยแรคแอนพีเนียนเพาเวอร์สายพาน ปรับตั้งมาให้มีน้ำหนักที่พอดี มีความแม่นยำอยู่ในระดับปานกลาง ขับเร็วๆ ก็ยังให้ความมั่นใจได้ดี ชุดบังคับเลี้ยวของ Fortuner GR Sport มีความเที่ยงตรงใช้ได้ เล็งไปยังหัวโค้งได้อย่างไม่คลาดเคลื่อน ถ้าขับเข้าโค้งด้วยความเร็วที่เหมาะสม ช่วงล่างกับพวงมาลัยสอดประสานการทำหน้าที่ได้ดีพอใช้ เคยถามวิศวกรของ Toyota ว่าทำไมไม่ทำพวงมาลัยไฟฟ้าให้กับรถขายดีอย่าง Fortuner ซะที คำตอบที่ได้รับก็คือ พวกเค้าได้พยายามกันแล้ว แต่แรคพวงมาลัยที่เน้นการใช้งานหนักนั้น ไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อควบคุมแปรผันน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามสปีดความเร็วเหมือนใน Ford Everest ซึ่งถือเป็น PPV ที่มีการขับดีสุดเมื่อเทียบกับรถคู่แข่งในระดับเดียวกัน พวงมาลัยเพาเวอร์ที่มีสายพานคล้องเชื่อมต่อกับปั๊มไฮดรอลิก เมื่อขับเร็วจะมีน้ำหนักที่เบาขึ้น แต่ก็ไม่ได้เบาจนทำให้ขาดความมั่นใจ สำหรับระยะของการเลี้ยวกลับลำยังคงใช้พื้นท่ีกว้างพอสมควร จุดที่ดีเป็นเรื่องของความคงทน รองรับการขับลุยทางโหดวิบากสาหัสได้ตามสไตล์ของรถพี่โต แต่ถ้าคิดจะเอาไปลุยหนักๆ ควรเปลี่ยนยางให้เป็นยางออฟโรดเต็มรูปแบบจะสร้างความมั่นใจในการตะกุยเอาตัวรอดได้ดีกว่ายางเดิมติดรถมาจากโรงงานซึ่งเป็นยางกึ่งทางเรียบที่ไม่เหมาะกับการเอาไปขับลุยหล่มโคลน

เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง เทอร์โบ 2.8 ลิตร กับเกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อนสี่ล้อ ถ่ายเทแรงบิดได้ดี การตัดต่อเกียร์ในย่านความเร็วต่ำเมื่อขับในเมืองก็ใช้ได้ ไม่ต้องมีถึง 10 สปีด เกียร์ 6 สปีดสามารถทดกำลังส่งถ่ายลงไปที่เพลาหลังได้อย่างรวดเร็วในโหมด 2H การเร่งความเร็วเพื่อแซงรถช้า หรือปั่นล้อในโหมด 4Low เพื่อเอาตัวรอดจากหล่มโคลน แรงฉุดลาก 550 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 10.2 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดเฉียดๆ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าเร็วใช้ได้และอยู่บนหัวแถวของรถ PPV ในด้านความเร็วสูงสุด เมื่อเทียบกับตัวเลขสมรรถนะด้านอัตราเร่งของรถคู่แข่ง Fortuner GR Sport เป็นรถอเนกประสงค์ที่เร่งความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง ทางขึ้นเนิน กับสัมภาระเต็มคัน ไม่ใช่ปัญหาของเครื่องยนต์และเกียร์ท่ีจูนอัตราทดมาอย่างลงตัว

ผมเคยโลดโผนโจนทะยานลงมาจากอำเภอบ่อเกลือในจังหวัดน่าน เพื่อมาให้ทันนัดที่กรุงเทพฯ ในช่วงเย็นด้วย GR Sport ตัวที่แล้ว ซึ่งมีกำลัง 204 แรงม้าและทำให้รู้สึกประทับใจที่ไปทันเวลา พอมาลองลากยาวๆ กับตัว 224 แรงม้า ชัดเจนว่าการตอบสนองของ GR Sport ตัวแรงนั้นทำได้ดีขึ้นจริง ไม่ได้มาก แต่ก็รู้สึกได้ว่ารถมีความกระฉับกระเฉงมากกว่าเดิมในช่วงพุ่งออกตัวจากสัญญาณไฟ แต่มันก็เป็นแค่ PPV ไม่ได้เป็นรถที่เร่งเร็วจิ้ดเหมือน SUV ราคา 5 ล้านของแบรนด์เยอรมัน ความเร็วขณะเร่งออกตัว หรือเร่งแซง ออกมาในลักษณะดึงขึ้นไปอย่างต่อเนื่องมากกว่าจะกระชากแบบหลังติดเบาะซึ่งอาจควบคุมได้ยาก แรงบิดรอบต่ำในการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งถือว่าดีเลยทีเดียว อาการรอรอบมีน้อยมาก กดคันเร่งออกไป เมื่อเทอร์โบจุดติดมันก็จะเทแรงบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง รอบเครื่องสไตล์ดีเซลกวาดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แรงบิด 550 นิวตันเมตร มากกว่าเครื่อง 2.0 ลิตร Bi Turbo ของ Everest เห็นๆ ความจัดจ้านในเครื่อง 2.8 ลิตร เทอร์โบ ของพี่โตนั้น รู้สึกได้เลยว่ามีพลังในการเร่งออกตัวไหลต่อเนื่องไปจนถึงความเร็วเดินทางไวกว่านิดๆ 

โหมดสปอร์ตที่เลือกใช้มาตลอดทางภูเขาให้การตอบสนองที่ทันใจดี แต่ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากโหมด Normal ซึ่งเป็นโหมดพื้นฐานสักเท่าไร ความชัดเจนของช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยวทำให้เส้นทางภูเขา แถวๆ พุเตย กลายเป็นทางง่ายสำหรับรถที่มีแรงบิดเยอะอย่าง GR Sport เบรกหน้าแบบ 4 พอต คาร์ลิปเปอร์แดงแสบตาแปะตราสัญลักษณ์ GR มีประสิทธิภาพเบรกใช้ได้ เบรกหลังแบบดิสก็ยังดีกว่าเบรกหลังแบบดรัม ซึ่งเบรกหลังแบบนี้ ควรจะอยู่ในรถกระบะประสิทธิภาพสูงของพี่โต การถ่ายเทน้ำหนักขณะเบรกอยู่ในเกณฑ์ดี การใช้งานเบรกในรถ PPV ที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 2 ตัน ห้ามลืมว่า ต้องเผื่อระยะเบรกเอาไว้ เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากทรงตัวดีในย่านความเร็วสูง วิ่งแล้วจะเพลินไม่รู้ว่าเร็วและต้องใช้ระยะเบรกมากกว่ารถเล็ก เมื่อไปเร็วด้วยแรงบิดท่วมท้น ก็ต้องเผื่อระยะเบรกไว้บ้าง

โดยภาพรวม สุดท้ายแล้ว แม้ Fortuner GR Sport 224 แรงม้า จะไม่ใช่รถอเนกประสงค์ที่ดีที่สุด แถมยังมีราคาแพงกว่าคู่แข่งหลายแสนบาท แต่สิ่งที่จะได้รับก็คือ ความคล่องตัว ว่องไว เครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง และอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านการทดสอบเพื่อให้มั่นใจถึงความแข็งแกร่งทนทานที่ลูกค้าทุกคนต้องการ เก็บเสียงใช้ได้ อัตราสิ้นเปลืองทั้งในและนอกเมืองในโหมด Power ทำได้ 10.8 กิโลเมตรต่อลิตร จุดเด่นของระบบส่งกำลังในรถ Toyota ก็คือ ความเหนียว มักจะไม่เป็นอะไรง่ายๆ ถ้ามีน้ำในหม้อน้ำเพียงพอ มีน้ำมันเครื่องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด แม้จะไม่ได้รับการใส่ใจดูแล ปล่องทิ้งปล่อยขว้าง แต่ความถึกทนของ Toyota ต้องถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของวงการ หลังจากซื้อไปแล้ว หลังบ้านของพี่โตก็ยังตามดูแลด้วยบริการหลังการขายที่ทำได้ดี รถอย่าง Fortuner จึงสามารถยึดหัวหาดยอดขาย PPV ได้ยาวนานไม่รู้จักจบสิ้น ความชอบในคุกกี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากประสิทธิภาพด้านการยึดเกาะ พลัง หรือความหรูหราสะดวกสบาย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้าหลังการใช้งาน มันเป็นรถที่ครอบคลุมเกือบจะทุกภารกิจ ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือออกทางไกลซึ่งเป็นเรื่องที่รถรุ่นนี้มีความถนัด เข้าศูนย์ครั้งใดก็มีค่าใช้จ่ายที่พอรับได้ ไม่แพงเท่ากับรถเอสยูวีหรูฝั่งยุโรป ทำให้ Toyota Fortuner รักษาเบอร์หนึ่งยอดขาย PPV ในประเทศไทยได้แบบแทบจะไร้สิ้นซึ่งคู่ต่อสู้ละครับ ไม่เชื่อก็ลองเคี้ยวดูสักชิ้นแล้วจะติดใจ. 

ข้อมูลทางเทคนิค Toyota Fortuner 2.8 GR Sport 4WD

ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift
ราคา 1,939,000 บาท

มิติภายนอก ยาว 4,795 มิลลิเมตร กว้าง 1,855 มิลลิเมตร สูง 1,835 มิลลิเมตร
ความยาวช่วงล้อ 2,750 มิลลิเมตร
ความกว้างช่วงล้อหน้า 1,540 มิลลิเมตร
ความกว้างช่วงล้อหลัง 1,555 มิลลิเมตร
ระดับต่ำสุดจากพื้น (วัดจากจุดต่ำสุดของรถ) 193 มิลลิเมตร
มิติภายใน ยาว 2,487 มิลลิเมตร กว้าง 1,478 มิลลิเมตร สูง 1,103 มิลลิเมตร

เครื่องยนต์
รุ่น 1GD-FTV (High)
แบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler
ความจุกระบอกสูบ (ซีซี) 2,755
ความกว้างกระบอกสูบ 92.0 มิลลิเมตร ระยะชัก 103.6 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1
กำลังสูงสุด 164 กิโลวัตต์ 224 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร/ 1,600 – 2,800 รอบต่อนาที
ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่น แบบคอมมอนเรล
ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
น้ำมันเชื้อเพลิง ดีเซล

แชสซี
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift
อัตราทดเกียร์ 1 3.600
อัตราทดเกียร์ 2 2.090
อัตราทดเกียร์ 3 1.488
อัตราทดเกียร์ 4 1.000
อัตราทดเกียร์ 5 0.687
อัตราทดเกียร์ 6 0.580
อัตราทดเกียร์ถอยหลัง 3.732
อัตราทดเฟืองท้าย (ต่อ 1) 3.909

ระบบกันสะเทือนหน้า แบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง เหล็กกันโคลง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ แบบ Monotube เฉพาะรุ่น GR Sport

ระบบกันสะเทือนหลัง แบบโฟร์ลิงค์ พร้อมคอยล์สปริง เหล็กกันโคลง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ แบบ Monotube เฉพาะรุ่น GR Sport

ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน พร้อมคาลิปเปอร์สีแดงและสัญลักษณ์ GR

ระบบเบรกหลัง ดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน พร้อมคาลิปเปอร์สีแดง และสัญลักษณ์ GR

ระบบบังคับเลี้ยว แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบ VFC
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.8 เมตร
ยางและล้อ 265/50R20 ล้ออัลลอย
ยางอะไหล่ 265/50R20 ล้ออัลลอย

ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift

ภายนอก
กระจังหน้า สีดำเงา พร้อมสัญลักษณ์ GR
ชุดตกแต่งกันชนหน้า สีดำเงา พร้อมสัญลักษณ์ GR
บันไดข้าง สีดำ
ไฟหน้าแบบเลนส์โปรเจกเตอร์ LED Dual Projector
ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-me-home
ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำ แบบอัตโนมัติ
ไฟท้าย LED แบบ Light Guiding
ไฟเลี้ยวหน้า-หลังแบบ LED แบบ Sequential
กระจกมองข้าง สีดำ ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว และระบบ Welcome Light
มือเปิดประตู สีเดียวกับตัวรถ
ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
ชุดเซนเชอร์เปิดฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick Activated
ราวหลังคา
สปอยเลอร์หลัง แบบสปอร์ต เฉพาะรุ่น GR Sport
ปลายท่อไอเสียสแตนเลส
ที่ปัดน้ำฝนหน้า แบบปรับตั้งเวลา
ที่ปัดน้ำฝนหลัง

ภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
สีภายใน สีดำ
สีเบาะนั่ง สีดำ
วัสดุเบาะนั่ง หนัง Suede แบบเจาะรู และหนังสังเคราะห์ เดินด้ายสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ GR
เบาะนั่ง แถวที่ 1 แบบสปอร์ต
เบาะนั่ง แถวที่ 1 ปรับเลื่อน-เอน ปรับไฟฟ้า ด้านผู้ขับและผู้โดยสาร
เบาะนั่ง แถวที่ 1 ปรับระดับสูง-ต่ำ ปรับไฟฟ้า ด้านผู้ขับและผู้โดยสาร
เบาะนั่ง แถวที่ 2 แบ่งส่วน 60/40 พร้อมที่พักแขนแบบพับเก็บได้ และที่วางแก้วน้ำ
เบาะนั่ง แถวที่ 2 การปรับเลื่อน-เอน พร้อมระบบพับและยกขึ้นจังหวะเดียว
เบาะนั่ง แถวที่ 3 แบ่งส่วน 50/50 ปรับเอนและพับเก็บได้
การตกแต่งแผงคอนโซลหน้า ตกแต่งด้วยแถบสี Smoke Silver บุหนังสังเคราะห์สีดำเดินด้ายแดง
การตกแต่งช่องปรับอากาศด้านหน้า แถบสี Smoke Silver และโครเมียม
การตกแต่งแผงข้างประตู ตกแต่งด้วยแถบสี Smoke Silver บุหนังสังเคราะห์สีดำ

การตกแผงควบคุมข้างประตู สีดำเมทัลลิก
การตกแต่งมือเปิดประตูด้านใน โครเมียม
ที่บังแดดด้านผู้ขับขี่ มีที่เก็บนามบัตร กระจก ฝาปิด และไฟส่องสว่าง
ที่บังแดดด้านผู้โดยสาร มีที่เก็บนามบัตร กระจก ฝาปิด และไฟส่องสว่าง
มือจับ 8 ตำแหน่ง
การปรับระดับพวงมาลัย ปรับได้ทั้ง สูง-ต่ำ และเข้า-ออก (Tilt & Telescopic)
วัสดุ/การตกแต่งพวงมาลัย หุ้มหนังแบบ Soft Touch เจาะรู พร้อม Center Mark สีแดง และเดินด้ายสีแดง ตกแต่งด้วยสี Smoke Silver และสัญลักษณ์ GR
สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง โทรศัพท์ และ MID ที่พวงมาลัย
วัสดุ/การตกแต่งหัวเกียร์ หุ้มหนัง / แถบสี Smoke Silver
การตกแต่งฐานเกียร์ ลาย Carbon Fiber / แถบสี Smoke Silver
วัสดุ/การตกแต่งเบรกมือ หุ้มหนัง / โครเมียม
แป้นคันเร่ง และเบรก แบบสปอร์ต
พรมรองพื้นห้องโดยสาร ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport
มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron สีขาว ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport
จอแสดงข้อมูลการขับขี่ (MID) พร้อมฟังก์ชันแสดงสถานะการเลี้ยวของล้อหน้า (Tire Turning Angle)
ไฟส่องสว่างที่ประตู ทั้ง 4 บาน

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) พร้อมระบบ Dynamic Radar Cruise Control
กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
กระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลงอัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันการหนีบ ทั้ง 4 บาน
กุญแจรีโมต Smart Key ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport
ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์ ระบบสตาร์ตอัจฉริยะ พร้อมสัญลักษณ์ GR
เซ็นทรัลล็อก แบบ Speed Auto Lock
สวิตช์เลือกโหมดการขับขี่ Eco/Normal/Sport
เครื่องปรับอากาศ แถวที่ 1 อัตโนมัติ ปรับอิสระแยกซ้าย-ขวา
เครื่องปรับอากาศแถวที่ 2 และ 3 ปรับแรงลมอัตโนมัติ
กล่องเก็บของ หุ้มหนังสังเคราะห์ เดินด้ายสีแดง พร้อมช่องเก็บของด้านบนแบบ Cool Box
ช่องเก็บของด้านล่าง แบบหน่วง พร้อมกุญแจล็อก
ช่องเก็บของที่แผงประตู พร้อมที่วางขวดน้ำ
ที่เก็บแว่นตา
ที่วางแก้ว
ช่องเก็บเอกสารหลังเบาะคู่หน้า
ที่แขวนสัมภาระหลังเบาะคู่หน้า
ที่แขวนอเนกประสงค์

ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า DC 12 โวลต์ 2 ตำแหน่ง / AC 220 โวลต์ 1 ตำแหน่ง / USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง 2 ตำแหน่ง
อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
เครื่องเสียง จอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Bluetooth/USB
ระบบ Apple CarPlay
ระบบโทรออกด้วยเสียง
ระบบ T-Connect
ชุดเครื่องเสียง Premium Audio พาวเวอร์แอมป์ และลำโพง JBL 9 ตำแหน่ง 11 ลำโพง (รวม Sub-Woofer)
เสาอากาศ แบบ Shark Fin
ระบบเตือนการโจรกรรม
ระบบเตือนการโจรกรรมและ Immobilizer

ความปลอดภัย
ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) LED แบบ Light Guiding
ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED
ไฟตัดหมอกหลัง
ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
ไล่ฝ้ากระจกหลัง
กล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor) พร้อมมุมมองแบบ 3D View

ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)
ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
สัญญาณเตือนกะระยะด้านท้ายและที่มุมกันชนทั้ง 4 มุม
เข็มขัดนิรภัย 3 จุด ทุกที่นั่ง พร้อมระบบดึงกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ สำหรับเบาะคู่หน้า
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
ระบบเสริมแรงเบรก BA
ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ A-TRC
ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC
ระบบควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Differential)
ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS
ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA
โครงสร้างนิรภัย GOA
คานเหล็กนิรภัยด้านข้าง
ระบบถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านผู้ขับ, ผู้โดยสาร, หัวเข่าผู้ขับ ด้านข้าง และม่านนิรภัย


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *