“เน็ตไอดอลสาว” โร่ร้อง สธ. ใช้บริการคลินิกจัดกระดูกย่านรามอินทราพนักงานเสนอให้ช่วยโปรโมต มอบบัตรกำนัลรักษา ฟรีด้วยวิธี “เผายาหน้าท้อง” อ้างทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ขณะรักษาหมอสาวใช้แอลกอฮอล์ 95 เปอร์เซ็นต์ ราดแล้วจุดไฟลุกพึ่บไหม้หน้าท้องและแผ่นหลังเป็นแผลฉกรรจ์ เสียค่ารักษาเองกว่า 3 แสนบาท แต่คลินิกไม่รับผิดชอบ เหยื่อคิดมากถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ

ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 4 ธ.ค. นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ“กัน จอมพลัง” และทีมงาน ได้พาผู้เสียหาย คือ น.ส.ทราย (นามสมมติ) เน็ตไอดอล เข้ามายื่นหนังสือถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ร้องทุกข์กรณีคลินิกเสริมความงามชื่อดังย่านรามอินทรา เปิดให้บริการเผายาหน้าท้องเพื่อลดอาการโรคระบบทางเดินอาหาร แต่เกิดความผิดพลาดขณะให้บริการ ทำให้ผู้เสียหายเกิดแผลไฟไหม้หน้าท้องและแผ่นหลัง มี นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง ผอ.ศูนย์บริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ สธ.เป็นตัวแทนรับเรื่อง

นายกัณฐัศว์กล่าวว่า ผู้เสียหายเข้ารับบริการในคลินิกแห่งหนึ่ง โฆษณาว่ารักษาด้วยการเผายาหน้าท้องเพื่อทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น แต่เมื่อผู้เสียหายเข้ารับบริการ กลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นจากการที่แพทย์ได้ใช้แอลกอฮอล์ 95% จุดไฟลงบนผ้าที่หน้าท้อง ทำให้ไฟลุกท่วมตัวผู้เสียหาย หลังเกิดเหตุผู้เสียหายแจ้งความที่ สน.บางเขน มา 1 ปีแล้ว เรื่องยังอยู่ที่โรงพัก ได้ประสานขอความช่วยเหลือจาก นพ.ชลน่านและรอง ผบช.น. เพื่อช่วยเหลือเรื่องนี้ด้วย ดูภาพจากคลิปจะเห็นว่าเมื่อเกิดเหตุขึ้น แทนที่หมอจะช่วยดับไฟแต่กลับวิ่งหนี ปล่อยให้ผู้เสียหายกับแฟนหนุ่มช่วยกันดับไฟเอง ขณะที่คลินิกไม่มีอุปกรณ์ดับเพลิงหรืออุปกรณ์ใดๆ ทำให้ผู้เสียหายกับแฟนบาดเจ็บสาหัส เสียค่ารักษาเองกว่า 3 แสนบาท ที่ผ่านมาผู้เสียหายได้ขอไกล่เกลี่ยหลายครั้งให้ทางคลินิกช่วยเยียวยา แต่คู่กรณีเงียบ ต้องขอให้กระทรวงตรวจสอบว่าคลินิกแห่งนี้ รักษาอย่างถูกต้องหรือไม่ มีอุปกรณ์การช่วยเหลือเหตุฉุกเฉินหรือไม่

นพ.รุ่งเรืองกล่าวว่า นพ.ชลน่านกำชับให้ดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่ กระทรวงได้มอบให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคลินิกดังกล่าว ทั้งมาตรฐานการรักษา การจดทะเบียน การขออนุญาต รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นจากภาพเหตุการณ์ส่อให้เห็นถึงความผิดหลายประการของวิชาชีพ ขณะเดียวกันกระทรวงจะประสานไปยังแพทยสภา เพราะกำกับดูแลแพทย์ทั้งประเทศว่า การดำเนินการดังกล่าวเข้าข่ายผิดอะไรอย่างไรบ้าง กระทรวงจะตรวจสอบอย่างละเอียดทุกกรณีต่อไป

น.ส.ทราย เน็ตไอดอลผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.65 เข้าไปใช้บริการคลินิกดังกล่าวในการจัดกระดูก หลังจากนั้นพนักงานของคลินิกได้มาเสนอว่า อยากให้ตนช่วยโปรโมตคลินิกให้ และมอบบัตรกำนัลฟรีในบริการครอบแก้ว ฝังเข็มใบหน้า และการเผายาหน้าท้อง อ้างจะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดี ตอนแรกตนอยากครอบแก้วและฝังเข็มใบหน้าแต่ไม่สะดวก ได้เลือกการทำเผายาหน้าท้อง กระทั่งเกิดเหตุการณ์ไฟลุกขึ้น ลวกตามเนื้อตัวเป็นแผลฉกรรจ์ หลังเกิดเหตุ 2 เดือนแรก ตนรักษาอยู่ในโรงพยาบาล คลินิกเยียวยาเรื่องค่ารักษาให้ รวมทั้งประกันส่วนตัวด้วยแพทย์ผู้ที่ทำหัตถการให้ตนในครั้งแรกบอกว่าจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด แต่หลังออกจากโรงพยาบาล ยังต้องรักษาต่อเนื่องเป็นปี กลับไม่ได้รับการดูแลเยียวยาใดๆอีก ตนได้รับผลกระทบทั้งร่างกาย สูญเสียรายได้และส่งผลกับจิตใจมากถึงขั้นเคยคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว อยากขอให้เปลี่ยนตัวตำรวจที่ทำคดีนี้ด้วย เพราะคดีไม่คืบหน้า

ต่อมาเวลา 12.00 น. นายชาตรี พินใย ผอ.กองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สธ. นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง และตำรวจ สน.บางเขน เข้าตรวจคลินิก ไทม์ เวลล์เนส คลินิก ชั้น 3 ศูนย์การค้า อีส-พาร์ค ปากซอยรามอินทรา 12 หลังเน็ตไอดอลสาวแฟนนักแสดงช่องดังเข้าใช้บริการกับคลินิกแห่งนี้ แต่แพทย์หญิงใช้วิธีการรักษาด้วยการเผายาสมุนไพรบนหน้าท้อง ใช้แอลกอฮอล์ 95% จุดไฟจนลุกลามไปทั่วตัว หลังไฟลุกท่วมตัวคนไข้ แพทย์กลับวิ่งหนีไม่ช่วยเหลือ และคลินิกไม่ได้มีวิธีการป้องกันหากเกิดเหตุผิดพลาด ทำให้ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส หลังเกิดเหตุผู้เกี่ยวข้อง ต่างบ่ายเบี่ยงไม่เยียวยาใดๆกับคู่กรณี

นายชาตรีกล่าวว่า ขณะเข้าตรวจสอบได้อาศัยอำนาจของเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พบมี แพทย์แผนจีนอยู่คนเดียวทั้งที่ขออนุญาตเป็นสหคลินิกจะต้องมีแพทย์แผนไทยประยุกต์อยู่ด้วย มีความผิดตามกฎหมายประกอบ ส่วนการตรวจครั้งนี้ไม่เจอผู้ดำเนินการสถานพยาบาล มีความผิดตาม ม.35 แห่ง พ.ร.บ.สถานพยาบาล และยังพบสถานพยาบาลแห่งนี้ไม่ได้ขออนุมัติโฆษณาทางสื่อโซเชียล ต้องถูก ดำเนินคดีด้วย รวมถึงการตรวจถ้าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน จะส่งเรื่องให้สภาการแพทย์แผนไทยพิจารณาเรื่องจริยธรรมต่อไป หลังจากนี้จะออกคำสั่งให้แก้ไขภายใน 15 วัน ส่วนมาตรฐานสถานพยาบาลไม่มีอะไรผิดปกติ แต่มาตรฐานการรักษา ส่วนนี้น่าจะผิดปกติ ทั้งเครื่องมือและยา ต้องให้ อย.มาตรวจสอบอีกครั้ง ส่วนแพทย์ที่รักษา คลินิกอ้างว่าได้ลาออกไปแล้ว แพทย์คนดังกล่าวต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาด้วยเช่นกัน