เปิดใจ 4 พระเอก แก๊งอยุธยาบอยแบนด์แห่งพรหมลิขิต เกร็งและขนลุก ได้รับบทบุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์



“เกรท-เด่นคุณ-เพ็ชร-โอม” เผยฉากสำคัญในละครเรื่องพรหมลิขิต บอกมีทั้งฉากดรามา ฉากบู๊ และฉากขำทั้งน้ำตา แต่ยอมรับว่าการที่ได้มารับบทบาทสำคัญนี้ทำให้เกร็งและขนลุกไม่น้อย ดีใจที่ได้เห็นคนรุ่นใหม่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยกันมากขึ้น

แก๊งอยุธยาบอยแบนด์แห่งพรหมลิขิต ที่นำโดย เกรท วรินทร ปัญหกาญจน์, เด่นคุณ งามเนตร, เพ็ชร ฐกฤต ตวันพงค์ และ โอม คณิน สแตนลีย์ ออกมาเปิดเผยถึงการมารับบทบาทสำคัญ บุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ โดยทั้ง 4 หนุ่มยอมรับว่าขนลุกและเกร็งสุดๆ ไม่ต่างกันเลย

เด่น : “รับบทเป็น กรมพระราชวังบวรฯ หรือ เจ้าฟ้าพร เป็นคนที่มองบ้านเมืองเป็นหลักมากกว่าชีวิตส่วนตัว ทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง เป็นคนที่ใฝ่ในพุทธศาสนา และเชื่อในศักดิ์และสิทธิ์ครับ”

เกรท : “ผมรับบทเป็น ขุนหลวงท้ายสระ หรือ เจ้าฟ้าเพชร”
เพ็ชร : “ผมรับบทเป็น พระยาราชนิกูล หรือ พ่อทองคำ เป็นพระสหายของขุนหลวง”

เกรท : “เป็นมหาดเล็กคนสนิทของผม”

โอม : “เล่นเป็น จอร์ช ฟอลคอน หรือว่าชื่อเต็ม หลวงชิดภูบาลครับ”

เกร็งต้องรับบทบาทที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์
เพ็ชร : “เกร็งครับ เพราะว่าไปหาข้อมูลมา คือเป็นถึงปู่ของรัชกาลที่ 1 ขนลุกเลย เพราะท่านอยู่สะแกกรัง อุทัยธานี ท่านมารับราชการที่อยุธยา เลยได้เข้ามารับใช้ขุนหลวง ในยุคของพระเจ้าท้ายสระ ตอนนั้นขนลุกมากเลย รู้สึกเกร็งไปหมดเลยครับ เป็นครั้งแรกที่ได้มารับบทท่านที่มีตัวตนจริงๆ ท่านเป็นคนที่ค่อนข้างดุเลยครับ และเป็นคนที่เคร่งขรึมต่อหน้าที่การงาน และมีความซื่อสัตย์ แต่ในฉบับละครเป็นแนวไม่ได้ถึงกับดุมาก แต่เพื่อความเพลิดเพลินให้กับคนดู จะมีความน่ารักๆ อยู่กับแก๊งบอยแบนด์ อยู่กับขุนหลวงจะอีกแบบนึง เวลาออกราชการจะอีกแบบนึงครับ”

เด่น : “เท่าที่ผมฟังทุกคนมาเลยนะ ทุกคนมีความตื่นเต้นที่จะได้รับบทนี้คล้ายๆ กันทุกคนเลย ในตัวละครแต่ละตัวก็คล้ายจะมีเป้าหมายเดียวกันในการทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง แต่รูปแบบความคิดของเราแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน อาจจะมีเหตุผลที่ไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งในพระราชวังหรือทางฝั่งมือซ้ายมือขวา เขาก็มีเป้าหมายเดียวกันก็คือเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชน เพื่อเศรษฐกิจ 

ซึ่งผมมารับบทนี้ก็ต้องนิ่งมากขึ้น เท่าที่ผมสัมผัสนะ ท่านจะมีความสุขุม นิ่งยิ่งกว่าการที่เราเล่นในละครอีก เพราะว่าการที่เราทำในละครอาจจะมีความนิ่งอยู่แล้ว แต่เราต้องมีความเปล่งประกาย มีพลังขึ้นมา เพื่อให้มีความโดดเด่น ผมก็ต้องปลุกพลังตัวเองขึ้นมา แต่ไม่มาก คือน้อย แต่ให้มีอะไรนิดนึง แต่จริงๆ เท่าที่รู้สึกเท่าที่สัมผัสในการดูบท หรือเวลาเล่นรับพลังงานต่างๆ มาจากพี่เกรท พี่โอม หรือ พี่เพ็ชร ที่เป็นราชบริพาร เราก็รู้สึกว่าเรานิ่งกว่า จริงๆ ท่านเป็นคนที่นิ่งสุขุมมาก แล้วหัวมีแต่เรื่องบ้านเมือง และเป็นคนที่โฟกัสอะไรได้นิ่งมากๆ อยู่อย่างเดียว ถ้าท่านมองอะไรสิ่งนั้นต้องสำคัญมากๆ แล้วจะโฟกัสแต่ตรงนั้นซะเป็นส่วนใหญ่”

โอม : “ส่วนผมกับบทหลวงชิดภูบาล ก่อนอื่นเลยก็คือตื่นเต้น เพราะว่ามีตัวตนจริงๆ เป็นตัวที่มีประวัติค่อนข้างดรามา เพราะว่าทางพ่อฟอลคอนจะโดนสำเร็จโทษ และทางแม่ก็โดนริบสมบัติ แล้วก็โดนจับไปอยู่ในคุก เราก็เหมือนลำบากมาพร้อมกันกับแม่ จนตอนหลังถูกเอาเข้ามาเลี้ยงดูในวัง เป็นเพื่อนเล่นกันกับขุนหลวงท้ายสระ เป็นเด็กที่จริงๆ ชีวิตดรามา แต่พอโตขึ้นมาเขาเป็นคนที่เอาดีและจริงจัง ก็เลยเป็นที่ไว้ใจ และเป็นพระสหายคนนึงที่สนิทกันกับขุนหลวงท้ายสระ คิดว่าเป็นบทที่ตื่นเต้นและต้องไปเรียนรู้เยอะมาก วันแรกที่ได้รับบทนี้นอกจากไปเวิร์กช็อปเรื่องดาบคู่แล้ว ยังต้องมีเรื่องประวัติศาสตร์ ซึ่งเวลาเราหาข้อมูลในกูเกิ้ลมันจะได้อีกแบบนึง แต่จะมีครูมาชี้แนะแนวทางให้ไปในทางถูกต้องด้วยก็ตื่นเต้นครับ”

ฉากที่เล่นแล้วขนลุก
เพ็ชร : “เป็นฉากเปิดตัวของขุนหลวงครับ ต้องให้พี่เกรทเล่า”

เกรท : “ฉากวันนี้แหละ เรียกว่าสำหรับผมนะ ผมก็รู้สึกขนลุกมากๆ เพราะว่าทุกคนก็แต่งเต็ม แล้วก็นั่งอยู่ข้างล่างเรา แล้วก็จับจ้องมาที่เรา เหมือนเราก็ต้องพูดเขาเรียกว่าภาษาสมัยนั้นคือว่าราชการ วันขึ้นครองราชย์พูดวันแรกก็ได้รับพลังจากข้างล่างส่งขึ้นมา เราก็เตรียมทำการบ้านของเราไป อันนี้เป็นฉากที่ขนลุก และก็อีกฉากนึงที่ผมกับเด่นเล่นตอนมอบบัลลังก์ให้กัน”

เด่น : “ความเป็นพี่น้องมันแรงมากฉากนั้น”

เผยฉากเรียกน้ำตา ไม่ใช่ซึ้ง แต่ตะคริวกินกันเป็นแถบ
เกรท : “ถ้าพูดถึงฉากที่เข้มข้นเลยกับเด่นเป็นฉากนั้น แล้วส่วนกับเพ็ชรกับโอม กับมหาดเล็กทุกคนก็จะมีฉากที่เราโมโหแล้วสั่งงาน และฉากที่ให้ไปสืบราชการว่าจริงๆ กำลังจะมีคนคิดกบฏกับเรา ก็มีการวางแผนกันเพราะฉากพวกนี้เป็นฉากที่สำคัญ และการรวมตัวกัน 4 คนก็วุ่นวายมากครับ”

เด่น : “ห้า สี่ สาม สอง มาเลยแต่ละคนแบบเป็นงานเป็นการเลยนะ แต่พอคัคแล้วสิ่งแรกที่ผมมอง คือมอง เพ็ชร ฐกฤต คนแรกเลย เข่าแกจะเป็นยังไงบ้างวะ ผมจะมองแกตลอดเลย (หัวเราะ)”

เกรท : “ทุกคนแหละ จะต้องขอโทษนะครับขอยืดขาหน่อย”

เพ็ชร : “ทุกคนต้องจับจ้องอยู่แล้ว ไม่ผมก็พี่โป๊ป (ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) พี่โป๊ปเข่าด้วย หลังด้วย หนักเลย มันนานมาก เพราะว่าบางทีเราเข้ากับขุนหลวง เข้ากับพี่เกรทหลายๆ คน พี่เกรทพูดยาวมาก น่าจะตะคริวกินเกือบลุกไม่ไหว มันตึงจัด เรานั่งพับขา ภาพแคบไม่เท่าไหร่มันรับแค่หน้า แต่ภาพกว้างต้องนิ่งสุด แล้วอยู่หน้าพระพักตร์ท่านด้วย”

เกรท : “แล้วต้องพับเพียบหมอบด้วย หลายๆ ฉากที่บางทีนานๆ น่าจะพูดผิดสักสี่ห้ารอบเนอะภาพกว้าง ภาพแคบไม่เท่าไหร่ แต่มันนั่งนาน บางครั้งเกร็งจนน้ำตาไหล ไม่ใช่ซึ้งนะ เข่ากู (หัวเราะ)”

เด่น : “ฉากที่ผมสงสารพี่ที่สุดนะ เท่าที่ผมถ่ายมา ผมสงสารฉากที่พี่ไปนั่งคุกเข่าหน้าเรือที่อาบแดด แล้วผมนั่งอยู่ในร่ม ที่ไปล่องเรือกันคลองโคกขาม”
เกรท : “คลองโคกขามมีจริงในประวัติศาสตร์ และมีการสั่งให้ขุดรัดคลองนี้ ซึ่งอันนี้ตัวผมก็พูดในบทด้วย และก็จะมีพาไปจริงๆ เราไปถ่ายทำสถานที่จริงๆ ด้วยอยู่แถวพระราม 2”

เด่น : “เป็นกิจที่พ่อของเราคือพระเจ้าเสือจะทำอยู่แล้ว แล้วเราก็ไปทำต่อในเรื่องนะ”

แฉ “โป๊ป ธนวรรธน์” ตัวตึง หลุดขำบ่อยที่สุด  
เกรท : “มันมีหลายฉากนะ จำได้ที่เวลาเล่นกัน แล้วผมนั่งอยู่ข้างบน แล้วเห็นคนที่นั่งอยู่ข้างล่าง พี่โป๊ปก็มี (ทำเสียงหัวเราะ) มันมีบ่อยเหมือนกัน”

เพ็ชร : “รู้เปล่าใครหลุดขำสุด พี่โป๊ปตัวดีเลย”

เกรท : “แล้วก็มีช็อตพระพุทธเจ้าข้า ตอนที่ผมสั่ง ก็พูดไม่พร้อมกันสักที แล้วผมก็นั่งดูมันนับกัน นั่งดูว่าพอผมพูดจบ แล้วนับหนึ่งสองในใจ แล้วเหมือนคนต้นเสียง เหมือนทุกคนไม่มั่นใจพร้อมกัน มันจะมีแว๊บเข้ามา มันจะมีคนแหลมๆ เข้ามา แบบไม่มั่นใจ คือถ้ามั่นใจปุ๊บมันก็พร้อมกัน”

โอม : “พูดง่ายๆ ก็มีอยู่สองคน คือปีเตอร์แพนกับพี่โป๊ป ไม่พี่โป๊ปนำก็ปีเตอร์แพนยานสุด พระพุทธเจ้าข้า (เสียงยืด) (หัวเราะ)”

เกรท : “ถามว่าฉากนี้ถ่ายนานไหม โอ้ยพี่ ไม่ใช่พระพุทธเจ้าข้าครั้งเดียว วันนึงหลายรอบ”

โอม : “เวลาเราเข้ากับกษัตริย์ เวลาเราเข้ากับขุนหลวง ทุกคนแทบจะไม่มีพูดเลย พูดอย่างเดียวพระพุทธเจ้าข้า ไม่รู้กี่เทก”

เกรท : “คือมันเป็นความฮา”

โอม : “บอยแบนด์ก็คือมีคอมเมดี้เข้ามา เวลาเราไปสืบราชการ เวลาไปดูราษฎร”

เกรท : “ก็เป็นรอยยิ้มน่ารักๆ มีฉากบู๊ด้วยวันนี้”

ดีใจคนยุคใหม่กลับมาสนใจประวัติศาสตร์อีกครั้ง
เพ็ชร : “ดีใจครับที่เด็กยุคนี้ชอบประวัติศาสตร์ อย่างที่บอกเมื่อก่อนเราก็ไม่ชอบประวัติศาสตร์ เพราะว่ามันเป็นตัวหนังสือ แต่พอมันเป็นภาพเราด้วยภาพด้วยเสียง ด้วยความบันเทิง คนชอบ เด็กชอบดู เรายังชอบเลย

เกรท : “อันนี้อย่างที่บอกไปคือถ้าวัดจากความชอบส่วนตัว ปกติไม่ค่อยได้สนใจ แต่พอเล่ามาเป็นละคร เป็นหนังหรืออะไรอย่างนี้ มันทำให้เห็นเสน่ห์ถึงความใส่ใจของทีมงาน มันทำให้เรานึกย้อนไปถึงตอนนั้น ว่าจะอลังการขนาดไหน ด้วยตัวละครที่เราเล่น ประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหา มันทำให้เรารู้ว่าเมื่อก่อนมีแบบนี้ด้วย มีเรื่องปลาตะเพียน ซึ่งฟังดูแล้วมันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากนะ แต่สำหรับปากท้องประชาชนแล้ว คนที่เป็นกษัตริย์มองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก”

เด่นคุณ : “ผมไม่หวั่นนะ คือเวลาเราเล่น เพราะเราเห็นว่าตัวละครท่านมีบารมีสูง เวลาเราทำงานเราไม่หวั่นเราไม่อะไร เราเต็มที่ แต่ว่าเราเป็นอย่างนี้ สมมุติว่าผมเห็นรูปตัวผมเองที่แต่งเป็นกรมพระราชวังบวร ผมยกมือไหว้เลย คือบางทีเวลาสัมภาษณ์ผมก็ไม่กล้าพูดถึงท่าน คือพูดได้ในระดับนึง พอพูดเยอะก็ไม่กล้า”

ทำใจเรื่องคนจะเปรียบเทียบกับประวัติศาสตร์จริง
เด่นคุณ : “ตรงนี้มันอาจจะต้องเกิดอยู่แล้วครับ เพราะว่ารูปภาพเดียวกันเรายังเห็นต่างกัน เรามองต่างมุม ยิ่งเรื่องประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน คนละสังคม คนละครูบาอาจารย์ มันก็อาจจะมีบ้าง ก็ไม่เป็นไรครับ แต่ในเรื่องของพรหมลิขิต เรามีอาจารย์สอนประวัติศาสตร์หลายท่าน ทั้งก่อนที่จะถ่ายละคร มีอาจารย์หลายท่านที่ทำการถกกันมาแล้ว ในทางที่ถูกต้องที่สุด อย่างพี่วิโรจน์บางฉากผมนั่งอยู่ตรงนี้ แกจะนั่งอยู่ข้างหลังเลย พอเล่นเสร็จแกจะหันมาบอกเด่นเก่งอยู่แล้วแหละ แต่ว่ากับพี่ชายมันจะเป็นแบบนี้ ความรู้สึกจะเป็นแบบนี้นะ แล้วแกก็หันหลังไป เราก็เล่นต่อ คือเรามีนักประวัติศาสตร์คอยประกบ”

เกรท : “คือด้วยความที่เรารู้ประมาณนึง แล้วพอไปตรงนั้น เราต้องถามเพื่อความแน่ใจว่าต้องการให้ภาพของละครออกมายังไง เราต้องอ้างอิงให้ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด”

โอม : “ในส่วนของผมก็พยายามถาม ว่าคนนี้เขามีความคิดนิดนึงไหม เพราะว่าพ่อของเขาโดนสำเร็จโทษมา มันต้องมีอะไรในใจนิดนึง แต่ด้วยความที่เขาเอาดีมากๆ แล้วแม่เขาก็เลี้ยงมาดีมาก ผมก็คิดว่ายังไงแล้วเขาก็ต้องรักกษัตริย์ของเขามากๆ และจงรักภักดีมากๆ ผมก็พยายามถามอาจารย์มาตลอด ว่ามันเป็นแบบนี้ใช่ไหม (เราเล่นเหมือนพ่อไหม?) ไม่เหมือนครับ คนละเรื่องเลย เพราะเขาแทบไม่เจอพ่อเขาเลยด้วยซ้ำ เพราะพ่อเขาตายตอนที่เขายังเล็กมาก”

เด่นคุณ : “เป็นพี่น้องต้องสนิทกันแค่ไหนเหรอ สนิทไหมอันนี้ผมไม่รู้ แต่ผมสัมผัสได้ว่าเราเป็นพี่น้องกันจริงๆ ผมรู้สึกว่านัยน์ตาเรามีอะไรบางอย่างที่คล้ายกัน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ คือล่าสุดผมดูละครเรื่องหนึ่งของผมอยู่ ผมก็รู้สึกว่าเหมือนพี่เกรท เพราะว่าตัวละครค่อนข้างเจ้าชู้นิดนึง ล้อเล่น ไม่ เพราะว่าตัวละครอบอุ่นมากๆ อันนี้พูดเล่นขอโทษ (ยกมือไหว้) คือตัวละครค่อนข้างอบอุ่นมาก ผมก็รู้สึกว่าตัวละครคล้ายพี่เกรท แต่เขามีแฟนคนเดียวนะ”

เพ็ชร : “ก็ฝากละครคืนนี้ด้วยนะครับ Ep. 5 นะครับ พวกเราเปิดตัวอลังการแน่นอน และได้ดูเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของขุนหลวงว่าขึ้นบัลลังก์แล้วจะทำยังไงต่อครับ”

โอม : “และฝากฉากบู๊ของพวกเราด้วย ทั้ง 5 คนของพวกเรา ก็ฝากฉากบู๊ที่เราซ้อมกันอย่างเหน็ดเหนื่อยและถ่ายกันอย่างยาวนาน ภาพสวยมาก กล้องเยอะมาก ถ่ายออกมาเป๊ะแน่นอน มันส์แน่นอนครับ”

เกรท : “ตอนนี้ก็เป็นวันจันทร์ อังคาร พุธ นะครับ จากนี้ก็จะเป็นจันทร์ อังคาร พุธตลอดเลย สำหรับคนดูที่ดูมาตลอดทำให้เรตติ้งอลังการขนาดนี้ก็ฝากติดตามต่อไปเรื่อยๆ นะครับ ให้เรตติ้งสูงๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ ดูย้อนหลังได้ที่ 3plus premium นะครับ และดูสดได้ทางช่อง3 ครับ”


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *