เปิด 4 จังหวัด สิทธิ30บาทรักษาทุกโรค ใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารักษาในรพ.ได้ทุกที่ ทุกสังกัด รวมคลินิก ร้านยา แล็ป รอประชุมซูเปอร์บอร์ดสุขภาพนายกฯนั่งหัวโต๊ะ 24 ต.ค.นี้ ก่อนประกาศวันเริ่มใช้ได้
เปิด 4 จังหวัด สิทธิ30บาทรักษาทุกโรค ใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารักษาในรพ.ได้ทุกที่ ทุกสังกัด รวมคลินิก ร้านยา แล็ป รอประชุมซูเปอร์บอร์ดสุขภาพนายกฯนั่งหัวโต๊ะ 24 ต.ค.นี้ ก่อนประกาศวันเริ่มใช้ได้
การยกระดับ 30บาทรักษาทุกโรค หรือ 30บาทพลัส นโยบายสาธารณสุขเรื่องหลักของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน โดยดิจิทัลสุขภาพเป็น 1 ใน 13 นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ซึ่งการดำเนินงาน Quick Win 100 วันขับเคลื่อนนโยบาย คือ เรื่องบัตรประชาชนใบเดียว รักษาทุกที่ทั่วประเทศ
4 จ.บัตรใบเดียว รักษารพ.ได้ทุกที่
ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2566 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดประชุมปฏิบัติการ Quick Win ยุคการเปลี่ยนผ่าน ก้าวสู่ระบบสุขภาพปฐมภูมิที่มีคุณภาพ 30บาทรักษาทุกโรคยุคใหม่ตอนหนึ่งว่า ช่วงหนึ่งถึงบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ว่า จะประกาศ 4 จังหวัดนำร่องที่ประชาชนจะเข้ารับบริการด้วยบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ได้ในสถานพยาบาลทุกเครือข่าย คือ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส
“ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่จะเข้ารับบริการได้จะเป็นเฉพาะคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ใน 4 จังหวัดเท่านั้น แต่คนจังหวัดอื่นที่เดินทางไป 4 จังหวัดนี้ทั้งไปทำงาน ไปท่องเที่ยวแล้วมีความจำเป็นต้องเข้ารับบริการ ก็สามารถใช้รูปแบบนี้ได้ โดยครอบคลุม รพ.ทุกสังกัด ทั้งมหาวิทยาลัย ทหาร รวมถึงเอกชนอย่างร้านขายยา คลินิก แล็ป “ นพ.ชลน่านกล่าว
ประกาศวันเริ่มใช้หลัง 24 ต.ค.
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า 4 จังหวัดนี้จะรักษาได้ทุกที่ในสถานพยาบาลทุกเครือข่ายทั้งในและนอกสังกัดสธ.ใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นเป้าหมายจึงได้เลือก 4 จังหวัดนี้ ที่มีความพร้อม ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเชื่อมโยงข้อมูลในโครงข่าย โดยจะสามารถประกาศวันเริ่มใช้บริการได้หลังวันที่ 24 ต.ค.นี้
ซูเปอร์บอร์ดถกนัดแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 24 ต.ค.2566 จะมีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ หรือซูเปอร์บอร์ดสุขภาพ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน โดยจะมีการหารือถึงการขับเคลื่อนเรื่องบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ซึ่งนับเป็นการประชุมนัดแรกของคณะกรรมการชุดนี้
4 เขต 27 จ.รักษาได้ทุกที่ในสธ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สธ.เคยประกาศให้ 4 เขตสุขภาพ ครอบคลุม 27 จังหวัด สามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารับบริการได้ทุกที่ในหน่วยบริการสังกัดสธ. คาดว่าจะเริ่มให้บริการรูปแบบนี้ได้ภายใน 100 วัน ตั้งใจให้เป็นของขวัญปีใหม่ประชาชน ประกอบด้วย เขตสุขภาพที่ 1 ครอบคลุม 8 จังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ น่าน พะเยา ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอน
เขตสุขภาพที่ 4 ครอบคลุม 8 จังหวัด สระบุรี นนทบุรี ลพบุรี อ่างทอง นครนายก สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี
เขตสุขภาพที่ 9 ครอบคลุม 4 จังหวัด นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์
เขตสุขภาพที่ 12 ครอบคลุม 7 จังหวัด พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
“จังหวัดที่อยู่ใน 4 เขตสุขภาพดังกล่าว ผู้มีสิทธิ 30บาทรักษาทุกโรค ยังสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารับบริการได้ทุกที่เหมือนเดิม แต่เป็นเฉพาะในหน่วยบริการสังกัดสธ. ยังไม่สามารถใช้บริการในหน่วยสังกัดอื่นได้ ส่วน4 จังหวัดเป็นจังหวัดนำร่องที่คนทุกคนไปใช้บริการจังหวัดนั้น ใช้บัตรประชาชนใบเดียวสามารถเข้าได้ทุกหน่วยบริการ ทุกสังกัด”นพ.ชลน่านกล่าว
ผู้ที่มีสิทธิใช้ 30บาทรักษาทุกโรคทุกที่
บุคคลที่จะมีสิทธิเข้ารับบริการรักษาพยาบาล 30บาทรักษาทุกโรค ทุกที่ ตามนโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นกลุ่มประชาชนที่มีสิทธิประกันสุขภาพภาครัฐอยู่ในสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค หรือบัตรทอง หรือบัตรทอง 30บาท ปัจจุบันมีอยู่ราว 40 กว่าล้านคน เท่ากับว่าคนกลุ่มนี้จะสามารถไปรับบริการ รพ.นอกเหนือจาก รพ.ตามสิทธิได้ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว
งบฯปี67รองรับ 2 แสนล้านบาท
สำหรับงบประมาณ ปี 2567 เมื่อวันที่ 2 ต.ค.2566 คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้มีมติเห็นชอบข้อเสนองบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และร่างข้อเสนองบประมาณบริหารงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2567 ซึ่งได้มีการปรับเพิ่มงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รวมเงินเดือนบุคลากร จากเดิม 212,449.82 ล้านบาท เป็น 221,528.95 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17,388.92 ล้านบาท
งบประมาณที่เพิ่มขึ้น 17,388.92 บาทนี้ แบ่งเป็น
- บริการเดิมที่ต่อเนื่องจากปี 2566 จำนวน 8,297.23 ล้านบาท
- บริการเดิมที่เป็นนโยบายของรัฐบาล 6,164.29 ล้านบาท
- บริการใหม่/สิทธิประโยชน์ใหม่ที่เป็นนโยบายของรัฐบาล 108.99 ล้านบาท
- บริการ/สิทธิประโยชน์ใหม่ประจำปี 2567 จำนวน 12.57 ล้านบาท
- และการปรับใช้ระบบการจ่ายชดเชยค่าบริการแบบ DRG เวอร์ชั่น 6 อีก 2,805.84 ล้านบาท