ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีแนวโน้มว่าราคาน้ำตาลทรายในประเทศอาจปรับขึ้นราคาหน้าโรงงานกิโลกรัมละ 4 บาทในเร็วๆ นี้ หรืออาจปรับขึ้นเดือนตุลาคม แบ่งเป็นการปรับขึ้นราคาตามต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น กิโลกรัมละ 2 บาท และการเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกิโลกรัมละ 2 บาท เพื่อนำไปจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ปลูกอ้อยที่ตัดอ้อยสดส่งเข้าโรงงานน้ำตาล โดยไม่ใช้วิธีการเผา เพื่อลดฝุ่น PM2.5 ทำให้ราคาขายปลีกในประเทศต้องปรับขึ้นตาม
หากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) มีมติให้ปรับขึ้นราคา กิโลกรัมละ 4 บาทจริง จะมีผลให้ราคาหน้าโรงงาน น้ำตาลทรายขาวธรรมดาปรับขึ้นเป็น กิโลกรัมละ 23 บาท น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ปรับขึ้นเป็น กิโลกรัมละ 24 บาท ขณะที่ราคาขายปลีกจะปรับขึ้นไปเป็น กิโลกรัมละ 28 บาท และ กิโลกรัมละ 29 บาท ตามลำดับ อีกทั้งทำให้สินค้าอื่นๆ ที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นส่วนประกอบต้องปรับขึ้นราคาตาม โดยเฉพาะเครื่องดื่มชนิดต่างๆ
ทั้งนี้ สอดคล้องกับทางฝ่ายนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุเกี่ยวกับกรณีผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายน้ำตาล เตรียมขึ้นราคาน้ำตาลในประเทศ 4 บาท/กิโลกรัม คิดเป็นปรับขึ้น 20% เป็น 24 บาท/กิโลกรัม สำหรับน้ำตาลทรายขาวธรรมดา และ 25 บาท/กิโลกรัม และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 19 บาท และ 20 บาท ตามลำดับ จะส่งผลลบต่อเครื่องดื่มและอาหาร โดยบริษัทที่ขายในประเทศมาก ได้แก่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP, บริษัท อิชิตัน จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI และ บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ส่วนบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG และบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ขายส่งออกมาก แต่มีขายในประเทศ
โดยกลุ่มเครื่องดื่มมีต้นทุนน้ำตาลเฉลี่ย 6.2% ของต้นทุนรวม นำโดย CBG อยู่ที่ 12%, OSP อยู่ที่ 6%, SAPPE อยู่ที่ 6%, ICHI อยู่ที่ 4% และ TACC อยู่ที่ 3% ต้นทุนน้ำตาลที่ปรับขึ้น 20% (ทั้งในประเทศและส่งออกปรับขึ้นใกล้กัน) จะส่งผลกระทบกำไร CBG มากที่สุด 11% (กรณีปัจจัยอื่นคงที่) รองลงมา OSP กระทบกำไรอยู่ที่ 7%, ICHI กระทบกำไรอยู่ที่ 4.2%, SAPPE กระทบกำไรอยู่ที่ 3% และ TACC กระทบกำไรอยู่ที่ 2.4% ทุกบริษัทจะเริ่มกระทบไตรมาส 1/2566 เป็นต้นไป เพราะมีล็อกราคาไว้ล่วงหน้า และยกเว้น CBG จะเริ่มกระทบตั้งแต่ไตรมาส 4/2566
นอกจากนี้ กรณีเตรียมปรับขึ้นราคาน้ำตาลในประเทศ ประเมินจะส่งผลกระทบต่อบริษัทผลิตอาหารและซอส อย่าง บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO มีต้นทุนน้ำตาล 8% แต่มาร์จิ้นสูงมาก คาดการณ์กระทบกำไรไม่เกิน 4% และบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP ต้นทุนน้ำตาล 2.2% คาดการณ์ผลกระทบกำไร 2.4%