ขีดเส้น 15 ม.ค.นี้ คณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา ได้ส่งหนังสือถึง พล.ต.ท.นพ.นพศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ จัดส่งเอกสารทำคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร เวชระเบียนการรักษาของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ กระทั่งออกจาก รพ.ตำรวจ โดยมี นพ.อมร ลีลารัศมี อดีตกรรมการแพทยสภา เป็นประธานอนุกรรมการสอบ
หลังจากที่แพทยสภาเริ่มกระบวนการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ที่ส่งนายทักษิณออกจากทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ มารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.66-18 ก.พ.67 จนเป็นที่เคลือบแคลงของสังคมกับความโปร่งใสในการวินิจฉัยดูแลรักษา เนื่องจากระยะเวลายาวนานผิดปกติ เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ป่วยเกินความจำเป็นหรือไม่
ซึ่งคำร้องมีมูล คณะกรรมการแพทยสภา ส่งไม้คณะอนุกรรมการสอบพิจารณาขอข้อมูล คำชี้แจงจากบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเอกสารการรักษา รายละเอียดกระบวนการตรวจวินิจฉัยความเห็นจากแพทย์ผู้รับผิดชอบทุกคน รวมทั้งพิจารณาการปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ ประเด็นด้านจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพ
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (“ป.ป.ช.) มีมติตั้งองค์คณะไต่สวนข้อเท็จจริงพิจารณากรณีกล่าวหา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวม 12 คน ที่ส่งนายทักษิณจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณอยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ ป.ป.ช.พิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่า ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ
หมอที่อยู่ในข่ายถูกตรวจสอบมี 6 คน พล.ต.ท.โสภณรัตช์ สิงหจารุ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ, พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ, พ.ต.อ.ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) รพ.ตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้และผู้ออกใบความเห็นแพทย์, พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ แพทย์ รพ.ตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์, แพทย์หญิงรวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่, นายแพทย์วัฒนชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ คำสั่งที่ ป.ป.ช.มีมติไต่สวนข้อเท็จจริงแพทย์ รพ.ตำรวจ “บิ๊กต่าย”-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ปัดให้ความคิดเห็น ระบุเป็นเรื่องของ รพ.ตำรวจ ที่จะพิจารณาตามอำนาจหน้าที่แต่ละส่วนราชการหน่วยงาน จะไม่เข้าไปก้าวก่าย ในฐานะผู้นำองค์กรไม่ปัดความรับผิดชอบ แต่ต้องรอผลสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จ มีระเบียบรองรับทุกขั้นตอนของกฎหมาย
คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ อีกไม่กี่ชั่วโมงที่คณะอนุกรรมการสอบสวนให้ รพ.ตำรวจ ส่งเวชระเบียนการรักษาของอดีตนายกฯ ทักษิณ แต่ยังอึมครึม พล.ต.ท.ทวีศิลป์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ 1 ใน 6 หมอที่ถูก ป.ป.ช.ตรวจสอบ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล เมื่อนักข่าวได้โทรศัพท์ขอสัมภาษณ์ในกรณีดังกล่าว แต่คำตอบที่ได้เพียง “ขอปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ และทางโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นคนให้ข่าว”
ความเห็นทางการแพทย์กลับโยนไปให้โฆษก ตร.คงยากที่จะให้ความเห็น ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากที่คิด พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก “กรมปทุมวัน” ตอบด้วยความกระอักกระอ่วน โบ้ยว่า ” เราไม่สามารถชี้แจงได้ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของเราที่จะชี้แจง ไม่ได้เป็นการโยนกันไปมา“
ความยุติธรรม 2 มาตรฐาน แบ่งสังคมออกเป็น 2 ฝ่าย “ทักษิณ” นักโทษที่ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว เจ้าหน้าที่รัฐทำตัวเป็นทาสรับใช้นาย ประชาชนต้องเดินหน้าเรียกร้องหาความเป็นธรรมให้กับตัวเอง เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับสังคมที่กำลังอุบัติเพียงเพราะคนคนเดียว ที่ใช้อำนาจบารมีแทรกแซงกระบวนการรัฐแตกไม่เหลือชิ้นดี เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ที่นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล, นายนัสเซอร์ ยีหมะ, นายใจเพชร กล้าจน ปักหลักต่อสู้กับระบบทักษิณ ตั้งแต่วันที่ทักษิณถูกย่องนำตัวเข้ารับการรักษาที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ กลางดึกวันที่ 23 ส.ค.66 เรียกร้องเปิดผลการรักษา หาคำตอบจากราชทัณฑ์ จี้กระทรวงยุติธรรมนำตัวอดีตนายกฯ กลับเข้าเรือนจำ
ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่นายพิชิต พร้อมแกนนำเครือข่าย คปท.บุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกครั้ง ยื่นหนังสือถึง “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ผบ.ตร. ในฐานะผู้นำองค์กรกำกับดูแลโรงพยาบาลตำรวจ ให้เร่งรัดติดตามส่งเวชระเบียนประวัติการรักษาของนายทักษิณ ให้แพทยสภาก่อนครบกำหนดภายในวันที่ 15 ม.ค.นี้ เกาะติดไม่ปล่อยมวลชนจะไปเฝ้าติดตามถึงแพทยสภา หากถึงเดตไลน์แล้วยังเงียบ เตรียมยกระดับเคลื่อนขบวนไปทวงถามข้อมูลกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงทำเนียบรัฐบาลวันที่ 21 ม.ค.นี้ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อย่าลืมว่าการดำเนินการของแพทยสภาในฐานะเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีอำนาจตามกฎหมายเพื่อสอบสวนด้านจริยธรรมของแพทย์ที่ทำการรักษา และเป็นไปตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ถึงแม้ ป.ป.ช.ยังไม่มีมติชี้มูลคณะแพทย์ที่เกี่ยวข้องผิดหรือไม่ เป็นเพียงการตั้งองค์คณะไต่สวนหาข้อเท็จจริง แต่ด้วยบริบทหน้าที่จะกล้าทำลายจรรยาบรรณของแพทย์ หรือเสี่ยงรับโทษเพื่อคนคนเดียวเชียวหรือ
แต่ก็ต้องจับตาดูอย่ากะพริบ หากแม้ถึงวันที่ 15 ม.ค.นี้ อาจมีเอกสารข้อมูลการรักษาส่งถึงแพทยสภา แต่ก็ยังไม่อาจนิ่งนอนใจได้ ข้อมูลที่ได้มาครบถ้วนหรือไม่ มีส่วนใดที่ถูกตัดออกไป ข้อสงสัยหรือคำถามตลอดเวลาเกือบ 2 ปี นับแต่วันเข้ารับการรักษาจนออกจาก รพ.ตำรวจ ข้อมูลเหล่านั้นตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ ถ้าผิดไปจากข้อเท็จจริง จะเป็นการทำลายวงการแพทย์ครั้งใหญ่
“ทักษิณ” เป็นพ่อนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร จะบอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลก็คงพูดได้เต็มปาก ทั้งที่จริงแล้วตระเวนหาเสียงช่วยเลือกองค์กรท้องถิ่นพรรคเพื่อไทย ครอบงำการบริหารงานรัฐบาล “ป่วยทิพย์” อาจกลายเป็นตัวจุดชนวนความขัดแย้งในสังคม แล้วจะกลัวไปทำไมถ้าป่วยจริง เมื่อ “เวชระเบียน” เป็นตัวพิสูจน์การรักษา?.