หลังจากที่ตัวละคร Ahsoka Tano เริ่มปรากฏตัวให้แฟนๆ Star Wars ได้ทำความรู้จักเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Star Wars: The Clone Wars (2008) ในฐานะพาดาวันคนแรกของ Anakin Skywalker เธอก็ก้าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่อยู่คู่กับจักรวาล Star Wars มายาวนานร่วม 15 ปี
และในปีนี้ เราก็จะได้ไปติดตามการเดินทางของ Ahsoka Tano กันอีกครั้งใน Ahsoka ฉบับซีรีส์ไลฟ์แอ็กชันของตัวเอง พร้อมได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง Rosario Dawson มาสวมบทบาท โดยออกฉายตอนแรกทาง Disney+ Hotstar ไปเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าการทำภารกิจครั้งสำคัญของ Ahsoka Tano และ Sabine Wren (Natasha Liu Bordizzo) ก็ดูจะยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้ THE STANDARD POP ถือโอกาสชวนผู้ชมไปทำความรู้จักกับ Ahsoka Tano หนึ่งในตัวละครที่แฟนๆ ทั่วโลกต่างหลงรักกันอีกครั้ง
Star Wars: Clone Wars (2003)
ภาพ: IMDb
กำเนิด Star Wars: The Clone Wars
ก่อนที่จะว่ากันถึงต้นกำเนิดของตัวละคร Ahsoka Tano เราคงต้องขอกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของแอนิเมชันเรื่อง Star Wars: The Clone Wars กันแบบคร่าวๆ เพราะหากไม่มีแอนิเมชันเรื่องนี้ เราคงจะไม่ได้รู้จักกับเจไดที่ชื่อ Ahsoka
ย้อนเวลากลับไปในช่วงที่ภาพยนตร์เรื่อง Star Wars: Episode II – Attack of the Clones เข้าฉายในปี 2002 Lucasfilm วางแผนขยายเรื่องราวของสงครามโคลน เพื่อพาผู้ชมไปติดตามเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นหลังจาก Attack of the Clones และก่อนเหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่อง Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith (2005)
โดยจะถูกนำเสนอผ่านสื่อบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ทั้งนิยาย หนังสือคอมิก วิดีโอเกม รวมถึงแอนิเมชันซีรีส์ หนึ่งในนั้นคือแอนิเมชัน 2D เรื่อง Star Wars: Clone Wars ของ Genndy Tartakovsky ที่ออกฉายทาง Cartoon Network ในปี 2003 (อย่างไรก็ตาม ภายหลังจาก Disney เข้าซื้อกิจการของ Lucasfilm ในปี 2012 คอนเทนต์เหล่านี้จะถูกจัดให้อยู่ในจักรวาล Legends หรือเรื่องราวส่วนขยายที่ไม่ถูกนับให้อยู่ในจักรวาลหลัก หรือ Canon โดยผลงานที่ถูกนับให้อยู่ใน Canon ประกอบด้วย ภาพยนตร์ Star Wars: Episode I-VI, ซีรีส์ Star Wars: The Clone Wars และผลงานอื่นๆ ที่ออกเผยแพร่หลังปี 2014)
Dave Filoni และ George Lucas
ภาพ: Gerardo Mora / Getty Images for Disney
หลังจากที่ Star Wars: Clone Wars ได้เสียงตอบรับที่ดีจากผู้ชมอย่างเนืองแน่น ในปี 2005 George Lucas จึงตัดสินใจต่อยอดความสำเร็จด้วยการประกาศสร้างแอนิเมชัน 3D ในชื่อ Star Wars: The Clone Wars พร้อมชักชวน Dave Filoni หนึ่งในผู้กำกับจากแอนิเมชันชื่อดังอย่าง Avatar: The Last Airbender (2005) มาร่วมพัฒนาโปรเจกต์
โดยในช่วงแรก George Lucas วางแผนสร้าง Star Wars: The Clone Wars ในรูปแบบแอนิเมชันซีรีส์ แต่หลังจากที่เขาได้ชมฟุตเทจแรกและพบว่าเรื่องราวนี้มีศักยภาพมากพอที่จะออกฉายในโรงภาพยนตร์ เขาจึงตัดสินใจนำเนื้อหา 3 ตอนแรกของฉบับซีรีส์มาร้อยเรียงขึ้นใหม่ให้เหมาะสมกับรูปแบบของภาพยนตร์ เพื่อเป็นการเกริ่นนำก่อนเข้าสู่เรื่องราวในฉบับแอนิเมชันซีรีส์ที่จะออกฉายทาง Cartoon Network ในปี 2008
และโปรเจกต์แอนิเมชันเรื่อง Star Wars: The Clone Wars ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางอันยิ่งใหญ่ของพาดาวันสาวที่จะมีส่วนสำคัญต่อจักรวาล Star Wars ในเวลาต่อมา
Star Wars: The Clone Wars (2008)
ภาพ: Star Wars
กำเนิดเจไดคนใหม่ Ahsoka Tano
ในช่วงแรกของการพัฒนา Dave Filoni วางโครงเรื่องของ Star Wars: The Clone Wars ให้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่ที่ห่างไกลจากสงครามโคลน โดยโฟกัสไปที่เรื่องราวของกลุ่มตัวละครกลุ่มเล็กๆ ที่ออกเดินทางร่วมกัน หนึ่งในนั้นคือเจไดสาวนาม Ashla
ก่อนที่ในเวลาต่อมา George Lucas จะปรับเปลี่ยนเรื่องราวใหม่ โดยพาผู้ชมไปติดตามการทำภารกิจต่างๆ ของ Anakin Skywalker และ Obi-Wan Kenobi ในช่วงสงครามโคลน พร้อมเปลี่ยนบทบาทของ Ashla ให้เป็นพาดาวันคนแรกของ Anakin เพื่อเป็นตัวแทนมุมมองของผู้ชมที่ก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสงครามโคลน และหวังว่าตัวละคร Ashla จะเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงกับผู้ชมกลุ่มใหม่ โดยเฉพาะเด็กๆ ให้มากยิ่งขึ้น
ด้านการออกแบบตัวละคร Dave Filoni ออกแบบให้ Ashla เป็นชาว Togruta และมีการออกแบบชุดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุดของ San ตัวละครหลักจากภาพยนตร์อนิเมะเรื่อง Princess Mononoke (1997) ของผู้กำกับ ฮายาโอะ มิยาซากิ
รวมถึงท่าทางการจับไลท์เซเบอร์ของเธอที่มีเอกลักษณ์แตกต่างไปจากตัวละครอื่นๆ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครซามูไรตาบอดนาม ซาโตอิจิ ของนักเขียน คัน ชิโมซาวะ ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นฉบับภาพยนตร์หลายครั้ง และในระหว่างการพัฒนาโปรเจกต์ ทาง George Lucas ก็ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อจาก Ashla มาเป็น Ahsoka Tano โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากชื่อของ Ashoka the Great จักรพรรดิอินเดียที่มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช
Star Wars: The Clone Wars Season 7 (2020)
ภาพ: Star Wars
ภายหลังจากการพัฒนาร่วม 3 ปี ในที่สุด Ahsoka Tano ก็ได้ปรากฏตัวอย่างเป็นทางการในภาพยนตร์แอนิเมชัน Star Wars: The Clone Wars พร้อมได้นักแสดงสาว Ashley Eckstein จาก Sydney White (2007) มาให้เสียงพากย์
Ahsoka ถูกแนะนำให้เรารู้จักในฐานะของเจไดสาวผู้เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ กระตือรือร้น และมีไหวพริบ เธอได้รับมอบหมายจากอาจารย์ Yoda ให้มาเป็นพาดาวันคนแรกของ Anakin พร้อมคอยสนับสนุน Anakin และ Obi-Wan ในการทำภารกิจช่วยเหลือ Rotta ลูกของ Jabba the Hutt และกลายเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางอันยิ่งใหญ่ของ Ahsoka ที่จะนำพาเธอไปพบกับมิตรและศัตรูมากหน้าหลายตา รวมถึงดวงดาวอีกมากมาย ซึ่งค่อยๆ ทำให้เธอได้เรียนรู้และเติบโต
Star Wars: The Clone Wars Season 7 (2020)
ภาพ: Star Wars
เหตุผลที่ส่งให้ Ahsoka Tano กลายเป็นตัวละครที่ผู้ชมทั่วโลกหลงรัก
ภายหลังจากการเปิดตัวในภาพยนตร์แอนิเมชัน Star Wars: The Clone Wars Ahsoka Tano ก็กลายเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในจักรวาล Star Wars และได้ปรากฏตัวในผลงานอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งแอนิเมชันซีรีส์ Star Wars: The Clone Wars (2008-2020), Star Wars: Rebels (2014-2018), Tales of the Jedi (2022) รวมถึงเป็นตัวละครรับเชิญในฉบับซีรีส์ไลฟ์แอ็กชันเรื่อง The Mandalorian ซีซัน 2 (2020), The Book of Boba Fett (2021) และมีซีรีส์ไลฟ์แอ็กชันของตัวเองอย่าง Ahsoka พร้อมได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง Rosario Dawson จาก Unstoppable (2010) และ The Lego Batman Movie (2017) มาสวมบทบาท
แต่ก่อนที่ Ahsoka จะเป็นตัวละครที่ผู้ชมทั่วโลกหลงรักอย่างทุกวันนี้ เธอก็ต้องเผชิญกับคำวิจารณ์ในแง่ลบเช่นเดียวกัน โดยในช่วงแรกที่ภาพยนตร์และซีรีส์ Star Wars: The Clone Wars ออกฉาย มีแฟนๆ Star Wars หลายคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นในแง่ลบเกี่ยวกับตัวละคร Ahsoka แถมยังมีแฟนบางกลุ่มได้แสดงความคิดเห็นเชิงเกลียดชังต่อ Ashley Eckstein อีกด้วย
หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือความไม่สมเหตุสมผลของเนื้อเรื่อง เนื่องจากเรื่องราวในภาค Revenge of the Sith ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลัง Star Wars: The Clone Wars ตัวละคร Anakin ไม่เคยกล่าวถึงพาดาวันของเขาเลยสักครั้ง รวมถึงคุณภาพของซีรีส์ในซีซันแรกๆ ที่ยังไม่ลงตัวนัก
Star Wars: Rebels Season 2 (2015)
ภาพ: Star Wars
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวละคร Ahsoka จะได้เสียงตอบรับในแง่ลบ แต่สองผู้สร้างอย่าง George Lucas และ Dave Filoni รวมถึงนักแสดง Ashley Eckstein ก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวละครและเรื่องราวที่พวกเขาต้องการนำเสนอ พวกเขาจึงเดินหน้าพัฒนาและถ่ายทอดเรื่องราวของ Ahsoka ต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความตั้งใจที่อยากจะให้ผู้ชมกลุ่มใหม่ โดยเฉพาะเด็กๆ ได้ลองก้าวเท้าเข้าสู่จักรวาล Star Wars และเติบโตไปพร้อมกับตัวละคร
และดูเหมือนความตั้งใจของพวกเขาจะค่อยๆ เห็นผลอย่างเด่นชัด นั่นเพราะ นอกเหนือจากเรื่องราวที่ถูกพัฒนาให้กลมกล่อมและชวนติดตามมากขึ้นแล้ว ผู้ชมจะได้ติดตามพัฒนาการของตัวละครที่เติบโตขึ้นในแต่ละซีซันอีกด้วย
เริ่มตั้งแต่คาแรกเตอร์ของ Ahsoka ในช่วงแรกเริ่ม ที่มีความกระตือรือร้น มีไหวพริบ และความมั่นใจ ก่อนที่เธอจะเผชิญกับอุปสรรคที่ค่อยๆ มอบบทเรียนให้เธอได้เรียนรู้ ทั้งความผิดพลาด ความสูญเสีย ภาวะการเป็นผู้นำ การเสียสละ ความอ่อนโยน ไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่าง Ahsoka และ Anakin ที่แม้ในช่วงแรกพวกเขาจะมีความคิดเห็นและจุดยืนที่แตกต่าง แต่เมื่อทั้งคู่ได้ทำภารกิจร่วมกัน ได้ทำความรู้จักและเรียนรู้จากอีกฝ่าย ทั้งคู่ก็กลายเป็นศิษย์-อาจารย์ที่เชื่อใจในกันและกันในที่สุด
Tales of the Jedi (2022)
ภาพ: Star Wars
Ahsoka จึงกลายเป็นตัวละครจากจักรวาล Star Wars ที่มีพัฒนาการอันโดดเด่น และแตกต่างไปจากตัวละครอื่นๆ ของ Star Wars ที่เป็นผู้ใหญ่และมักจะโฟกัสไปที่สงครามและการต่อสู้ระหว่างด้านสว่างและด้านมืด พร้อมกันนั้น Ahsoka ยังเป็นตัวละครที่สามารถเชื่อมโยงกับเด็กๆ ที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นไปพร้อมกับเธอได้ในหลากหลายแง่มุม และยังเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ หยิบนำแนวคิดและบทเรียนต่างๆ ของ Ahsoka มาปรับใช้ได้ไปพร้อมกัน
พร้อมกันนั้น Ahsoka ยังเป็นตัวละครสำคัญที่ช่วยขยับขยายให้จักรวาล Star Wars กว้างใหญ่มากขึ้น และช่วยเติมเต็มเรื่องราวที่ขาดหายในฉบับภาพยนตร์ให้สมบูรณ์มากขึ้น ทั้งการช่วยเสริมให้ Anakin มีมิติของตัวละครที่น่าสนใจมากขึ้น หรือการพาผู้ชมไปทำความรู้จักกับตัวละครอื่นๆ อย่าง Bo-Katan Kryze และชาวแมนดาลอร์ กัปตัน Rex และกองร้อย 501 รวมถึงการตั้งคำถามต่อหลักการและการตัดสินใจของเจได ซึ่งมักจะถูกวางตัวให้เป็นฝ่ายธรรมะว่า บางครั้งแนวคิดของเจไดก็อาจไม่ถูกต้องเสมอไป
Ahsoka (2023)
ภาพ: Star Wars
และด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงส่งให้ Ahsoka เป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญจาก Star Wars ที่เปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์ มีมิติที่น่าสนใจ เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมที่เติบโตมาพร้อมกัน และเป็นตัวละครที่ผู้ชมทั่วโลกหลงรักมายาวนานร่วม 15 ปี
อ้างอิง: