ส่องรุ่นและอุปกรณ์ GWM TANK 500 HEV คาด ไม่เกินสองล้านนะจ๊ะ!


.css-nh9sg4 #forum2022-logoSponsor{text-align:center;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text{font-family:”KaLaTeXa Display”;font-size:10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text span{background-color:#ffffff;padding:0 10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text::after{content:””;height:1px;width:100%;background-color:rgb(216,216,216);position:absolute;top:50%;left:0;-webkit-transform:translateY(-50%);-ms-transform:translateY(-50%);transform:translateY(-50%);z-index:2;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor{padding:0;margin:0;list-style:none;display:-webkit-box;display:-webkit-flex;display:-ms-flexbox;display:flex;-webkit-flex-wrap:wrap;-ms-flex-wrap:wrap;flex-wrap:wrap;gap:15px;-webkit-box-pack:center;-webkit-justify-content:center;-ms-flex-pack:center;justify-content:center;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor{height:80px;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor img{height:80px;}

GWM TANK 500 Hybrid SUV เอสยูวีค่ายกำแพงยักษ์ที่เล็งเป้าตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ของไทยมานานเกือบปีแล้ว GWM TANK เป็นแบรนด์เอสยูวีออฟโรด ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ถือกำเนิดขึ้นเพื่อสร้างกระแสความนิยมในหมู่ผู้บริโภค GWM TANK 500 Hybrid SUV สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มออฟโรด TANK ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงสี่สูบ 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มีกำลังสูงสุด 244 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 106 แรงม้า แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 9 สปีด (9HAT) ออกแบบอัตราทดเพื่อรองรับการส่งกำลังที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด พร้อมโหมดการขับ 11 รูปแบบ

GWM TANK 500 Hybrid SUV มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น และรุ่น PRO

สีรถภายนอก 4 สี ได้แก่ ขาว ดำ เทา และสีใหม่ เทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น ULTRA)

สีรถภายใน สีดำ และทูโทนสีน้ำเงิน-เบจ (เฉพาะสีเทาคริสตัลในรุ่น ULTRA)

การออกแบบภายนอก (Exterior Design) GWM TANK 500 Hybrid SUV ด้านหน้า มี กระจังหน้าขนาดใหญ่ ช่องระบายอากาศแนวนอน โลโก้ TANK และ เส้นที่นูนขึ้นของฝากระโปรง ไฟหน้า Intelligent LED ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ ฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอก LED ด้านหลังติดตั้งฝาท้ายแบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้า ช่วยผ่อนแรงปิดฝาท้าย ยางอะไหล่ติดตั้งบนฝาท้าย มี กล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ ไฟท้าย Vertical LED แนวตั้ง ไฟเบรกดวงที่ 3 ไฟตัดหมอกแบบ LED หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ราวหลังคา เสาอากาศแบบ shark fin สปอยเลอร์ท้าย

บันไดข้างระบบไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตู

ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ยาง continental cross contact ขนาด 265/50 R20 

มิติตัวถัง TANK มีขนาดความกว้างเกือบสองเมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยและความโปร่งโล่ง โดยเฉพาะพื้นที่โซนหน้าของคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า มิติตัวรถ มีขนาดความ 1,934 มิลลิเมตร ยาวถึง 5,078 มิลลิเมตร ส่วนความสูงก็ล่อไปถึง 1,905 มม. สำหรับความยาวฐานล้ออยู่ที่ 2,850 มิลลิเมตร ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระดับเบิลครอสอาร์ม กันสะเทือนหลังอิสระมัลติลิงค์ 

ภายใน (Interior Design)

GWM TANK 500 Hybrid SUV ออกแบบภายในสไตล์ Luxury เน้นความหรูหรากว้างขวาง สะดวกสบาย คอนโซลหน้าสีทูโทน เบาะหนัง NAPPA ลำโพง Infinity (ที่มีเสียงไม่ค่อยดีเท่าที่ควร) TANK  ตกแต่งห้องโดยสารด้วยไฟ Ambient Light, วัสดุสี Black, Silver, Piano Black, Chrome  การเชื่อมต่อของหน้าจอทั้ง 3 ออกแบบซอฟต์แวร์การทำงานให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและปลอดภัย หน้าจอกลางสั่งงานด้วยระบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay, Android Auto, MP5, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า ระบบความบันเทิง ลำโพง Infinity 12 ตำแหน่ง แอมพลิฟายเออร์อิสระ ระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ 

พวงมาลัยไฟฟ้าปรับแบบ 4 ทิศทาง แป้นควบคุมการเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย (Paddle Shift) สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและสวิตช์ควบคุมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ไฟตกแต่งห้องโดยสาร พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสี สร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร นาฬิกาแบบคลาสสิก

เบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศและเบาะนั่งหุ้มหนัง NAPPA เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงจากรถ เบาะผู้โดยสารด้านหน้า ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศ และเบาะระบายอากาศ อีกระดับของ ความสบายด้วยที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 พนักพิงปรับไฟฟ้า ตำแหน่งปรับพนักพิงบริเวณข้างประตูผู้โดยสารแถวที่ 2 และประตูท้าย

พื้นที่ห้องโดยสารอเนกประสงค์ ที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 แยกพับเบาะได้แบบ 60:40 เบาะนั่งแถวที่ 3 พับเรียบ เพื่อเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ (พื้นที่สัมภาระด้านท้ายสูงสุด 1,400 ลิตร เมื่อพับเบาะเรียบ)

แผงควบคุมที่คอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชันควบคุมการขับขี่ โหมดการขับ 11โหมด (ปกติ/ สปอร์ต/ ประหยัด/ อัตโนมัติ/ พื้นโคลน/ พื้นทราย/ พื้นหิน/ 4H/ พื้นหิมะ/4L/ เชี่ยวชาญ) เพิ่มความสะดวก ด้วยปุ่มเบรกมือไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชันหยุดอัตโนมัติขณะรถหยุดนิ่ง

เกียร์แบบ Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้า สีเดียวกับแผงคอนโซล

ระบบเปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากรถ

ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5

ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย 

แพลตฟอร์ม TANK
แพลตฟอร์มออฟโรดรองรับระบบส่งกำลังได้ 3 รูปแบบ ได้แก่เครื่องยนต์สันดาปภายในเพียวๆ ICE เครื่องยนต์บวกมอเตอร์ไฟฟ้าแบบไฮบริด HEV และเครื่องยนต์บวกมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟใส่แบตเตอรี่ PHEV รองรับได้ทั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และ 3.0 ลิตร การออกแบบโดยรวมของโมดูลาร์ TANK ให้ความยืดหยุ่นสูง รองรับระบบกันสะเทือนที่หลากหลาย ความสามารถในการขยายขนาด เพื่อผลิตรถในขนาดที่แตกต่างกัน

ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด
GWM TANK 500 Hybrid SUV มีระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด เช่น

ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด เมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อน กลไกการถ่ายโอนกำลัง transfer case ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพิ่มประสิทธิภาพในการขับบนเส้นทางออฟโรด

ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) หลังจากเปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยว มากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้

ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body transparent) เพิ่มมุมมอง วิสัยทัศน์ด้วยมุมภาพใต้ท้องรถ 

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรด (Off-road cruise control) ระบบจะช่วยควบคุมเครื่องยนต์ และเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อขับเคลื่อนรถในความเร็วต่ำ ช่วยผู้ขับขี่ในการควบคุมรถบนเส้นทางออฟโรด

อัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์ (FOTA) ระบบดังกล่าว มาพร้อมกับความสามารถในการอัปเกรดเฟิร์มแวร์ สำหรับการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับขี่ต่างๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่นๆ ภายในรถยนต์

การสั่งงานด้วยเสียง (Voice Command) มีความสามารถในการจดจำเสียง ช่วยลดการใช้งานจากการกดปุ่ม เพิ่มความสะดวกลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ สั่งการและโต้ตอบด้วยเสียง เพื่อใช้งานฟังก์ชันต่างๆ เช่น การเข้าถึงระบบเอนเตอร์เทนเมนต์ภายในรถ

GWM Application ระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ แม้ผู้ขับจะอยู่ในระยะไกลจากตัวรถ เช่น ควบคุมระบบปรับอากาศ ล็อกและปลดล็อกประตู ค้นหารถยนต์ ปิดหน้าต่าง ปิดซันรูฟ ควบคุมระบบการระบายความร้อนของเบาะ แสดงตำแหน่งรถยนต์ ระบบตรวจสอบสถานะอื่นๆ

ระบบการช่วยเหลือผู้ขับและระบบความปลอดภัย

GWM TANK 500 Hybrid SUV ระบบความปลอดภัย

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้ง (Intelligent ACC) พร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนด รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ตกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน ความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติ หากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย เมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็ว ช่วยควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่

ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) เซนเซอร์และกล้องจะตรวจสอบวัตถุและเส้นบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ ทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง เมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง

ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะบันทึกเส้นทางและสามารถ ถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ ในเส้นทางที่ถูกบันทึกไว้

กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel ระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้อง มาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถจากมุมบน ระบบทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็ว 15 หรือ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและตอนสตาร์ตรถ

ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ตรวจจับรถยนต์ทั้งทางตรงและทางแยก เมื่อเสี่ยงต่อ การชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก

ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA&RCTB) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอด เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและ ส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการชน

เซนเซอร์กะระยะ 6 จุดด้านหน้า และ 6 จุดด้านหลัง

ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว ในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และกลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน

ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยแจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน

ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางเลน

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน

ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ใช้เบรกเพื่อช่วยควบคุมความเร็วของรถขณะขับบนทางลาดชันเพื่อให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการบังคับพวงมาลัย

ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) เมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง

ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) หลังจากจอดรถยนต์แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนหากระบบตรวจพบเป้าหมายที่เสี่ยง ต่อการชนหากเปิดประตูรถยนต์

ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง

GWM TANK จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 28 กันยายน 2566 คาดว่า TANK 500 HEV รุ่นสูงสุด ULTRA น่าจะมีราคาไม่เกิน 2.2 ล้านบาท ส่วน TANK 500 HEV รุ่น PRO น่าจะมีราคาอยู่ที่ 1.9-2.0 ล้านบาท. 

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *