ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) วานนี้ (4 ต.ค.) มีมติเห็นชอบร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง รถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้า (EV) เพื่อลดมลภาวะ พ.ศ. …. ในวาระสองและวาระสาม เป็นเอกฉันท์ และจะส่งให้ฝ่ายบริหารพิจารณาดำเนินการต่อไป
นายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ สมาชิกสภากทม. เขตยานนาวา ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง รถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะ พ.ศ. …. รายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญฯ เพื่อให้ที่ประชุมสภากทม. พิจารณาในวาระที่สองและวาระที่สาม
ปัจจุบัน กรุงเทพฯ มีปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ สืบเนื่องจากสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะมลพิษทางอากาศ ที่มาจากสารมลพิษที่ปล่อยออกจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัดหรือแบบสันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงซึ่งมีการเผาไหม้ภายใน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลของประชาชนทั่วไป หรือรถโดยสารประจำทางที่ใช้ขนส่งประชาชนทั่วกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ส่งผลสืบเนื่องให้เกิดฝุ่นละอองและควันกระจายทั่วไปในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เป็นอันตรายแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อควบคุมปริมาณสารมลพิษที่ออกจากรถยนต์ไม่ให้เกินเกณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อประชาชน จึงเห็นควรมีมาตรการกำหนดให้รถโดยสารประจำทางปรับปรุงเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ไม่ส่งผลกระทบต่อมลภาวะทางอากาศ และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาทางเทคโนโลยีของรถยนต์ทั่วโลก บังคับใช้ในกรุงเทพฯ จึงจำเป็นต้องตราข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้
“ร่างข้อบัญญัติเป็นจุดเริ่มต้นของการแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมในการผลักดัน และเป็นต้นแบบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นได้นำไปปฏิบัติต่อไป ข้อบัญญัตินี้ไม่ใช่การลิดรอนสิทธิหรือบังคับกันแต่อย่างใด เป็นการควบคุมรถโดยสารที่มีเส้นทางเดินรถประจำทางในเขตกรุงเทพฯ ทั้งหมด ซึ่งการศึกษาครั้งนี้คณะกรรมการวิสามัญฯ ตั้งใจทำเพื่อประโยชน์ของกทม. เป็นหลัก” นายพุทธิพัชร์ กล่าว
อย่างไรก็ดี สภากทม. ได้มีหนังสือไปถึงฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ฉบับนี้ว่าถูกต้องหรือไม่ และกทม. มีอำนาจหน้าที่ในการตราข้อบัญญัติฉบับนี้หรือไม่อย่างไร ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มีหนังสือตอบกลับมาเพื่อให้การพิจารณาร่างข้อบัญญัติฯ เป็นไปด้วยความชัดเจน กทม. จะได้นำเรื่องนี้หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา และจะแจ้งผลการพิจารณาให้สภากรุงเทพมหานครทราบต่อไป
ทั้งนี้ ในการพิจารณา สมาชิกสภากรุงเทพมหานครได้ร่วมกันอภิปรายในประเด็นอำนาจในการบังคับใช้ และคำนิยามรถโดยสารประจำทาง
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักการจราจรและขนส่ง และสำนักงานกฎหมายและคดี เข้าชี้แจงให้ข้อมูลกับคณะกรรมการวิสามัญฯ ไปแล้ว ทั้งนี้ ข้อมูลเบื้องต้นที่ทางสำนักงานกฎหมายและคดีให้ความเห็นคือกทม. ไม่น่าจะมีอำนาจทำได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อความรอบคอบจึงต้องส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาและให้คำแนะนำก่อน
ด้าน นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ที่ผ่านมาการเปลี่ยนรถในส่วนที่กรุงเทพฯ ดูแลเองให้เป็นรถไฟฟ้า ฝ่ายบริหารไม่ขัดข้องและพร้อมที่จะดำเนินการ แต่ในเรื่องรถโดยสารนี้ได้มีการสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา เนื่องจากกทม. ยังไม่แน่ใจในกฎหมายบางฉบับ จึงได้สอบถามไปยังกฤษฎีกา อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลจะออกมาในทิศทางไหนฝ่ายบริหารก็พร้อมที่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ต.ค. 66)
Tags: ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, พุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์, สภากทม.