เข้าสู่ปี 2568 กันมาได้เกือบ 1 เดือน หลายคนเฝ้าจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจ รวมทั้งธุรกิจของตัวเองว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ในส่วนของภาคธุรกิจอาหาร ‘เส้นทางเศรษฐีออนไลน์’ ได้พูดคุยกับ คุณต่อ-ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี เจ้าของเพจ Torpenguin เกี่ยวกับเทรนด์ธุรกิจอาหารในปีนี้ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจ
คุณต่อ กล่าวว่า ในปี 2568 แบรนด์ระดับโลกจะเข้ามาบุกไทยจำนวนมากอย่างแน่นอน เพราะในต่างประเทศเจอสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ต่างกัน จึงถูกบังคับให้ต้องขยายธุรกิจ อย่างประเทศจีน เมื่อกำลังซื้อในประเทศน้อยลง เศรษฐกิจหดตัว เกิดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์
แต่แบรนด์ยังต้องขยายต่อ จึงได้เห็นการเข้ามาของแบรนด์จีนในประเทศที่มีการซึมซับวัฒนธรรมได้ง่าย ไม่มีความเป็นแบรนด์ลอยัลตี้ นั่นคือ ประเทศไทย
“ไทยเป็นประเทศที่เปิดรับทุกอย่าง แล้วเราก็เปิดรับจีน ทำให้เห็นหลายๆ แบรนด์เข้ามาตีตลาด แล้วปีนี้จะเป็นปีที่แบรนด์จีนเข้ามาตีตลาดในประเทศไทยมากที่สุด สึนามิคลื่นลูกใหญ่กำลังมาในอีกไม่นาน ปีที่แล้วเป็นแค่คลื่นลูกแรก”
คุณต่อ กล่าวเสริมว่า ณ วันนี้หลายมหาวิทยาลัยเป็นของคนจีนแล้ว จีนส่งทีมบริหารมาเรียนภาษาไทย มาเรียนรู้วัฒนธรรมไทยเรียบร้อย รวมทั้งมีแพลตฟอร์มดีลิเวอรีของตัวเองอยู่ในไทย จะได้เห็นในย่านรัชดาภิเษก ห้วยขวาง และลูกค้าที่ใช้แอปคือคนจีนทั้งหมด ทั้งคนจีนที่อยู่ในไทยและคนจีนที่มาเที่ยวไทย
ส่วนแบรนด์อะไรที่จะเข้ามา อันแรกคือ เครื่องดื่ม ฮอตพอต ต่อให้ตลาดจะเป็นขาลง แต่จีนจะปรับตัวนำรูปแบบใหม่ๆ เข้ามา และฟาสต์ฟู้ด ที่ได้เห็นกันแล้ว เช่น ไก่ทอด
“วิธีการคิดของคนจีนอย่างหนึ่งที่น่าเรียนรู้คือ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม เขาจะคิดถึงลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง พนักงานเป็นอันดับสอง และเจ้าของหรือหุ้นส่วนธุรกิจจะได้ประโยชน์อันดับสุดท้าย
ลูกค้าอยากได้ความคุ้มค่า เขาเสนอความคุ้มค่าให้ เรียกว่าเป็นกลยุทธ์แบบ Loss Leader Pricing มีบางเมนูลดราคาเหมือนขาดทุน แต่เอาจริงๆ หลายคนที่เดินเข้าร้านก็ไม่ได้ซื้อเมนูนี้ น้ำแก้วละ 20 บาท ลูกค้าก็สั่ง 60 บาท ไก่ทอดเริ่มต้นชิ้นละ 15 บาท ลูกค้าซื้อก็ชิ้นละ 40-50 บาทอยู่ดี มันเป็นกลยุทธ์ให้ลูกค้าเปิดใจแล้วเดินเข้าร้าน ซึ่งเราต้องเรียนรู้
แล้วเดี๋ยวนี้จีนไม่ได้บริการแย่ เขาบริการดีขึ้น อย่าง ไฮตี้เหลา ฮอตพอตจากจีนเขาให้บริการระดับโลก คนไทยอย่างเรายังต้องไปเรียนรู้เลย เขาพัฒนาตลอดเวลา”
อย่างไรก็ตาม ในการทำธุรกิจปีนี้ คุณต่อ ฝากไว้ว่า “ปีนี้คงเป็นปีที่ยากลำบากมากขึ้น สิ่งที่เราคาดคิดไว้ อาจจะไม่ได้เป็นแบบที่เราคาดคิดไว้เสมอ นอกจากแพลน A แล้ว เผื่อแพลน B ให้ชีวิต เผื่อแพลน C แพลน D ด้วย แล้วจะทำอะไร คิดก่อนทำ ในยุคนี้ทำทุกอย่างแบบมีสติ ทำทุกอย่างแบบมีภูมิคุ้มกันทางด้านความรู้ที่ดี ผมว่าต่อให้เศรษฐกิจจะไม่ดียังไงก็ตาม ถ้าเรามีเรื่องพวกนี้ มีโอกาสอยู่รอดได้แน่นอน”