อัปเดต! Quick Win นำร่อง“4 เขตสุขภาพ” รักษาทุกโรคแค่ใช้บัตรประชาชน


ข่าว

สธ.พบกับผู้แทน 3 ชมรมผู้บริหารทางการแพทย์ ในฐานะผู้ปฏิบัติงานระดับพื้นที่ที่มีความพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบาย โดยร่วมจัดทำแผนขับเคลื่อน 13 Quick Win สู่การปฏิบัติ เดินหน้าทั้งบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่

.ads-billboard-wrapper{display:flex;min-height:250px;align-items:center;justify-content:center}

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ประชุมจัดทำแผนขับเคลื่อนนโยบายด้านสาธารณสุข ร่วมกับ 3 ชมรมทางการแพทย์ ได้แก่

  • ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด
  • ชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป
  • ชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ทั้ง 3 ชมรมมาร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสที่ตนและนายสันติเข้าได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี 

สธ.อนุมัติแผน Quick Win 13 ประเด็น ให้เห็นผลใน 100 วัน

Quick Win! ขยาย “มินิธัญญารักษ์” จัดทำทะเบียนผู้ป่วยจิตเวชยาเสพติด 100 วัน

พร้อมทั้งร่วมจัดทำแผนขับเคลื่อนนโยบายด้านสาธารณสุขทั้ง 13 ประเด็น รองรับนโยบาย 30 บาทพลัส ที่กำหนด Quick Win ใน 100 วัน ลงสู่แผนการปฏิบัติและขับเคลื่อนดำเนินการซึ่งทั้ง 3 ชมรมได้แสดงความพร้อมที่จะช่วยกันขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะหลาย Quick Win ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับทั้ง 3 ชมรมในฐานะหน่วยบริการ เช่น บริการปฐมภูมิ สุขภาพดิจิทัล หรือบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ One ID Card Smart Hospital ทั้งนี้ ได้ย้ำเป้าหมายสำคัญที่จะให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวกสบาย เข้าถึงได้ง่าย เป็น One Province One Hospital หรือ 1 จังหวัด เสมือนมี 1 โรงพยาบาล ทำให้ประชาชนรู้สึกว่า นี่คือโรงพยาบาลของประชาชน

สำหรับ Quick Win นำร่องบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ใน 4 เขตสุขภาพ ได้แก่

  • เขตสุขภาพที่ 1 เหนือตอนบน  ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ น่าน พะเยา ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน
  • เขตสุขภาพที่ 4 ภาคกลาง ได้แก่ สระบุรี นนทบุรี ลพบุรี อ่างทอง นครนายก สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี
  • เขตสุขภาพที่ 9 ภาคอีสานตอนใต้ ได้แก่ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์
  • เขตสุขภาพที่ 12 ภาคใต้ตอนล่าง ได้แก่ สงขลา สตูล ตรัง พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส

ทั้ง 4 เขตสุขภาพได้เสนอที่จะรับดำเนินการ และส่วนกลางได้ประเมินความพร้อมทั้งระดับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานแล้วว่าจะสามารถเกิดผลลัพธ์ตามที่ตั้งเป้าไว้ ส่วนเขตสุขภาพอื่นที่ต้องการดำเนินการก็จะมีการประเมินความพร้อมต่อไป เชื่อว่าภายในต้นปี 2568 จะสามารถขยายได้ครบทุกเขตสุขภาพทั่วประเทศ ส่วน รพ.สต.ที่มีการถ่ายโอนไปท้องถิ่นแล้ว คาดว่าไม่น่าจะเกิดปัญหา เนื่องจากมีการเชื่อมโยงบริการระดับปฐมภูมิ นำระบบดิจิทัล เทเลเมดิซีน มาสร้างความเข้มแข็งในการให้บริการ รวมทั้งจะมีคณะกรรมการพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ขึ้นมารองรับ ทำให้แม้จะต่างสังกัดแต่ก็จะมีการบูรณาการให้การดำเนินการมีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียวกัน

นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่าชมรมต่างๆ ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีในขณะนี้ เป็นการจัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือกันและมีการออกข้อระเบียบบังคับของตัวเอง แต่จะไม่มีกฎหมายมารองรับ ซึ่งการรวมตัวเป็นองค์กรของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ลักษณะนี้ จะมีความแน่นแฟ้น มั่นคง เป็นเอกภาพ ตอบสนองเชิงนโยบายและดูแลเรื่องสวัสดิภาพ สวัสดิการของผู้ปฏิบัติงานได้ดี จึงมีแนวคิดที่จะสนับสนุนให้เกิดกลไกทางกฎหมายรองรับ เช่น มีระเบียบหรือข้อบังคับกลางที่จะช่วยสนับสนุนให้ชมรมเหล่านี้ทำงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงฯ เพื่อเป็นผู้รับผิดชอบร่วมด้วย

เอเชียนกมส์2022-B เอเชียนกมส์2022-B
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ

PPSHOP


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *