ระบบขนส่งมวลชนในเมืองหลวงเปรียบเสมือนเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตให้ผู้คนทุกระดับชั้นไม่ว่าจะยากดีมีจนให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ในแต่ละวัน และไม่เพียงส่งผู้คนไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่ยังอยู่เบื้องหลังของความสำเร็จและความมั่นคงอีกมากมายที่ ขสมก. ช่วยผลักดันส่งให้ถึงฝั่งฝัน
แน่นอนว่านอกจากคุณภาพรถ ความปลอดภัยและค่าบริการแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผู้โดยสารตัดสินใจเลือกก้าวขึ้นรถเมล์คือ “กระเป๋ารถเมล์” ที่ใส่ใจผู้โดยสารและรอยยิ้มพร้อมให้บริการ ‘ป้าแมว’ เป็นกระเป๋ารถเมล์มาตั้งแต่วัยสาว จนย่างเข้าใกล้วัยเกษียณ รักในอาชีพนี้มากว่า 42 ปี โดยได้ให้บริการบนรถเมล์ ขสมก. มาเเล้วหลายสาย และเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมาย ยืนยันกระเป๋ารถเมล์ ขสมก. ให้บริการยืนหนึ่งเรื่องใส่ใจผู้โดยสาร
‘ป้าแมว’ จากวัยสาวสู่วัยใกล้เกษียณ บนเส้นทาง 42 ปีกับอาชีพกระเป๋ารถเมล์
‘วราภรณ์ ยงสวัสดิ์’ หรือ ‘ป้าแมว’ พนักงานเก็บค่าโดยสารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) วัย 59 ปี ประจำรถเมล์สาย 525 และ 526 เส้นทางสวนสยาม-หนอกจอก เธอยึดอาชีพนี้มาแล้ว 42 ปี เลี้ยงปากท้องครอบครัวส่งเสียลูก 2 คน จนเรียนจบปริญญาตรีและมีหน้าที่การงานที่มั่นคง เธอบอกว่ารักในอาชีพนี้ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจไปทำอย่างอื่นเลย
“ป้าภาคภูมิใจมากนะคะที่ได้ทำงาน ขสมก. แล้วก็อยู่ ขสมก. มาตั้งแต่สาวยันเกษียณป้าไม่เคยคิดที่จะไปทำงานอื่น และไม่เคยที่จะสอบก้าวหน้าไปทำอย่างอื่น แผนกอื่น เพราะป้าชอบงานกระเป๋ารถเมล์ จับกระบอก ยืนอยู่บนรถ คุยกับผู้โดยสาร ดูแลผู้โดยสาร จนกว่าเขาจะถึงบ้าน ป้าชอบมาก ป้าชอบจริง ๆ คือการให้บริการกับผู้โดยสารบนรถเมล์”
“ป้าเป็นลูกสาวคนโตของบ้าน ป้ามาจากสมุทรสาครตั้งแต่อายุ 16 ปี เพราะชอบรถเมล์มาก ใฝ่ฝันอยากจับกระบอกเก็บเงิน เข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่ พ.ศ.2524 จำได้ว่าได้เงินเดือนเดือนแรก 400 บาท ในยุคนั้นก็ถือว่าเยอะพอสมควร” ป้าแมว เล่าด้วยสีหน้าที่เปื้อนยิ้ม
อู่รถเมล์สวนสยาม เขตการเดินรถที่ 2 ขสมก. คือ สถานที่เริ่มต้นทำงานของป้าแมว ในทุก ๆ วัน งานบริการในฐานะพนักงานเก็บค่าโดยสารของเธอ เริ่มต้นตั้งแต่ 13.00 น. รับงานช่วงกะบ่าย สแกนใบหน้าเข้างาน เซ็นชื่อรับงาน เบิกกระบอก-รับบิล และเครื่องรับชำระค่าโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Capture) หรือ EDC เตรียมตัวให้พร้อมบริการเก็บเงินผู้โดยสาร 3 เที่ยวต่อวัน โดยงานของเธอจบลงที่เวลาประมาณ 2 ทุ่ม หรือไม่เกิน 3 ทุ่ม ขึ้นอยู่กับการจราจร
ยิ้มแย้มแจ่มใส ยืนหนึ่งเรื่องใส่ใจผู้โดยสาร กระเป๋ารถเมล์ไม่ใช่แค่เก็บเงิน
‘ป้าแมว’ เล่าว่ารู้สึกภูมิใจเสมอที่ได้ใส่เครื่องแบบกระเป๋ารถเมล์ ขสมก. เธอเป็นหนึ่งในพนักงานเก็บค่าโดยสารหลายพันคนของ ขสมก. โดยเธอเริ่มยึดอาชีพนี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2524 ตั้งแต่ตั๋วโดยสารราคา 60 สตางค์ จนปัจจุบันราคา 8 บาท
ผู้โดยสารส่วนใหญ่ของรถเมล์สาย 525 มักจะเป็นนักเรียน และพนักงานโรงงาน พนักงานบริษัท ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำ ซึ่งเธอจำหน้าได้เกือบทุกคน ขึ้นรถมาก็ทักทายกัน บางคนนั่งรถตั้งแต่เรียนหนังสือจนเรียนจบมีงานทำ
“ป้าจำผู้โดยสารของป้าได้เกือบทุกคน ส่วนใหญ่จะทักทายว่า สวัสดีครับป้าแมว บางทีผู้โดยสารก็จะซื้อขนมมาฝาก ซื้ออะไรมาฝาก วันนี้หนูซื้อขนมให้นะ เขาบอกว่าป้าแมวน่ารัก พูดเก่งแล้วก็จะพูดตลก ผู้โดยสารเด็ก ๆ จะชอบ จะเรียกว่า ป้าแมวน่ารัก มาแล้ว วันนี้หนูได้ขึ้นรถป้าแมว ได้เจอป้าแมว เพราะว่ามันจะไม่เจอกันทุกวัน บางวันก็จะถูกสลับไปให้บริการรถเมล์สายอื่น”
“ใส่ใจผู้โดยสาร” คือจุดเด่นในการให้บริการของป้าแมว นอกจากสีหน้าที่ดูใจดี ทักทายด้วยรอยยิ้มแล้ว การคอยสังเกตและดูแลความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารก็สำคัญมากเช่นกัน
“ป้าเสียงดังฟังชัด ป้าจะบอกผู้โดยสารขึ้นลง ป้าจะบอกคนขับว่า จอด-ไป คนขับก็จะฟังป้า เพราะป้าใหญ่ที่สุดแล้วในบนรถ”
“หน้าที่ของป้า ต้องคอยสังเกตผู้โดยสารด้วย เพราะบางช่วงมิจฉาชีพเยอะ บางคนก็โรคจิตจ้องจะลวนลามเด็กสาว รวมทั้งสิ่งของที่ผู้โดยสารพกพาขึ้นรถเมล์ว่าเป็นวัตถุต้องสงสัยหรือไม่ เราจะต้องคอยตรวจตราทุกอย่างตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และก็ปลายทางยันในอู่รถเมล์ต้องดูหมดค่ะ”
“จุดเด่นของป้า จะต้องดูแลระวังทรัพย์สินให้ผู้โดยสารด้วย เพราะบางครั้งมีเหตุการณ์กระชากกระเป๋ากันบนรถ ป้าก็ช่วย เราไม่คิดว่าจะเจ็บหรืออะไร ประสบการณ์ชีวิตบนรถเมล์ของป้ามีทุกอย่าง เสือสิงห์กระทิงแรด โรคจิตก็มีนะคะ ตอนสมัยสาว ๆ ป้าจะแก่น ป้าจะห้าว ๆ ป้าจะเอากระบอกเคาะตีมันเลย แล้วมันก็วิ่งลง แล้วมันก็ชี้หน้าด่าป้า” ป้าแมว เล่าด้วยรอยยิ้มและขำเมื่อนึกย้อนเหตุการณ์ในอดีต
“กระเป๋ารถเมล์” ไม่ใช่แค่อาชีพ แต่คือชีวิต
ตลอด 42 ปีที่ผ่านมา กับอาชีพกระเป๋ารถเมล์ของป้าแมว จากฉีกตั๋วเก็บค่าโดยสารด้วยเงินสด สู่การเก็บค่าโดยสารด้วยเครื่องสแกนจ่ายไร้เงินสด เธอเรียนรู้และพร้อมปรับตัวให้ทันสมัยกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีตามนโยบายของ ขสมก. มาโดยตลอด
“สมัยก่อนตอนป้าเข้างานใหม่ ๆ ใช้ตั๋วม้วนใหญ่ ๆ กับกระบอก ไม่มีเครื่องสแกน ก็คือ เราเก็บเงินไป แล้วฉีกตั๋วกระดาษให้ แต่ปัจจุบันมีเครื่องสแกน มีตั๋วรายเดือน รายสัปดาห์แบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัตรเดบิต บัตรเครดิตก็นำมาใช้สแกนชำระค่าโดยสารได้ ทันสมัยที่สุดเลย ตอนนี้น่ะ คือว่าเรา ไม่ต้องใช้เงินสดเพียงอย่างเดียว แค่ใช้บัตรก็ชำระค่าโดยสารได้ อย่างสะดวกสบาย”
ในสายตาป้าแมว ที่นี่ไม่ใช่แค่ที่ทำงาน แต่ ขสมก. คือบ้านหลังใหญ่ มีพี่มีน้องมีครอบครัวและความผูกพันอยู่ที่นี่
ป้าแมว บอกว่ามีความสุขทุกครั้งที่ได้ส่งผู้โดยสารถึงปลายทางอย่างปลอดภัยทุกคน และไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหน เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงอย่างไร ก็เชื่อว่ากระเป๋ารถเมล์ คือเสน่ห์ของรถ ขสมก. เสมอ เธอรักในอาชีพนี้มาก ๆ แม้ว่าจะต้องยืนสลับนั่ง 7-8 ชั่วโมงต่อวัน แต่เธอตั้งใจจะทำหน้าที่ไปจนกว่าจะเกษียณอายุการทำงาน
“ป้าภูมิใจมาก ที่ได้มาทำงานใน ขสมก. 42 ปีที่ป้ามาอยู่ในครอบครัวคนรถเมล์ จากป้าไม่มีอะไรเลย เสื่อผืนหมอนใบ จนทุกวันนี้ ลูกก็เรียนจบ มีงาน มีการดี ๆ ทำ พูดง่าย ๆ ว่า ป้าก็มีทุกอย่างนะ ที่ทาง รถยนต์ ทุกอย่าง ป้าดีใจมากเลยที่ ขสมก. ให้ทุกอย่างเหล่านี้”
ขสมก. เริ่ม 8 บาทตลอดสาย ปลอดภัยไร้กังวล ดูแลผู้โดยสารและผู้ร่วมทางให้อุ่นใจ
แม้ว่าทุกวันนี้ระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ จะมีตัวเลือกหลากหลาย แต่ป้าแมว ก็มั่นใจว่า รถเมล์ ขสมก. สะดวกสบายเข้าถึงทุกสถานที่ ปลอดภัยไร้กังวล ให้บริการเช้ากว่า ราคาตั๋วถูกกว่า และมีกระเป๋ารถเมล์ที่เข้าอกเข้าใจผู้โดยสารและผู้ร่วมเส้นทางคอยดูแลและให้ความอุ่นใจ
“ป้าว่า ขสมก. นี่สำคัญมากในชีวิตเดินทางของผู้โดยสาร ปัจจุบันมีสายรถเมล์ให้เลือกเยอะ เราจะไปที่ไหน เราจะไปรถอะไร รถเมล์สายไหนที่จะผ่านบ้านเรา สมัยนี้มีเยอะมาก รอรถเมล์ของ ขสมก. ไม่เกิน 10 นาที ก็ได้ขึ้นรถแล้ว
ที่สำคัญ เราดูแลผู้โดยสารบนรถได้อย่างทั่วถึง มั่นใจได้ในคุณภาพของการบริการ จ่าย 8 บาท นี่ก็ถูกที่สุด เราไปส่งถึงหน้าบ้าน การให้บริการของคนขับและกระเป๋ารถเมล์ของ ขสมก. ดูแลให้บริการบนรถอย่างดีที่สุด ไปส่งถึงบ้าน ปลอดภัยไร้กังวล 8 บาทตลอดสาย หลับได้นอนได้
เชิญชวนนะคะทุกคนที่อยากจะขึ้นรถ ขสมก. ขึ้นมาแล้วจะประทับใจกับการต้อนรับของกระเป๋ารถเมล์และพนักงานขับรถ ที่จะส่งท่านไปถึงบ้านด้วยความปลอดภัยทุกคนนะคะ เชิญชวนค่ะ” ป้าแมว กล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มและหัวเราะ