
Grab ผนึกพันธมิตรช่วยคนขับผ่อนรถอีวีรายวัน โดยไม่ต้องเช็กเครดิตบูโร ไม่ต้องวางดาวน์ พร้อมเหตุผลไม่พึ่งระบบให้คะแนนเครดิตของลิสชิ่งในไทย
“Grab” ได้ขยายธุรกิจไปบยังบริการทางการเงินมานานหลายปีแล้ว โดยมุ่งเน้นการให้วงเงินเครดิตกับพาร์ตเนอร์คนขับรถ ที่อยู่ในแพลตฟอร์มในการซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือวงเงินสำหรับพาร์ตเนอร์ร้านค้าสำหรับประกอบธุรกิจ
ล่าสุดขยับไปอีกขั้น คือ การให้บริการสินเชื่อ “เช่าซื้อ” รถอีวี ซึ่งเป็นวงเงินที่ค่อนข้างใหญ่
“วรฉัตร ลักขณาโรจน์” กรรมการผู้จัดการ แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจทางด้านการเงินของ Grab ไม่ได้มีขึ้นเพื่อมุ่งเน้นการทำกำไร แต่เป็นการสร้างทางเลือกให้พาร์ตเนอร์มีชีวิตที่ดีขึ้น
“เมื่อพาร์ตเนอร์อยู่กับเรา เราเห็นข้อมูล เห็นรายได้ เห็นการใช้จ่าย และความจำเป็น เราจะมีวงเงินให้เขาสำหรับซื้อสินค้าที่จำเป็น ซึ่งจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าอยู่กับ Grab แล้วได้รับสิทธิประโยชน์ และรักเรามากขึ้น”
สินเชื่อในการซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นวงเงินที่เราให้ได้ แต่สำหรับรถอีวี เป็นวงเงินที่ค่อนข้างมาก และกฎหมายไม่ได้อนุญาตให้ Grab ทำธุรกิจเช่าซื้อรถ ดังนั้นจึงต้องมองหาพาร์ตเนอร์ที่ช่วยในเรื่องนี้ได้
จากข้อมูลที่ Grab โดยคร่าว กล่าวได้ว่าการใช้รถอีวีในการทำงานช่วยให้พาร์ตเนอร์ประหยัดได้ถึง 50% แต่การที่จะเข้าถึงรถอีวีเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะรถสี่ล้อที่ต้องวางเงินดาวน์สูง และยังพบว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายพาร์ตเนอร์ต้องคิดเป็นรายวัน ไม่สามารถวางดาวน์เพื่อผ่อนเป็นรายเดือนได้อย่างสะดวกนัก
อีกอย่างคือค่าใช้จ่ายยิบย่อยอย่างเรื่องการประกันภัยที่ต้องเพิ่มจากค่าใช้จ่าย ทำให้ยากต่อการเข้าถึงรถยนต์อีวี
“เมื่อเราเห็นว่าการใช้รถอีวีในการทำงานส่งผลดีกับพาร์ตเนอร์ เราก็อยากหาทางสนับสนุน แต่เราเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่มีรถของตัวเองเราไม่ได้ผลิตรถ และเราไม่สามารถให้เครดิตสำหรับเช่าซื้อได้ ดังนั้นเราจึงต้องมองหาพาร์ตเนอร์ที่ช่วยได้”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ Grab มีคือ ข้อมูลรายได้-การทำงานของคนขับ ที่สามารถใช้ปล่อยสินเชื่อมานานแล้วได้
เมื่อพิจารณาสเปกของรถอีวีที่เปลี่ยนแปลงอยากมากในช่วง 2 ปีมานี้ เห็นว่า BYD มีรถหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึง SUV เหมาะกับการใช้งานในแพลตฟอร์มได้อย่างดี แต่ราคาก็ยังสูงสำหรับการดาวน์และผ่อน
“เราจึงมองหาพาร์ตเนอร์ด้านการมห้สินเชื่อที่จะเข้ามาช่วยทำโปรแกรมการเช่าซื้อ ซึ่งก็มีไฟแนนซ์ และลิสชิ่ง หลายรายอยากเข้ามาทำ แต่เขาไม่มีวิธีการจัดการข้อมูลและระบบให้เครดิตที่รองรับกับข้อมูลแบบพาร์ตเนอร์คนขับของเราเลย”
ดังนั้น เราจึงได้ดึง Moove ซึ่งเป็นผู้ที่ทำคะแนนเครดิตเพื่อพิจารณาให้สินเชื่อจากข้อมูลบนระบบดิจิทัลและแพลตฟอร์มอื่น ๆ หลายแห่งในโลกมาแล้ว จึงได้ร่วมกันทำ Behavior Scoring สำหรับพาร์ตเนอร์คนขับในแพลตฟอร์มของเราเพื่อประเมินสถิติและความสามารถในการชำระเพื่อพิจารณาให้เครดิต
“ด้วยระบบคะแนนนี้ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเครดิตบูโรข้อมูลที่มีสามารถมั่นใจในผู้ที่เราจะปล่อนสินเชื่อได้”
ทั้งยังสามารถออกแบบโปรแกรมการชำระให้ตอบสนองต่อพฤติกรรมของพาร์ตเนอร์คนขับ อย่างกรณีรถ BYD dolphin ที่ถือว่าเป็นรถขนาดเล็ก เริ่มที่วันละ 700 บาท ซึ่งรวมทั้งการผ่อนรถและประกันไปแล้ว เมื่อกำหนดตายตัวจะทำให้พาร์ตเนอร์รู้ว่าเขาต้องวิ่งรถกี่รอบถึงจะเพียงพอต่อการใช้จ่าย เฉลี่ยแล้วก็ตกเดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท เท่า ๆ กับการผ่อนจ่ายรายเดือนปกติ
และธรรมชาติของการทำงานย่อมมีวันหยุด ดังนั้นโปรแกรมที่ออกมาก็ไม่ได้ให้ผ่อนทุกวัน มีวันหยุดที่ไม่ต้องผ่อน 4 สัปดาห์ต่อปี
และเมื่อขับรถใช้งานทุกวัน ผ่อนทุกวัน ภายใน 6 ปี รถคันนั้นก็เป็นของพาร์ตเนอร์โดยสมบูรณ์
“จริงๆ แล้วตั้งแต่เริ่มทำสัญญามันก็เป็นรถของพาร์ตเนอร์แล้ว มีการจfทะเบียนเป็นชื่อคนซื้อเหมือนเช่าซื้อรถปกติทุกอย่าง เพียงแต่เราไม่ได้ใช้ข้อมูลจากลิสชิ่งแบบดั้งเดิม”
“ที่เหลือคือการสนับสนุนด้านการซ่อมบำรุงก็มีพาร์ตเนอร์ อย่าง PTT Fit auto และประกันจาก BYD ก็ครอบคลุม 1.6แสนกิโล หรือ 8 ปี”
นอกจากนี้อาจมีการทำแคมเปญสนับสนุนในการเรียกใช้อีวี เพื่อสร้างความตื่นตัวให้กับลูกค้าบ้างเป็นครั้งคราว (ปัจจุบันมีตัวเลือกให้ผู้ใช้เลือกรถอีวีก่อนรถปกติ) แต่จะไม่ทำการซับสิไดซ์ราคาค่าโดยสารให้ถูกลง เพราะเป็นโมเดลที่ไม่ยั่งยืน ราคาค่าโดบสารจะเท่ากับรถยนต์สันดาปปกติ