
หุ้นไทยปิดลบ 50 จุด กังวล Reciprocal tax กระทบเศรษฐกิจอาเซียน-ของไทยมากสุด เหตุเป็นกลุ่มประเทศโครงสร้าง GDP มาจากภาคการส่งออกเป็นสัดส่วนหลัก “อัสสเดช” ผู้จัดการตลาดหุ้นไทย เชื่อมาตรการใหม่ช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดทุนไทยได้
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า มาตรการที่ประกาศใช้เมื่อวานนี้ (7 เม.ย.) คิดว่าช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดทุนไทยได้ในระดับหนึ่ง ปิดตลาดหุ้นไทยวันนี้ (8 เม.ย.) ดัชนี SET ปรับตัวลดลง 4.50% (50.62 จุด) ซึ่งน้อยกว่าหลายตลาดในภูมิภาค โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการปรับตัวในวันก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ความผันผวนและความไม่แน่นอนจะยังคงมีอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้ผู้ลงทุนติดตามข่าวสารและพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) รายงานสรุปภาวะตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนี SET ร่วง 50.62 จุด (-4.50%) ปิดที่ระดับ 1,074.59 จุด มีมูลค่าการซื้อขายรวม 66,714 ล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับลง 608 บริษัท, หุ้นปรับขึ้น 21 บริษัท) กังวล Reciprocal tax กระทบเศรษฐกิจอาเซียนและของไทยมากสุด เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่โครงสร้าง GDP มาจากภาคการส่งออกเป็นสัดส่วนหลัก เซ็กเตอร์ที่ปรับลงกดดัชนีคือ พลังงาน (GULF, PTT, PTTEP), ธนาคาร (KBANK, SCB, KTB), และกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT) ส่วนเซ็กเตอร์ที่ปรับขึ้นคือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA)
โดยพบนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิหุ้นไทย 4,768 ล้านบาท 2,475 ล้านบาท และ 96 ล้านบาท (ตามลำดับ) มีเพียงนักลงทุนรายย่อยกลุ่มเดียว ซื้อสุทธิ 7,341 ล้านบาท
สำหรับหุ้นที่เคลื่อนไหวผันผวนวันนี้คือ PTTEP (-9.2%), PTT (-3.97%) กังวล Reciprocal tax กระทบเศรษฐกิจโลก กดดันดีมานด์พลังงานลดลงเป็นลบกับกลุ่มพลังงานต้นน้ำ เช่น PTTEP และ PTT ซึ่งมีสูตรราคา link อยู่กับราคาน้ำมันดิบ (Oil link Company) ล่าสุด Goldman Sachs คาดราคาน้ำมันดิบ Brent มีโอกาสร่วงต่ำกว่าระดับ 40 เหรียญ/บาร์เรล หากสถานการณ์สงครามการค้ารุนแรงขึ้นจนก่อให้เกิด Recession (ปัจจุบัน 64 เหรียญ/บาร์เรล)
KBANK (-8.46%), SCB (-6.94%), KTB (-7.93%), BBL (-5%) สาเหตุจาก GDP มี Downside จากผลกระทบของ Reciprocal tax ทำให้ Loan growth เสี่ยงต่ำกว่าที่ตลาดคาด ในขณะเดียวกันการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะกดดันให้แบงก์ชาติต้องลดดอกเบี้ย เป็นลบโดยตรงกับกลุ่มธนาคาร เบื้องต้นนักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของกรุงศรี ประเมินหากแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยทุก ๆ 0.25% จะกระทบคาดการณ์กำไรกลุ่มธนาคารประมาณ 5% และปัญหาหนี้เสียอาจกลับมาอีกครั้ง
BTS (-10.80%), BA (-7.93%), STECON (-7.04%) มีจิตวิทยาลบโดยตรงหลังนายกฯ แถลง เลื่อนการพิจารณากฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ออกไปก่อน เนื่องจากต้องการให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาภาษี Reciprocal กับทางสหรัฐเป็นการสำคัญมากกว่า
AMATA (-15.48%), WHA (-14.29%) ภาษี Reciprocal ที่สหรัฐเรียกเก็บไทย, เวียดนาม และ ลาว ในอัตราสูง 36%, 46% และ 48% ตามลำดับ ทำให้ส่วนต่างภาษีเมื่อเทียบกับจีนแคบลง ทำให้ข้อได้เปรียบของอัตราภาษีที่เคยเป็นแรงจูงใจให้เกิดกระแสการย้ายฐานผลิตลดลง เป็นลบโดยตรงต่อผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมในไทย, เวียดนาม และ ลาว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง