หลังจากที่ปล่อยให้คู่แข่งแย่งส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่ม Crossover หรือ Sub Compact SUV อยู่นาน ในที่สุด Toyota ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว Toyota Yaris Cross 2023 ซึ่งครั้งนี้ Toyota จัดเต็ม ใส่อ็อพชั่นมาให้แบบไม่มีกั๊ก พร้อมชูจุดเด่นด้วยมิติตัวถังขนาดใหญ่ และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านระบบ Hybrid ด้วยขุมพลัง 1.5 ลิตร Hybrid ที่ประหยัดน้ำมันดีที่สุดในคลาส ได้ไปลองขับมาแล้ว ดี – ไม่ดีอย่างไร? เดี๊ยวเล่าให้ฟัง

สำหรับบทความนี้ จะพูดถึงรายละเอียดเชิงลึก พร้อมสมรรถนะการขับขี่ของ All-New Toyota Yaris Cross เท่านั้น สำหรับใครที่อยากดูสเปค และรายละเอียดของตัวรถ สามารถย้อนกลับไปอ่านได้ที่

เปิดตัว All-New Toyota Yaris Cross เคาะราคาเริ่ม 7.89 แสนบาท

ผลิตที่ประเทศไทย มั่นใจในคุณภาพ อะไหล่พร้อม

สำหรับรถอเนกประสงค์ 5 ที่นั่งขนาดเล็กในตลาดประเทศไทยนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรถที่นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย หรือไม่ก็เป็นรถสัญชาติจีนที่ผลิตไทย แต่ทว่านั้น Toyota Yaris Cross 2023 นั้น เป็นโมเดลใหม่ที่ Toyota ยืนยันว่าผลิตในประเทศ พร้อมทั้งปรับสเปค เสริมอ็อพชั่นตามความต้องการของลูกค้าชาวไทย แม้ว่าที่อินโดนีเซียจะชิงเปิดตัวไปก่อนแล้วก็ตาม

อีกทั้งขุมพลัง 1.5 ลิตร ในรหัส 2NR-VEX ยังเป็นเครื่องที่คนไทยคุ้นชินกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นเครื่องยนต์ที่ยกมาจาก Toyota VIOS นั่นเอง ฉะนั้นในเรื่องของความทนทาน และสต็อคอะไหล่ไม่ต้องเป็นกังวล เครื่องยนต์บล็อคนี้ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน และไว้ใจได้อยู่แล้ว

แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเป็นรุ่นแรก

หากย้อนไปดูไลน์อัพรถ Hybrid ของ Toyota ก่อนหน้านี้ คุณจะเห็นได้ว่าตัวแบตเตอรี่นั้นจะเป็นแบบ นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ (Nickel Metal Hydride/Ni-MH) แต่ทว่า Toyota Yaris Cross 2023 เป็นรถ Hybrid รุ่นแรก ที่ Toyota ได้นำเอาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-Ion) มาใช้ ซึ่งตัวชุดแบตเตอรี่จะมีขนาดเล็กกว่า และสามารถจัดวางไว้ใต้เบาะที่นั่งแถว 2 ได้ โดยไม่ศูนย์เสียพื้นที่ตอนหลังนั่นเอง

มิติตัวถังยาวสุดในกลุ่ม ภายในเหลือเฟือ

สำหรับ Toyota Yaris Cross 2023 นั้น เป็นโมเดลที่เข้ามาเสริมไลน์อัพ SUV ของ Toyota ซึ่งจะมีขนาดที่เล็กกว่า Toyota Corolla Cross แต่ทว่า หากเอาสเปคมิติตัวถังมากางดูกันแล้ว ต้องบอกว่าระยะฐานล้อสั้นกว่าเพียง 20 มม. เท่านั้น เพราะ Toyota Yaris Cross 2023 มีระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,620 มม.

ในขณะที่ความยาวตัวถังมีขนาดถึง 4,310 มม. ซึ่งเป็นความยาวตัวถังที่ยาวที่สุดในรถ Crossover ที่มีขายในบ้านเรา ฉะนั้นใครที่คิดว่าเจ้า Toyota Yaris Cross จะคันนิดเดียว บอกเลยว่า คันจริงไม่เล็กนะครับ!!

อ็อพชั่นที่ให้มากกว่ารุ่นพี่ในค่ายเสียอีก

จุดนี้ถือเป็นจุดขายสำคัญของ All-New Toyota Yaris Cross เพราะอ็อพชั่นที่ Toyota ประเคนใส่เข้ามาให้นั้น ล้วนแล้วแต่เอาใจลูกค้าชาวไทยโดยเฉพาะ อารมณ์ประมาณ อยากได้กันนักใช่ไหม? เดี๊ยวจัดให้

ซึ่งแค่รุ่นเริ่มต้นก็ได้อ็อพชั่นที่ขับไปไหนก็ไม่อายใคร ทั้งระบบไฟ Full LED ทั้งหน้าจอกลางขนาด 10.1 นิ้ว และจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT 7 นิ้ว แบบเดียวกับที่ใส่มาในตัวท็อป

แต่ที่ดูจะคุ้มสุดคงเป็นระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ในรุ่นท็อป HEV Premium Luxury ที่มาครบทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็น

• ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS
• ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDA
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKC
• ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบ All-Speed (First in Class)
• ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว
• ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSM & RCTA
• กล้องรอบคัน PVM
• ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง
• ถุงลมนิรภัย SRS 6 ตำแหน่ง

อย่าว่าแต่เอาไปเทียบกับ Crossover ด้วยกันเลย เอาไปเทียบกับซีดาน D-Segment เรือธงของคู่แข่งที่กำลังจะเปิดราคา Toyota Yaris Cross 2023 ยังมีระบบช่วยเหลือ และระบบความปลอดภัยที่มากกว่าเสียด้วยซ้ำ

ขับแล้วถูกใจคนไทยส่วนใหญ่ ยกเว้นสายซิ่ง

ในเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ก็เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ คาแร็คเตอร์ของรถโดยภาพรวมถูกเซ็ตอัพให้ขับง่าย คล่องตัว เหมาะกับทุกเพศทุกวัย สามารถเป็นรถคันแรก และเป็นรถคันเดียวของบ้านได้ ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการขับขี่ใช้งานในเมือง และเดินทางไกล

ลักษณะคันเร่ง ก็ตรงตามชื่อรุ่น Yaris กด Kick Down 100% อย่าไปคาดหวังว่าตัวรถจะพุ่งทะยานแบบหลังติดเบาะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ลองจับเวลาเล่นๆ ทำได้เกือบๆ 12 วินาที แต่จังหวะเร่งแซง หรือความเร็วลอยตัวถือว่าไปได้ไม่น่าเกลียด ส่วน Top Speed หมดที่ 164 กม./ชม. (ไม่ได้ล็อค)

ในเรื่องของอัตราเร่งของ Toyota Yaris Cross 2023 อาจไม่ใช่จุดเด่นสักเท่าไหร่ แต่ในเรื่องของการทำงานของระบบ Hybrid และการกินน้ำมัน ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม โดยระบบขับเคลื่อน Hybrid ของ Yaris Cross นั้น จะมีสถานะการทำงานให้ดูที่จอกลาง ซึ่งมีรูปแบบการทำงานที่หลากหลาย โดยตัวรถจะคำนวณให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด และเครื่องยนต์จะหยุดการทำงานในทันทีทุกครั้งที่ยกเท้าออกจากคันเร่ง พร้อมนำพลังงานกลกลับไปปั่นไฟจัดเก็บที่แบตเตอรี่ให้อัตโนมัติ ซึ่งการทำงานในลักษณะนี้จะคล้ายๆ ระบบ e-Power ของ Nissan Kicks นั่นเอง

เพียงแต่ตอนเยียบคันเร่งเต็ม 100% เครื่องยนต์จะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ถ้าขับช้าๆ จะสลับการทำงาน พร้อมทำคู่กันให้อัตโนมัติ เพื่อความประหยัดสูงสุด โดยทริปนี้ได้ลองขับกว่า 400 กม. ทำอัตราเฉลี่ยน้ำมันเชื้อเพลิงได้ที่ 23.2 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าประหยัดกว่ามาตรฐาน Eco Sticker ในรถ Eco Car เสียอีก

ช่วงล่างนั่งสบาย เน้นนุ่มนวลเอาใจคนส่วนมาก

ถ้าไม่ใช่รุ่น GR Sport ของ Toyota ช่วงล่างที่เซ็ตมาทุกท่านคงจะทราบกันดีว่า มักจะถูกเซ็ตให้มีความนุ่มนวล นั่งสบาย ไม่แข็งกระด้างเอาไว้ก่อน ซึ่งใน All-New Toyota Yaris Cross ก็เป็นแบบนั้นไม่ผิด เพียงแต่ว่าด้วยระยะฐานล้อที่ยาว บวกกับน้ำหนักตัวถังที่มากกว่าใน Yaris 5 ประตู ทำให้การขับขี่มีความรู้สึกที่แน่น และเฟิร์มกว่า ในขณะเดียวกันก็ยังให้การขับขี่ที่คล่องตัว ใช้งานในเมืองได้ไม่ติดขัด ขับเดินทางออกต่างจังหวัดก็มั่นใจ

แต่ทางด้าน Handling ดูแล้ว เหมือนทีมวิศวกร Toyota จะเซ็ทไว้เอาใจคุณผู้หญิง เพราะน้ำหนักพวงมาลัยค่อนข้างเบาทั้งความเร็วต่ำ และความเร็วสูง อีกทั้งยังมีระยะฟรีเยอะพอสมควร ถ้าขับหาที่จอดในห้าง หรือวนขึ้นตึกสูงๆ อันนี้ถือว่าดี แต่ถ้าเป็นคนชอบขับรถความเร็วสูง อันนี้อาจจะมีอาการเหวอๆ อยู่บ้าง แต่ไม่เป็นไร เดี๊ยวระบบความปลอดภัยจะเข้ามาช่วยเอง

บทสรุป

โดยสรุปแล้ว ต้องบอกว่า All-New Toyota Yaris Cross นั้น เป็นโมเดลที่เปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ว่าเจ้าตลาดมักกั๊กอ็อพชั่นได้ไม่มากก็น้อย เพราะการมาครั้งนี้ Toyota ทำการบ้านมาดี ชนิดที่ว่าค่ายอื่นๆ ต้องลดราคาลงมาสู้กันเลยทีเดียว และถ้ามองในเรื่องของราคา และคุณภาพ พร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ที่ได้สัมผัส ก็ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังที่ปล่อยให้รอคอยมานานสำหรับรถใน Segment นี้จากค่ายใหญ่ จะติดก็เพียงเรื่องเดียว ตอนนี้ยอดจองถล่มทลายจนเซลล์ไม่ง้อลูกค้า ของแถมก็ลดลงไปบ้างเท่านั้นเอง

All-New Toyota Yaris Cross มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย

• HEV SMART ราคา 789,000 บาท
• HEV PREMIUM ราคา 849,000 บาท
• HEV PREMIUM LUXURY ราคา 899,000 บาท