เปิดที่มาของ 6 วันรายได้ 100 ล้าน ความสำเร็จที่ ‘สัปเหร่อ’ ทำได้
ก่อนหน้านี้ จากสภาพของสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ต้องเต ธิติ ศรีนวล ไม่กล้านึกจริงๆว่าจะมีวันนี้ วันที่ ‘สัปเหร่อ’ เข้าฉายเพียง 6 วัน นับจากวันที่ 5 ตุลาคม เป็นต้นมา แล้วก็พาภาพยนตร์อีกเรื่องแห่ง ‘จักรวาลไทบ้าน’ พุ่งทะยานทำรายได้ไปถึง 100 ล้านบาท
เหตุของความสำเร็จในสายตาผู้ชมมีทั้งเสียงที่บอกว่า ‘ดีมากเลย ครบทุกอารมณ์ เอาไป 100/10’, ‘หนังดี จนอิน นั่งน้ำตาแตกเลยค่ะ’, ‘เมื่อวานตั้งใจไปดูเลยค่ะ ไม่ได้ดูหนังไทยดีๆแบบนี้มานานมากแล้ว’ ฯลฯ ขณะในสายตาของคนทำ ต้องเตบอกก่อนจะมาถึงวันนี้ “นี่เป็นเรื่องที่ยากที่สุด แล้วก็กดดันที่สุดตั้งแต่ทำมา”
เนื่องเพราะเป็นงานที่อยู่บน “ความคาดหวังของกลุ่มแฟนคลับไทบ้าน”
“มันห่างหายไปนาน แล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้เขาชอบ”
“ไม่รู้ว่าหนังจะโอเคไหม หรือว่าจะดีไหม จนกลายเป็นกดดันตัวเอง แล้วมันเป็นเหมือนงานทดลองครับ แบบ..เขาชอบแบบนี้นะ แต่เราลองเปลี่ยนไหม ลองเอาสิ่งที่เขาชอบนิดนึงกับสิ่งที่เราอยากทำนิดนึงมาไหม บาลานซ์กัน”
งานชิ้นนี้ต้องเตที่เคยมีผลงานกำกับร่วม สุรศักดิ์ ป้องศร และ ณัฐวุฒิ แสนยะบุตร ในภาพยนตร์ หมอปลาวาฬ บอกว่าเป็นงานแรกที่เขากำกับแบบเดี่ยว ทั้งยังเป็นคนเขียนบทคนเดียว จากปกติที่แต่ละเรื่องจะมี 5-6 คน ช่วยกัน ก่อนหน้านั้นจึงอดกังวลไม่ได้ว่าจะไปทำให้ไทบ้านเจ๊งไหม ทำให้คนมองไทบ้านมาตรฐานต่ำลงหรือเปล่า
ด้วยเหตุนั้น ณ ปัจจุบัน “ยังคิดว่าฝันอยู่เลยครับ” อธิบายความรู้สึก แล้วเขาก็หัวเราะ
“ยังคิดว่าใช่เหรอ เราทำได้เหรอเนี่ย เพราะว่ามันเกินคาดมาก ตอนแรกยังคิดว่า ถ้าหนังเจ๊งเราจะรับผิดชอบโดยการหายืมเงินมาใช้หนี้ในส่วนที่เราทำเขาเจ๊งอยู่เลย”
“2-3 วันแรกกระแสมันดูแรง มันใช่เหรอ มันดีขนาดนั้นเลยเหรอ ใครถาม ผมยังไม่เคยบอกว่าหนังมันดีเลยครับ ผมบอกมันว่าพอได้อยู่ครับ”
ที่รู้สึกแค่ ‘พอได้อยู่’ เขาประเมินว่าน่าจะมาจาก “เราอยู่กับมันนาน ใช้เวลาถ่าย 3-4 เดือน จนมองไม่รู้สึกแล้วว่ามันสนุก ดูจนชิน เลยรู้สึกว่าคนไม่ชอบแน่ๆ แล้วหนังมันค่อนข้างยากมาก เล่าเรื่องความตายให้เด็กวัยรุ่นฟัง แต่ก็เกินคาด ตอนไปเซอร์ไพรส์ที่โรงคนร้องไห้ มากอดเรา จนเรารู้สึกว่า เราไม่ได้ดีใจกับยอด เราดีใจที่คนรู้คุณค่าของหนังมากกว่าครับ”
ผลงานในเครือจักรวาลไทบ้านที่ผ่านมา จะเป็นแนวฟีลกู๊ด เฮฮา แต่เรื่องนี้ที่ซึ่งใช้ทุนสร้างกว่า 10 ล้านบาท มีความต่างออกไป
“ตั้งแต่การเขียนบท การถ่ายทำ มันไม่เหมือนฉีกครับ แต่พยายามพัฒนา ยกระดับในแต่ละฝ่าย แต่ยังมีความเป็นไทบ้านอยู่ ไม่ใช่กระโดดไปเลย อันนี้เป็นสิ่งที่คิดอันดับแรกเลยครับว่าเราพัฒนาไปเลยไม่ได้ เราต้องพาแฟนคลับเราไปด้วย ให้เขาค่อยๆพัฒนาไปกับเรา ยกระดับไปกับเรา”
ขณะที่ในส่วนรายได้ “ผมมองแค่มันไม่เจ๊ง แค่ให้คนชอบ แล้วรู้สึกว่าหนังมันโอเคกับเขา หนังมันคุยกับเขา ก็โอเคแล้ว”
ส่วนเรื่องของรางวัล เจ้าตัวยอมรับว่าก็แอบลุ้น แต่ไม่ถึงกับคาดหวังสุดตัว
“ที่ลุ้นคืออยากมีเวทีที่ได้กล่าวขอบคุณพ่อแม่ที่น้องที่เขาสนับสนุนมากกว่า”
“แล้วจริงๆ ถ้าพูดถึงรางวัล ไทบ้านจะมีประสบการณ์ ก็คือเคยคุยกันว่าส่วนใหญ่เราจะได้ไปตบมือเนอะ อะไรแบบนี้ (หัวเราะ) ส่วนใหญ่เราจะเน้นเข้าร่วม ไม่เน้นเข้ารอบ รางวัลได้น้อยมาก แต่ถ้าได้ก็เป็นกำลังใจให้คนทำงานมากๆ”
ทั้งนี้ในส่วนคำ ‘จักรวาลไทบ้าน’ ต้องเตอธิบายแบบหัวเราะๆ ว่า “จริงๆ ก๊อปมาจากมาร์เวลครับ ว่าเราอยากทำจักรวาลเหมือนเขานะ ที่สร้างขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเราเอาจักรวาลของระดับโลกมาตั้งเป็นหนังอีสานเล็กของเรา มีความตั้งใจว่าเราก็มีจักรวาลของเรานะ อะไรแบบนี้”
และในจักรวาลดังกล่าวพวกเขาตั้งใจจะถ่ายทอดเสน่ห์ความเป็นอีสานออกมาให้ได้เห็น
“เสน่ห์ของวิถีชีวิต หรือพิธีกรรม ความเชื่อ”
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่