สถาปนิกแจ้งความ ถูกทหารกับลูกน้องรุมกระทืบจนอ่วม เหตุตามไปบ้าน เพราะขับรถเฉี่ยว


สถาปนิกแจ้งความ ถูกรุมกระทืบอ่วม คาดปมถูกรถเฉี่ยว คู่กรณีเป็นทหาร ตามไปหาที่บ้าน กลับถูกชักปืนขู่ สุดท้ายถูกรุมกระทืบหน้าบ้านตัวเองอ่วม

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 4 ธ.ค.66 ที่ สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี นายสิทธาคม จันทนะเสวี อายุ 44 ปี อาชีพสถาปนิก พร้อมด้วย น.ส.เจนจิรา มยุเรศ อายุ 38 ปี ภรรยา เดินทางแจ้งความกับ พ.ต.ท.วชิรนุสรณ์ คำแพง สารวัตร (สอบสวน) สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับทหาร ยศ จ.ส.อ. พร้อมกับพวกที่ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 18.00 น.

โดย นายสิทธาคม ได้นำคลิปจากกล้องหน้ารถ ซึ่งเป็นคลิปต้นเหตุเมื่อวันที่ 5 พ.ย. เวลา 18.00 น. ก่อนที่จะถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นภาพที่รถเก๋งของ นายสิทธาคม จอดอยู่หน้าบ้านพัก ก่อนจะถูกรถกระบะของจ่าทหารคู่กรณีเฉี่ยวชนแล้วขับหลบหนีกลับไปที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกล ทำให้ นายสิทธาคม เดินทางที่บ้านซึ่งมีรถกระบะจอดรถเพื่อสอบถามความรับผิดชอบเรื่องที่รถไปเฉี่ยวชน โดย นายสิทธาคม ต้องการให้เรียกตำรวจและประกันของทั้ง 2 ฝ่ายมาตกลงกัน เนื่องจากเห็นว่าทางจ่าทหารอยู่ในสภาพมึนเมา แต่จ่าทหารไม่ยอมจึงเกิดการโต้เถียงกันและกลายเป็นการด่าทอด้วยคำหยาบ

นายสิทธาคม กล่าวว่า ในวันนี้ตนเดินทางมาแจ้งความเรื่องถูกทำร้ายร่างกาย โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา จากคู่กรณีซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน และตนมาในภายหลังว่า คู่กรณีเป็นทหารอากาศ ยศจ่าสิบเอก โดยตนถูกคนร้ายเป็นชาย 2 คนขับรถกระบะไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนตรงเข้ามาทำร้ายร่างกายตนที่หน้าบ้านพัก ซึ่งตนกำลังเปิดประตูลงจากรถเพื่อจะเข้าบ้าน โดยคนร้ายคนหนึ่งได้เดินตรงเข้ามาถามตนว่า “มึงมีเรื่องกับพี่กูเหรอ” จากนั้นคนร้ายรายนี้ก็ปรี่เข้ามาทำร้ายร่างกายตน จนได้รับบาดเจ็บเป็นแผลแตกที่คิ้ว รวมทั้งแขนแกับขาด้วย ส่วนคนร้ายอีกคุมเชิงดูต้นทาง โดยตนได้พยายามตะโกนขอความช่วยเหลือแล้วไม่มีใครได้ยิน จึงพยายามสู้กับคนร้ายแทน จนเมื่อเห็นท่าไม่ดี คนร้ายทั้ง 2 คนก็รีบหลบหนีขึ้นรถและขับออกไป

นายสิทธาคม กล่าวต่ออีกว่า ตนประกอบอาชีพสถาปนิก ทำงานสุจริต ไม่เคยมีเรื่องกับใคร แต่เมื่อวันที่ 5 พ.ย.66 เวลาประมาณ 23.00 น. ตนจอดรถหน้าบ้านหลังตนกับแฟนกลับมาจากไปทานข้าว ถูกรถคันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วจนชนรถตนได้รับความเสียหาย จากนั้นรถคันดังกล่าวได้ไปจอดที่บ้านหลังหนึ่งห่างไปประมาณ 10 กว่าหลัง ตนจึงเดินไปกับแฟนเพื่อเจรจาและถ่ายรูป ซึ่งตนได้สอบถามว่าขับรถชนแล้วทำไมไม่หยุดดู เขาก็บอกว่าจะรับผิดชอบแต่เขามีอาการเมา ตนก็ถามว่าพี่ดื่มเหล้ามาเหรอ ซึ่งเขายอมรับว่าดื่มมา และเริ่มคุยกันไม่รู้เรื่อง

คู่กรณีพยายามจะเดินเข้ามาทำร้ายร่างกายตน ตนก็ถอยหลังและเดินกลับบ้านเพื่อแจ้งตำรวจ โดยแฟนตนยังยืนอยู่กับคู่กรณี จากนั้นแฟนตนได้เดินมาบอกว่าคู่กรณีมีปืน พอตนแจ้งตำรวจคู่กรณีเดินหนีเข้าบ้าน เจ้าหน้าที่สายตรวจมาถึงพยายามกดกริ่งเรียกแต่เขาไม่ออกมา ซึ่งเป็นเวลากลางคืนตำรวจจึงให้ตนแจ้งประกันมาเคลม เรื่องที่เกิดล่าสุดวันที่ 22 พ.ย. ตนคิดว่าน่าจะต่อเนื่องมาจากวันที่ 5 พ.ย.เพราะก่อนที่ชาย 2 คนจะทำร้ายมีการถามก่อนว่า มึงมีเรื่องกับพี่กูเหรอ เพราะในช่วงเช้าที่ตนขับผ่านบ้านคู่กรณี ได้สอบถามเรื่องค่าเสียหาย เพราะตั้งแต่วันเกิดเหตุเขาไม่เคยถามหรือแสดงความรับผิดชอบค่าเสียหายเลย

แต่หลังจากตนถามไปเขาพูดจาไม่ดีและทำท่าจะชักอาวุธจากกระเป๋า ตนจึงขับรถออกไป พอกลับมาตอนเย็นตนก็ถูกทำร้ายร่างกาย พอวันที่ 23 พ.ย. สารวัตรเจ้าของคดีได้เดินทางไปดูที่เกิดเหตุและโทรศัพท์คุยกับคู่กรณี ตามคลิปที่ให้ไปรู้ว่าเขาตอบตำรวจมายังไง ตนก็ไม่ได้กลับไปบ้านอีกเลย จนถึงวันนี้มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจพาแฟนมาสอบปากคำเพิ่มเติมในฐานะพยาน ตนและภรรยากลัวเรื่องความปลอดภัย

จนมีผู้สื่อข่าวให้เบาะแสมาว่า คู่กรณีที่มีเรื่องเป็นคนไม่ธรรมดา เป็นทหารยศจ่าสิบเอก เคยมีคดีและเป็นข่าวดังก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวเลยส่งข้อมูลมาให้ทั้งหมด ทำให้ครอบครัวตนกลัวเรื่องความปลอดภัย เรื่องที่เกิดขึ้นช่วงเช้าวันที่ 22 พ.ย. แฟนตนได้โทรไปคุยว่าให้พูดคุยกับ ซึ่งคู่กรณีก็ตอบมาว่าไม่มีอะไรติดใจ แต่พอตอนเย็นมีตนมาดักทำร้ายตน ตนมองว่าเรื่องรถชนไม่ใช่เรื่องใหญ่เป็นเรื่องปกติ ก็แค่ขอโทษกันและรับผิดชอบไป มันอยู่ที่จิตสำนึก แต่กลับเป็นว่าส่งคนอื่นมาทำร้ายตน ต่อจากนี้ตนก็จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฏหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างติดตามรถคันก่อเหตุและตัวผู้กระทำผิดที่มาทำร้ายตน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน จากนั้นจะออกหมายเรียกคู่กรณีสอบปากคำ พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหารถคนร้ายที่มาก่อเหตุเพื่อติดตามมาดำเนินคดีต่อไป


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *