หน่อไม้เป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน หน่อไม้มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ แต่หลายคนเชื่อว่าหน่อไม้เป็นอาหารแสลง โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคกระดูกและข้อ และแท้จริงแล้วหน่อไม้เป็นอาหารแสลงหรือไม่
หน่อไม้เป็นอาหารแสลงหรือไม่
คำตอบคือขึ้นอยู่กับบุคคล หน่อไม้มีสารพิวรีนสูง ซึ่งเป็นสารต้นแบบในการผลิตกรดยูริก กรดยูริกที่มากเกินไปในร่างกายอาจทำให้เกิดโรคเก๊าท์ได้ ดังนั้น คนที่เป็นโรคเก๊าท์จึงควรหลีกเลี่ยงการกินหน่อไม้
นอกจากนี้ หน่อไม้ยังมีสารออกซาเลตสูง ซึ่งอาจไปจับกับแคลเซียมในร่างกาย ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วได้ ดังนั้น คนที่มีภาวะไตเสื่อมหรือมีความเสี่ยงในการเกิดนิ่วควรหลีกเลี่ยงการกินหน่อไม้เช่นกัน
รวมทั้งหน่อไม้ดิบยังมีสารพิษที่ชื่อไซยาไนด์ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และหายใจลำบากได้ ดังนั้น ผู้ป่วยบางกลุ่ม เช่น ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ ผู้ป่วยที่มีภาวะไตเสื่อม หรือผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงในการเกิดนิ่ว ควรหลีกเลี่ยงการกินหน่อไม้ หรือหากจะกินควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อน
เพราะสาเหตุใดจึงบอกว่าหน่อไม้เป็นอาหารแสลง
สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ห้ามคนป่วยกินหน่อไม้นั้นมาจากความเชื่อในตำราแพทย์แผนไทยที่ว่าหน่อไม้เป็นอาหารแสลง โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคกระดูกและข้อ
ปริมาณหน่อไม้ที่แนะนำให้ทานในแต่ละวัน
โดยทั่วไปแล้ว คนทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรงดี สามารถกินหน่อไม้ได้ประมาณ 126.6 กรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 ขีดนิดๆ (100 กรัม= 1 ขีด) ซึ่งปริมาณนี้เพียงพอต่อความต้องการสารอาหารและช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ
คำแนะนำในการกินหน่อไม้
- ควรต้มหน่อไม้ให้สุกก่อนนำไปปรุงอาหาร จะช่วยทำลายสารพิษและทำให้หน่อไม้มีรสชาติดีขึ้น
- ไม่ควรกินหน่อไม้ดิบ เพราะอาจมีสารพิษที่ชื่อไซยาไนด์ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และหายใจลำบากได้
- ควรกินหน่อไม้ในปริมาณที่เหมาะสม ปรุงสุกอย่างสะอาด และหลีกเลี่ยงการกินบ่อยเกินไป