เศรษฐา ประกาศดันไทยเป็น ‘ครัวโลก-ฮับการแพทย์’ โกยเงินเข้าประเทศ


เศรษฐา ประกาศดันประเทศไทยเป็น “ครัวของโลก-ฮับการแพทย์” ช่วยคนไทยเข้าถึงการรักษาพยาบาล มุ่งยกระดับเกษตรกรรม โกยเงินเข้าประเทศ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ก.พ. 2567 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหัวหน้าส่วนราชการร่วมในงานจำนวนมาก

โดยช่วงหนึ่ง นายเศรษฐา กล่าวว่า ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาล การดูแลสุขภาพ (Medical Hub) เพราะระบบพยาบาลของประเทศไทยเป็นจุดขายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนประเทศไทยได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งในปี 66 การท่องเที่ยวเพื่อการแพทย์และสุขภาพ สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยกว่า 4 หมื่นล้านบาท

ไทยจึง มี 3 เหตุผลหลัก ที่ทำให้ประเทศเป็นเลิศทางการแพทย์สำหรับคนทั่วโลก ได้แก่ 1.โรงพยาบาลที่ได้รับการยอมรับในเวทีนานาชาติ โรงพยาบาลเอกชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

2.บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งหมอและพยาบาล ล้วนมีฝีมือเยี่ยม ประกอบกับไมตรีจิตของคนไทย สร้างความสบายกาย สบายใจให้กับผู้รับการรักษา และ 3.ราคาสมเหตุสมผล ประเทศไทยค่ารักษาถือว่าถูก เมื่อเทียบกับการไปหาหมอในหลายประเทศ

เราสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้ โดยช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวเพื่อการแพทย์ โดยประสานให้โรงพยาบาลไทยรับประกันของต่างชาติได้ ทั้งประกันสังคม และประกันอื่นๆ ที่จะทำให้เรามีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น ทำให้ต่างชาติเข้ามาในไทยแล้วเบิกประกันได้ รัฐบาลก็จะทำโรดโชว์เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามารักษา

นอกจากการแพทย์ ประเทศไทยก็มีชื่อเสียงด้านการดูแลสุขภาพ สปาไทย นวดแผนไทย แพทย์แผนไทย ที่ขึ้นชื่อในระดับเวิลด์คลาส ในลอสแองเจลิสและซานฟรานซิสโก มีสมาคมนวดไทย ซึ่งมีรายได้สูงมาก เราจะผลักดันสปาไทย การแพทย์แผนไทย นวดแผนไทย สมุนไพร ให้เป็นสินค้าส่งออกไปทั่วโลก ด้วยมาตรการต่างๆ

นอกจากมาตรการที่จะสร้างรายได้แล้ว คนไทยก็ต้องมีระบบรักษาพยาบาลที่ดี ประชาชนคนไทยทุกคนจะต้องเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม ทั่วถึงและสมศักดิ์ศรี ด้วย 30 บาทรักษาทุกที่ จาก 30 บาทรักษาทุกโรคที่ทั่วโลกรู้จัก และหลายประเทศใช้เป็นต้นแบบ เราได้เริ่มทำ 30 บาทรักษาทุกที่ นำร่องไปแล้ว 4 จังหวัด อีกไม่นานเพิ่มเป็น 12 จังหวัด และจะครบทุกจังหวัดในสิ้นปี

เราจะใช้ระบบ AI เชื่อมฐานข้อมูล อัปเกรดระบบการแพทย์ ให้คนไทยที่ไปหาหมอต่อจากนี้ คนไข้อาจจะไม่รู้จักหมอ แต่หมอจะรู้จักคนไข้ จากข้อมูลการใช้บริการทางการแพทย์ตลอดชีวิต จากนี้พี่น้องจะไม่ต้องบอกประวัติใหม่ทุกๆ ครั้งที่เจอแพทย์

เราจะเพิ่มบุคคลากรทางการแพทย์และพยาบาลให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน พร้อมดูแลความเป็นอยู่ของแพทย์ พยาบาล ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แบ่งเบาภาระ ที่สำคัญป้องกันปัญหาสมองไหล

ด้วยมาตรการทั้งหมด จะทำให้ไทยเป็น Medical Hub ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีระบบพยาบาลชั้นเลิศสำหรับคนไทย ไม่ให้คนไทยมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงการรักษาพยาบาล และกลายเป็นจุดขายที่นำเงินเข้าประเทศไปพร้อมกัน

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ประเทศไทยจะต้องเป็นศูนย์กลางอาหารของภูมิภาค เป็นครัวของโลก จำนวนร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลินต้องเพิ่ม ทั้งร้านอาหาร Fine Dining และสตรีตฟู้ด เป็นจุดหมายปลายทางของนักกิน และเกษตรกรไทยจะต้องมีรายได้มากขึ้น 3 เท่า ใน 4 ปีของรัฐบาลนี้ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว และคนไทยต้องมีตังค์ในกระเป๋า

รัฐบาลจะพัฒนาด้านชลประทานแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง พัฒนาเรื่องเกษตรแม่นยำ เพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิต ยกระดับภาคเกษตรกรรม ในขณะเดียวกันรัฐบาลจะช่วยเกษตรกรทั้งประเทศวางแผนการเพาะปลูก ส่งเสริมการผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างถั่วเหลือง มันฝรั่ง วัว รวมไปถึงพืชแห่งอนาคต เช่น เห็ดแครง

ในมิติอุตสาหกรรมอาหาร เราจะยกระดับอาหารแบบดั้งเดิม เช่น อาหารที่ทำจากปลาหน้าตก ปลาน้ำไหล พัฒนาคุณภาพ และความสามารถในการส่งออกอาหารฮาลาลที่จะต้องมีการรับรองคุณภาพ ไปสู่พี่น้องชาวมุสลิมกว่า 2,000 ล้านคนทั่วโลก

โดยเฉพาะบรูไน มาเลเซีย และทวีปแอฟริกา ที่ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจะต้องเป็นประเทศเชฟ ปรุงอาหารให้คนทั้งโลกได้ชิมรสชาติอาหารที่เป็นโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของเรา


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *