โตโยต้า 7 ที่นั่ง Veloz ที่ตอนเปิดตัวดูเหมือนจะปังแต่ก็ดันต้องมานั่งเงียบเหงา ทำไม Toyota Veloz ถึงไม่ฮอตฮิตในกลุ่มรถ MPV ขนาดนั้น เขามีดีหรือเปล่า? มาอ่านกันในบทความนี้!
ทำความรู้จักกับ Toyota Veloz
Toyota Veloz เป็นรถยนต์ Mini Van หรือจะเรียกว่ารถ MPV สำหรับครอบครัวก็ย่อมได้ รถยนต์รุ่นนี้ได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 โดยทาง Toyota ได้มีการนำเข้ามาจัดจำหน่ายจากประเทศอินโดนิเซีย ไม่ใช่รถยนต์ที่ผลิตในไทยแต่ก็สามารถใช้อะไหล่ร่วมกับรุ่นอื่นๆ ได้
ซึ่งในช่วงแรกต้องบอกว่าเขาได้รับเสียงตอบรับดีมาก แต่ปัจจุบันสายตาแฟนบอยรถ MPV กลับหันไปมองที่รุ่นอื่นหรือ Toyota Innova มากกว่า อาจจะเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาและภายในของเขาอาจจะดูคุณปู่ไปหน่อย แต่เรื่องความสบายปู่เขาไม่ทำให้ผิดหวัง และยังเป็นรถ MPV มือสองที่น่าซื้อมากในตอนนี้เลย!
มิติตัวถังของ Toyota Veloz
- ยาว 4,475 มม.
- กว้าง 1,750 มม.
- สูง 1,700 มม.
- ระยะฐานล้อ 2,750 มม.
- ground clearance 205 มม.
- ความจุถังน้ำมัน 43 ล.
ถ้าดูจากข้อมูลมิติตัวถัง Toyota Veloz จะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าคู่แข่งของเขาอย่าง Suzuki XL7 และ Honda BR-V แต่เป็นรองคู่แข่งทางตรงอย่าง Mitsubishi Xpander Cross ถ้าดูจากขนาดของ Xpander Cross จะอยู่ที่ ยาว 4,500 มม. x กว้าง 1,800 มม. x สูง 1,750 มม. และ ฐานล้อ 2,775 มม.
Toyota Veloz จะมีขนาดเล็กกว่า Mitsubishi Xpander Cross นิดๆ โดยจะ สั้นกว่า 25 มม. แคบกว่า 50 มม. เตี้ยกว่า 50 มม. ฐานล้อแคบกว่า 5 มม. แน่นอนว่าระยะห่างกันแค่นี้มันก็เรื่องเล็กน้อยมากสำหรับเขา เพราะ Toyota เขาออกแบบห้องโดยสารให้มีความเป็นระเบียบและมีความกว้างมาก เมื่อเข้าไปนั่งแล้วก็สบายไม่ต่างจากคู่แข่งเลย มีความโปร่ง ความโล่ง ความสบาย และ ทัศนวิสัยดี
เครื่องยนต์ของ Toyota Veloz
สำหรับเจ้าพ่อ Hybrid อย่าง Toyota ก็ถือว่าน่าเสียดายที่เขาไม่ได้ให้เครื่อง Hybrid มาสักรุ่นย่อยใดรุ่นย่อยหนึ่งเลย แต่กลับได้เครื่องเบนซินแบบ NA รหัส 2NR-VE Dual VVT-i แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 1,496 ซีซี. ที่ให้พละกำลังสูงสุด 106 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ Sequential Shift Manual Mode มาแทน
ถือว่าเป็นที่น่าเสียดายที่ไม่ได้เครื่องยนต์ Hybrid เพราะสำหรับเครื่องยนต์นี้เขาทำอัตราการสิ้นเปลืองได้ที่ 17.9 กม./ล. ก็ถือว่าประหยัดมากแล้วสำหรับรถไซซ์ประมาณนี้ที่ค่อนข้างมีน้ำหนักนิดหน่อย 1,180 กิโลกรัม แต่ถึงอย่างนั้นเรามองว่าด้วยความที่ Toyota Veloz เป็นรถ MPV แน่นอนว่าการเป็นรถครอบครัวจะเน้นใช้งานเพื่อทำกิจกรรมและใช้ชีวิตกับครอบครัวเป็นหลัก ถ้าได้เครื่อง Hybrid ที่ประหยัดมากๆ Veloz จะปังมากกว่านี้ชัวร์!
สำหรับเครื่องยนต์ของ Toyota Veloz ความแรงไม่ใช่จุดเด่นของเขา ข้อดีของเครื่องนี้คือมันมีความต่อเนื่องและกำลังดีแม้ช่วงต้นอาจจะรู้สึกตื้อนิดๆ แต่กับการเป็นรถครอบครัวความรู้สึกที่นุ่มนวลและค่อยๆ ให้กำลังอย่างต่อเนื่องกับเกียร์ CVT ที่เนียนๆ ก็ทำให้ Veloz เป็นรถยนต์ที่ให้ความรู้สึกดีและเป็นมิตรต่อผู้โดยสาร อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเราเองได้ตามสถานการณ์ด้วย แต่เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับช่วงล่างด้วย!
อ่านเพิ่มเติม : ค่าบำรุงรักษาเครื่องยนต์รถไฮบริด สูงอย่างที่เขาบอกจริงเหรอ?
ช่วงล่างและรถบบเบรคของ Toyota Veloz
สำหรับช่วงล่าง Toyota Veloz ด้านหน้าเป็นแบบ McPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบ Torsion Beam คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ระบบเบรคด้านหน้าและด้านหลังเป็นระบบดิสก์เบรค
ซึ่งเมื่อเรามองจากข้อมูลตรงนี้เราจะรู้ได้ทันทีว่าเหมือน Toyota Collora Cross แปลว่าความรู้สึกในการขับขี่จะหน้านุ่มแน่นและหลังเด้งนิดๆ หรือเปล่านะ? ไม่เลยครับ ต้องบอกว่าถึงแม้ Veloz จะได้ช่วงล่างเหมือนๆ กับ Collora Cross แต่มันกลับถูกปรับแต่งให้มีความนุ่มสมกับเป็นรถ MPV 7 ที่นั่ง
อ่านเพิ่มเติม : ข้อดี ข้อเสีย Toyota Corolla Cross ใครจะซื้อมือสองควรรู้สิ่งนี้!
ความรู้สึกเราขอแบงออกเป็น 3 โซน หลักๆ เนื่องจากว่า Veloz เป็นรถยนต์แบบ 7 ที่นั่ง โซนแถวหน้าสุดต้องบอกว่าได้ในเรื่องของความนุ่มสบายและให้ความรู้สึกได้ถึงการเกาะถนน สำหรับแถวกลางเองก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลเช่นกัน แต่ในส่วนแถวหลังสุดอาจจะมีรู้สึกได้ถึงความย้วยเบาๆ และตึงตังนิดหน่อยเนื่องจากว่าตำแหน่งเบาะอยู่ตรงจุดของช่วงล่างด้านหลังและซุ้มล้อพอดี
ส่วนตัวแล้วคิดว่า Toyota Veloz เป็นรถครอบครัวที่ดีอีกคันเลยก็ว่าได้ทั้งเรื่องการปรับแต่งช่วงล่างและกำลังของเครื่องยนต์ที่พารถยนต์คันนี้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างสมูท อีกทั้งระบบเบรคที่เราคาดว่ารถยนต์ครอบครัวนุ่มๆ แบบนี้อาจต้องใช้ระยะเบรคสักหน่อย แต่การเบรคก็ทำได้แบบอยู่หมัด ต้องชื่นชมเลยสำหรับระบบเบรคของ Veloz มันสะท้อนถึงความปลอดภัยของตัวรถครอบครัวแบบนี้ได้ดี
ออปชันของ Toyota Veloz
ในรุ่นเริ่มต้น SMART ราคามือหนึ่งจะอยู่ที่ 795,000 บาท มีอุปกรณ์มาตรฐานดังนี้
- ล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทน ขนาด 16 นิ้ว
- ยาง ขนาด 195/60 R16
- ล้ออะไหล่ full size
- ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ แบบ LED
- ไฟ Daytime Running Light แบบ LED Light Guiding
- ไฟเลี้ยว แบบ Sequential
- ระบบไฟหน้า Follow-me-home
- ระบบไฟหน้า Leaving Home Lamp
- กระจังหน้า สีดำเงา
- ไฟตัดหมอกคู่หน้า
- ไฟท้าย แบบ LED Light Guiding
- ไฟเบรกดวงที่ 3
- เสาอากาศแบบครีบฉลาม Shark Fin
- กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
- กระจกมองข้าง ปรับและพับ ด้วยไฟฟ้า
- กระจกมองข้าง พับเก็บอัตโนมัติ
- ระบบปัดน้ำฝน ด้านหน้า – ด้านหลัง
- มือเปิดประตภายนอก สีเดียวกับตัวรถ
- ราวหลังคา
- สปอยเลอร์หลัง
- ช่วงล่าง
- ด้านหน้า McPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง
- ด้านหลัง Torsion Beam คอยล์สปริง และ เหล็กกันโคลง
- ระบบเบรกดิสก์เบรก หน้า- หลัง
- พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสลับผ้า ตกแต่งด้วยด้ายสีเทา
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง
- เบาะนั่งผู้โดยสาร ปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง
- ช่องเก็บเอกสารด้านหลังเบาะนั่งคู่หน้า
- เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเอนได้
- เบาะนั่งแถวที่ 2 เลื่อนหน้า-ถอยหลังได้
- เบาะนั่งแถวที่ 2 พับทบจังหวะเดียว
- เบาะนั่งแถวที่ 2 แยกพับอิสระ 60 : 40
- เบาะนั่งแถวที่ 3 แยกพับอิสระ 50 : 50
- เบาะนั่งแถวที่ 3 พับได้เรียบ
- ภายในห้องโดยสารทูโทน สีดำ – สีเทา
- พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง
- พวงมาลัยตกแต่งด้วยด้ายสีเทา และ แถบสีเงินเมทัลลิก
- วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร สีดำ Piano Black
- มือเปิดประตูภายในห้องโดยสาร โครเมียม
- หัวเกียร์หุ้มด้วยหนัง
- กระจกหน้าต่างไฟฟ้า 4 บาน
- กระจกหน้าต่าง พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Protection JAM ฝั่งคนขับ
- ที่บังแดด พร้อมกระจกแต่งหน้า และ ไฟส่องสว่าง ฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า
- ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ LED
- ไฟส่องสว่างบริเวณที่เก็บสัมภาระด้านท้าย
- ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light
- กล่องเก็บของคอนโซลกลางพร้อมฝาปิด และ ที่วางแก้ว
- กล่องเก็บของด้านท้าย
- ชุดมาตรวัดแบบ Full Digital แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว
- พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก)
- ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
- ฟังก์ชั่น Auto Brake Hold
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
- ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง บนเพดาน
- สวิตซ์ปรับแรงลม ระบบปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง
- สวิตซ์เลือกโหมดการขับขี่ 3 แบบ ECO Normal และ Power
- หน้าจอกลาง ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว
- เครื่องเสียง วิทยุ AM/FM
- ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า และ ด้านหลัง
- ช่องชาร์จไฟ 12V ด้านหน้า และ ด้านหลัง
- ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
- รองรับ Apple CarPlay / Android Auto
- ระบบโทรออกด้วยเสียง
- ลำโพง 6 ตำแหน่ง
- สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
- ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก BA
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VSC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
- ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน ESS
- ระบบเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง Blind Spot Monitor
- ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Rear-Cross Traffic Alert
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
- กล้องมองภาพขณะถอยจอด
- เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง
- จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
- เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด 7 ที่นั่ง
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยทั้ง 7 ที่นั่ง
- ระบบเซ็นทรัลล็อค
- กุญแจนิรภัย Immobilizer
- ระบบสัญญาณกันขโมย TDS
สำหรับรุ่นเริ่มต้นเมื่อเรามองที่ออปชันที่ได้มาแล้วต้องบอกว่าราคานี้ก็ค่อนข้างคุ้มเลยสำหรับการเป็นรถยนต์ MPV 7 ที่นั่ง มันครบจบสำหรับครอบครัวแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นการดีไซน์ภายในของ Toyota Veloz ก็อาจจะดูค่อนข้างคุณปู่ไปหน่อย หรือว่าการออกแบบภายในแบบนี้อาจจะทำให้คนซื้อมองว่า Veloz ไม่ล้ำเท่าไหร่แต่จริงๆ คือดีตั้งแต่รุ่นย่อยแล้ว!
สำหรับรุ่นท็อป PREMIUM ราคามือหนึ่ง 875,000 บาท ราคาจะเพิ่มจากรุ่นเริ่มต้น 80,000 บาท และได้ออปชันเพิ่มเติมดังนี้
- วัสดุตกแต่งบริเวณไฟตัดหมอกหน้า
- วัสดุตกแต่งด้านข้างประตู
- วัสดุตกแต่งสปอยเลอร์หลัง
- ล้ออัลลอยปัดเงา สีทูโทน ขนาด 17 นิ้ว
- ยาง ขนาด 205/50 R17
- ไฟส่องสว่างบริเวณพื้น Foot Lamp
- วัสดุตกแต่งช่องแอร์ โครเมียม
- หน้าจอ Touchscreen ขนาด 9 นิ้ว
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า Pre-Collision System
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam
- ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน และ ดึงพวงมาลัยกลับ Lane Departure Alert
- ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดวิธี Pedal Misoperation Control
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว Front Departure Alert
- สวิตซ์ควบคุมระบบกล้องรอบคัน บนพวงมาลัย
- ระบบกล้องรอบคัน 360 องศา Panoramic View Monitor
เมื่อมองดูจากรายละเอียดสิ่งที่ได้เพิ่มเติมเข้ามากับราคา 80,000 บาท ก็ต้องบอกว่าอาจจะแอบคุ้มนิดหน่อย แต่แน่นอนว่าเรื่องความปลอดภัยนั้นจะได้มากขึ้นแน่ๆ ส่วนตัวมองว่าถ้าซื้อรุ่นเริ่มต้นก็ถือว่าคุ้มแล้ว ราคานี้นั่งได้กันทั้งบ้าน!
ซื้อ Toyota Veloz มือสอง คุ้มกว่าไหม?
สำหรับราคามือหนึ่งก็ต้องบอกว่าออปชันได้มาแบบนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วสำหรับการเป็นรถยนต์ที่นำเข้าอินโดนิเซียมาจัดจำหน่ายในประเทศไทย แต่เมื่อมือหนึ่งมันคุ้มค่าแน่นอนว่ามือสองก็ต้องคุ้มค่ามากกว่าแน่นอน เพราะราคามือสองของ Toyota Veloz เริ่มต้นที่
เมื่อเราดูที่ราคาก็จะพบว่ารุ่นเริ่มต้นถูกกว่ามือหนึ่ง 156,000 บาท และรุ่นท็อปถูกกว่ามือหนึ่ง 216,000 บาท ทุกคนอาจจะมองว่ามันประหยัดจากมือหนึ่งได้ไม่เยอะมาก แต่อย่าลืมนะว่า Toyota Veloz เป็นรถยนต์ที่พึ่งจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2022 ซึ่งยังเป็นรถยนต์ใหม่เหมือนออกจากศูนย์เลยก็ว่าได้ ลดลงเป็นหลักแสนก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว!
ในด้านราคามือสองเริ่มต้นของทั้งสองรุ่นก็ต้องบอกว่ามันทิ้งห่างกันไม่มาก แบบนี้จะทำให้การซื้อมือสองรุ่นท็อปมีความคุ้มค่ามากกว่าแน่นอน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพรถและความปกติในการใช้งานระบบต่างๆ ด้วย ถึงอย่างนั้นแล้วก็ต้องบอกว่าซื้อรุ่นเริ่มต้นมือสองก็คือคุ้มค่าแล้ว
อีกอย่างคือเมื่อเราซื้อรถยนต์มือสองที่ปีใหม่ๆ แบบนี้จะมีข้อดีตรงที่เราจะเหมือนได้รถยนต์มือหนึ่งจากศูนย์เลยก็ว่าได้ อะไหล่ต่างๆ และสภาพของรถยนต์จะยังไม่สึกหรอหรือทรุดโทรมแต่อย่างใด ซื้อมาแล้วใช้งานได้อีกนาน และด้วยราคานี้ก็ต้องบอกว่า Toyota Veloz มือสอง อาจขึ้นแท่นรถ MPV 7 ที่นั่ง มือสอง ที่คุ้มค่าที่สุดเลยก็ว่าได้!
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com