สาวเตือนภัย “ติดโรค” หลังไปร้องเพลงคาราโอเกะกับเพื่อนๆ เป็นเรื้อรัง รักษาไม่หายขาดมานาน 8 ปี
ตามรายงานจากสื่อไต้หวัน หญิงสาวคนหนึ่งจากมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ได้ไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนสนิทในปี 2017 หลังจากนั้นพบว่าตัวเองได้ติดเชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 1 (Herpes Simplex Virus) ที่บริเวณปากและจมูก
เธอเล่าว่า รอบปากมีตุ่มน้ำใส บวม เจ็บ และคัน หลังรักษาอาการ เธอคิดว่าหายแล้ว จึงไม่ได้กังวลอะไร แต่ต่อมาโรคกลับมาเป็นซ้ำอีก จึงตรวจพบว่าเป็นการติดเชื้อไวรัสเริม
เธอบอกว่า ไวรัสชนิดนี้จะอยู่กับร่างกายไปตลอดชีวิต และปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แม้จะบรรเทาอาการด้วยยาได้ แต่ไวรัสก็จะยังคงกลับมาเป็นซ้ำเรื่อย ๆ
ไวรัสเริมในร่างกายของเธอกำเริบขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 8 ปี ไม่ได้แค่บริเวณปากและจมูก แต่ล่าสุดยังลามไปถึงบริเวณแก้มอีกด้วย จากกรณีของตัวเอง เธอคาดว่าสาเหตุเพราะ ขณะร้องเพลงเธอนำปากเข้าใกล้ไมโครโฟนมากเกินไป จึงทำให้ติดเชื้อมา จึงเตือนทุกคนว่า “ของใช้สาธารณะในพื้นที่สาธารณะ ควรรักษาระยะห่างเอาไว้”
หลังเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตจำนวนมากร่วมแสดงความคิดเห็น โดยบางคนมองว่าแหล่งติดเชื้ออาจไม่ใช่จากไมโครโฟน ไวรัสตัวนี้มีระยะฟักตัว และมักจะกำเริบในช่วงที่ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ อาจติดมาก่อนหน้าแล้วก็ได้ แต่หลายคอมเมนต์ก็มองว่า ไมโครโฟนนั้นมีความไปได้ที่จะเป็นตัวกลางแพร่เชื้อโรคจากคนที่ใช้ก่อนหน้า และไม่ได้ถูกทำความสะอาดฆ่าเชื้ออย่างดี
เริม (Herpes simplex)
เริม (Herpes simplex) คือ โรคติดต่อทางผิวหนังหรือทางเพศสัมพันธ์ผ่านการสัมผัสกับเชื้อไวรัส HSV-1 หรือ HSV-2 ที่ทำให้เกิดเริมที่ปาก หรือเริมที่อวัยวะเพศ สาเหตุของอาการคันยุบยิบ ตุ่มน้ำใส แผลพุพอง ปวดแสบปวดร้อน และมีไข้ ในขณะที่บางรายอาจไม่แสดงอาการใด ๆ เริมเป็นโรคติดเชื้อที่รักษาได้แต่ไม่หายขาด ผู้ที่เคยเป็นเริมแล้วสามารถกลับมาเป็นโรคซ้ำเมื่อภูมิคุ้มกันร่างกายลดต่ำ
เริมเกิดจากอะไร?
เริมเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes simplex virus: HSV-1, HSV-2) ที่แพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อไวรัสทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะที่บริเวณปากและที่อวัยวะเพศ เช่น การจูบผู้ติดเชื้อ การดื่มน้ำแก้วเดียวกัน การทาลิปสติกแท่งเดียวกัน การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย หรือการทำออรัลเซ็กส์ ทำให้เกิดเริมที่ปาก เริมที่อวัยวะเพศ และเริมบนผิวหนังบนร่างกาย พ่อแม่ที่เป็นเริมสามารถแพร่กระจายโรคสู่ลูกผ่านการจูบ การสัมผัสผิวหนัง หรือการใช้สิ่งของที่ปนเปื้อนน้ำลายร่วมกัน