อีซูซุ คอนเฟิร์มรถกระบะไฟฟ้า D-Max BEV เปิดตัวขายปี 2025-รง.ประเทศไทย ฐานการผลิตส่งออกทั่วโลก


ผู้บริหารระดับสูง อีซูซุ มอเตอร์ส และตรีเพชรอีซูซุเซลส์ คอนเฟิร์มเตรียมใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต รถกระบะไฟฟ้า (Isuzu Pickup Truck BEV) โดยมีกำหนดเปิดตัวภายในปี 2025 เตรียมประเดิมขายในทวีปยุโรป ก่อนจะทำตลาดในภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย 

ในงานแถลงข่าวเปิดตัว New Isuzu D-Max ที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันศุกร์ที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ชินซูเกะ มินามิ ประธานกรรมการบริหารอีซูซุ มอเตอร์ส (ประเทศญี่ปุ่น) เปิดเผยถึงแผนพัฒนารถกระบะพลังงานไฟฟ้า ระหว่างขึ้นกล่าวบนเวทีว่า “อีซูซุ จะมุ่งหน้าพัฒนาสู่สังคมของ “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” อย่างต่อเนื่อง โดยในอนาคต เรามีแผนการที่จะผลิตรถปิกอัพไฟฟ้า BEV ในประเทศไทยด้วย และจะเริ่มแนะนำที่ตลาดยุโรปก่อน แล้วจะพิจารณาแนะนำในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ต่อไป โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดเป็นสำคัญ”

อีซูซุ รถกระบะไฟฟ้า Isuzu BEV

นับเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารระดับสูง Isuzu Motors ยืนยันแผนพัฒนารถกระบะพลังงานไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ หลังจากเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Nikkei สำนักข่าวชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น รายงานว่าพวกเขากำลังพัฒนารถกระบะไฟฟ้าที่ใช้พื้นฐานจาก Isuzu D-Max เจเนอเรชั่นปัจจุบัน โดยมีกำหนดเปิดตัวขายในปี 2025

ในเนื้อหาของข่าวยังระบุว่าปัจจุบัน Isuzu Motors มียอดขายรถกระบะขนาด 1 ตัน คิดเป็นสัดส่วนราว 50 เปอร์เซ็นต์จากยอดขายรวมทั่วโลกของพวกเขา ทำให้ต้องเร่งแผนพัฒนา All-New D-Max BEV เพื่อต้านกระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง 3-4 ปีหลัง โดยเฉพาะแถบอาเซียนที่เป็นตลาดสำคัญของ Isuzu

ประเทศไทย-ฐานการผลิต Isuzu D-Max BEV

ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการบริษัทตรีเพชรอีซูซุเซลส์ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับแผนรถกระบะไฟฟ้ารุ่นแรกของ Isuzu เพิ่มเติมระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังจบงานแถลงข่าวเปิดตัว New Isuzu D-Max “รถกระบะไฟฟ้า BEV รุ่นแรกของอีซูซุ จะเริ่มต้นผลิตในปี 2025 ตามที่มีสื่อรายงานออกมาก่อนหน้านี้ เราอยู่ในระหว่างพัฒนารถกระบะไฟฟ้า BEV ซึ่งจะเปิดตัวในตลาดยุโรปเป็นแห่งแรก เนื่องจากกลุ่มประเทศยุโรปมีความเข้มงวดด้านกฎเกณฑ์เกี่ยวกับปล่อยมลพิเศษ และข้อกำหนดต่างๆ ทำให้ Isuzu เลือกจะเปิดตัวขายที่ยุโรปก่อน”

“จากนั้นรถกระบะไฟฟ้า BEV ของ Isuzu จะเริ่มทำตลาดในประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย เนื่องจากเราต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน เช่น ลูกค้าในแต่ละประเทศต้องการใช้งานรถกระบะไฟฟ้าหรือไม่ ระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ไฟฟ้ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน เราต้องนำปัจจัยทั้งหมดมาพิจารณา เพื่อกำหนดลำดับที่จะออกจำหน่ายต่อไป”

การให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารตรีเพชรอีซูซุเซลส์ สอดคล้องกับรายงานข่าวของ Nikkei ที่ระบุว่า Isuzu Motors มีแผนจะส่งออก D-Max BEV ที่ผลิตจากประเทศไทยไปเปิดตัวขายที่นอร์เวย์ เป็นประเทศแรกในปี 2025 จากการที่กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย มีความเข้มงวดในข้อกำหนดการปล่อยมลพิษของยานพาหนะใหม่ ก่อนจะเริ่มขายในประเทศอื่นของทวีปยุโรป รวมทั้งแถบตะวันออกกลางต่อไป

นอกจากนี้ ฮาตะ ยืนยันถึงการที่ Isuzu Motors จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถกระบะพลังงานไฟฟ้าเพื่อส่งออกขายทั่วโลก “ถูกต้องครับ ฐานการผลิตรถปิกอัพพลังงานไฟฟ้าของอีซูซุ จะอยู่ในประเทศไทยแน่นอน และในส่วนของทางเลือกเครื่องยนต์อื่นๆ เช่น ไฮบริด กำลังอยู่ระหว่างการศึกษา แต่ตอนนี้ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ”

ขณะเดียวกัน ฮาตะ แสดงความเห็นถึงการขึ้นกล่าวของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน บนเวทีสัมนาด้านเศรษฐกิจ เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ถึงแผนที่จะผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เครื่องสันดาปในช่วงสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า พร้อมย้ำถึงการให้ความสำคัญกับบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

อีซูซุ รถกระบะไฟฟ้า Isuzu BEV

“เรารู้สึกยินดีกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่สนับสนุนประเทศให้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เครื่องสันดาป และพร้อมจะสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเวลาเดียวกัน การไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนเป็นเป้าหมายสำคัญของประเทศไทยเช่นเดียวกับทุกประเทศในโลก ไม่ว่ารถยนต์สันดาป, รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์พลังงานทางเลือกอื่นๆ จะมีส่วนสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของรัฐบาลได้เช่นกัน”

“ประเด็นสำคัญที่ผมอยากฝากให้รัฐบาลไทยพิจารณาคือการรักษาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ในประเทศไทย รัฐบาลต้องให้ความสำคัญในส่วนนี้ด้วย เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการจ้างงานในประเทศ, การส่งออก และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะฉะนั้นเราจะผลิตรถอะไรควรคำนึงถึงว่ามีซัพพลายเชนอยู่ในประเทศไทยหรือไม่” 

ตลาดรถยนต์เมืองไทยยังไม่ฟื้น-คาดยอดขายรถทั้งปี 8.2 แสนคัน

ในฐานะผู้นำตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ฮาตะ แสดงความเห็นถึงภาพรวมของตลาดรถยนต์ประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 โดยยอมรับว่าสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยได้รับผลกระทบจากหลายด้าน ทำให้มีการประเมินว่ายอดขายรถยนต์ตลอดทั้งปีของประเทศไทยจะอยู่ในระดับ 820,000 คัน และรถกระบะจะมีสัดส่วนยอดขายราว 36 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับปี 2022 

“ในช่วง 8 เดือนแรกของปี (มกราคม-สิงหาคม 2023) ยอดขายรถกระบะทุกแบรนด์อยู่ที่ 189,555 คัน ลดลง 26.8 เปอร์เซ็นต์หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดย Isuzu D-Max มียอดขาย 83,654 คัน เป็นอันดับ 1 ของเซกเมนต์” ผู้บริหารตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ให้ข้อมูล “ถึงตลาดรถกระบะจะหดตัวมากกว่าตลาดรถยนต์รวมของประเทศไทย ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่ารถกระบะลูกค้าที่ซื้อส่วนใหญ่จะใช้เพื่อทำธุรกิจ โดยช่วงที่ผ่านมาเกิดปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบกับยอดขายรถกระบะทั้งอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิต และราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้าที่ซื้อรถกระบะเพื่อทำธุรกิจมีรายได้ลดลง” 

เปิดตัว New Isuzu D-Max

อีซูซุ รถกระบะไฟฟ้า Isuzu BEV

“การปล่อยสินเชื่อของบริษัทไฟแนนซ์ที่เพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณามากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้รถกระบะส่วนใหญ่จะซื้อรถเงินผ่อน และต้องยื่นกู้ผ่านไฟแนนซ์ เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวบริษัทไฟแนนซ์เผชิญผลกระทบเช่นกัน ทำให้รถที่ผ่านการอนุมัติจากไฟแนนซ์มีจำนวนน้อยลง ถึงความต้องการของลูกค้าจะมีอยู่ แต่ถ้าไฟแนนซ์ไม่ผ่าน ลูกค้าก็ไม่สามารถซื้อได้ เพราะฉะนั้นถ้าเทียบกับตลาดรถยนต์โดยรวมแล้ว รถกระบะเป็นรถที่ใช้เพื่อทำธุรกิจมากกว่าใช้งานส่วนตัว ทำให้เมื่อเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิตลาดรถกระบะจะหดตัวลงมากกว่ารถยนต์นั่ง”

“และอีกปัจจัยคือเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทย โดยเฉพาะความขัดแย้งทางสงครามระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาถึงประเทศไทย ทั้งหมดถือเป็น 3 ปัจจัยที่ทำให้ตลาดรถกระบะหดตัวลง” ฮาตะ ให้ความเห็นทิ้งท้าย 

เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล 

ขอบคุณข้อมูล: ตรีเพชรอีซูซุเซลส์

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

อีซูซุ รถกระบะไฟฟ้า Isuzu BEV


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *