“แม้ว” การละคร ป่วยทิพย์-ป่วยจริง !?



เมืองไทย 360 องศา
กลับมาเป็นที่สนใจขึ้นอีกครั้ง สำหรับกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เวลานี้เป็นนักโทษเด็ดขาด แต่ได้รับการอภัยลดโทษ เหลือโทษจำคุกแค่ 1 ปี แต่อย่างไรก็ดี เขาก็ไม่เคยได้รับการคุมขังเลยสักนาทีเดียว โดยอ้างว่าป่วยหนักมีความจำเป็นต้องมารักษาอาการที่โรงพยาบาลข้างนอก ซึ่งก็คือโรงพยาบาลตำรวจ เป็นเวลาเดือนกว่าจะเข้าสองเดือนแล้ว และที่บอกว่ากลับมาสนใจกันอีกครั้ง หลังจากค่อยๆ ซาลงไปตามเวลาหรือมีเหตุการณ์มาบดบัง โดยล่าสุดมี “ภาพหลุด” ออกมาให้เห็นว่า มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกำลังนำ นายทักษิณ ที่อยู่บนเตียงคนไข้ออกมา โดยระบุนำไปตรวจเช็กอาการทางสมอง

โดยเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ในโลกออนไลน์มีการส่งต่อภาพการเคลื่อนย้าย นายทักษิณ ในชุดคนไข้สีฟ้า สวมหน้ากากอนามัย นอนอยู่บนเตียงรถเข็นผู้ป่วย

ในเวลาต่อมา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยอมรับว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพของนายทักษิณจริง โดยทางผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้รายงานว่า ช่วงเช้าวันเดียวกัน เวลาประมาณ10.00 น. แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ได้นำตัวนายทักษิณ ออกไปเพื่อทำซีทีสแกน และเอ็มอาร์ไอ ที่ตึก ภปร.โรงพยาบาลตำรวจ และเสร็จสิ้นใน เวลา 11.00 น. ซึ่งการนำตัวออกไปครั้งนี้ เป็นไปตามระบบการรักษาผู้ป่วยของแพทย์ ส่วนรายละเอียดของการเจ็บป่วยแพทย์ไม่ได้แจ้ง ตามหลักการคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยและจรรยาแพทย์

ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก กรณีการปรากฏภาพถ่ายทางโซเชียลมีเดีย ในการเคลื่อนย้ายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ต้องขังเด็ดขาด ในคดีทุจริตระหว่างดำรงตำแหน่งทางการเมือง และรัฐบาลถูกมองว่า ให้การช่วยเหลือเป็นพิเศษ ว่า ตนได้เห็นภาพดังกล่าวแล้ว และทางกรมราชทัณฑ์ โดยนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ก็ยืนยันว่าเป็นภาพจริง ตามที่มีการเสนอข่าวออกไป ตนยืนยันว่า กรมราชทัณฑ์ ให้ความเป็นธรรมกับผู้ป่วย และนักโทษทุกคน ไม่มีการทำอะไรที่นอกเหนือไป

แน่นอนว่า ภาพที่เห็นนั้นเป็นภาพจริง ตัวของนายทักษิณ ชินวัตร จริงๆ เพราะมีการยืนยันทั้งจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายกรัฐมนตรี แต่คำถามก็คือมันเป็น “เจตนาปล่อย” ออกมาใช่หรือเปล่า และเพื่อวัตถุประสงค์ใดกันแน่

แต่หากพิจารณาจากอารมณ์ของชาวบ้าน และบรรยากาศในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่นายทักษิณ ถูกนำตัวออกมาจากเรือนจำ เพื่ออ้างว่ามารักษาอาการ “ป่วยหนัก” ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ มานานนับเดือนแล้ว มันมีแต่คำถาม และเสียงวิจารณ์ในทางลบ มากขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญ “ไม่ยอมเงียบ” เสียด้วย ทั้งที่เชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปซักพัก เรื่องราวคงเงียบ และคงค่อยๆ ซาลงไปเอง

แต่กลายเป็นว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเต็มไปด้วยคำพูดตำหนิติเตียนในเรื่อง“อภิสิทธิ์ชน” หรือ “คนไม่เท่ากัน” สารพัด เพราะนับตั้งแต่ที่อ้างว่า ต้องรักษาอาการ “ป่วยหลายโรครุมเร้า” ต้องการรักษาอย่างใกล้ชิดจากแพทย์นั้น ในสังคมภายนอกเขาก็ยังถูกจับจ้อง วิพากษ์วิจารณ์ตำหนิติเตียนอยู่ตลอดเวลา

ที่สำคัญยังมีการตั้งข้อสังเกตอีกว่า เขาป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ เพราะในความเป็นจริงแล้ว การที่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลนานติดต่อกันเกือบสองเดือนแล้ว ถือว่า“ไม่ธรรมดา” แน่นอน เพราะนั่นเท่ากับว่ามีอาการ“โคม่า” แล้ว และที่สำคัญ เป็นโรคที่แพทย์ไม่อาจรักษาให้ดีขึ้นได้เลย เนื่องจากอาการยังไม่ดีขึ้น

แต่ขณะเดียวกันอีกมุมก็เข้าใจได้ว่า หากอาการดีขึ้น และมีการแถลงออกมาจากแพทย์ มันก็ไม่มีทางเลี่ยงที่จะต้องส่งตัวกลับไปกักขังในเรือนจำ ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ดังนั้นหากใช้เวลาในการรักษาเนิ่นนานแบบนี้ ในมุมความเป็นจริงมันก็น่าห่วงเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ดี จะมีใครเชื่อแบบนี้สักกี่มากน้อย เพราะส่วนใหญ่เชื่อว่านี่คือ “แท็กติก” เพื่อที่จะใช้สำหรับข้ออ้างในการอยู่ข้างนอก ไม่ต้องถูกควบคุมในคุกหรือเรือนจำนั่นเอง

ที่ผ่านมาความเชื่อแบบนี้ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มกลายเป็นแรงกดดันต่อรัฐบาล ต่อกรมราชทัณฑ์ ในทำนองว่าเป็น “อภิสิทธิ์ชน” แม้กระทั่งลุกลามไปถึงการตั้งข้อสงสัยถึง“จรรยาแพทย์” กับการไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลของคนไข้รายนี้ โดยอ้างว่าต้องปกปิดตามหลักการ

นอกจากนี้ใน เพจเฟซบุ๊กพรรคไทยภักดี โพสต์เนื้อหาว่า กรมราชทัณฑ์ได้ส่งหนังสือมายังพรรคไทยภักดี เพื่อชี้แจงประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษ ของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร โดยระบุว่าเป็นสิทธิของผู้ต้องขังทุกรายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ซึ่งเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในการพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ ไม่สามารถเลือกปฏิบัติ ละเว้น หรือยับยั้ง การขอพระราชทานอภัยโทษของผู้ต้องขังรายใดได้ ซึ่งกรมราชทัณฑ์มีหน้าที่เพียงรวบรวมข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ประมวลข้อเท็จจริง พฤติการณ์แห่งคดี เพื่อนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ พร้อมถวายความคิดเห็นว่า ควรอภัยโทษหรือไม่ ซึ่งจากข้อชี้แจงของกรมราชทัณฑ์ พรรคไทยภักดี ขอตั้งข้อสังเกตใน 2 ประเด็น ดังนี้

1. การชี้แจงว่าเป็นสิทธิของผู้ต้องขังทุกรายตามรัฐธรรมนูญ แต่ข้อเท็จจริงในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันยังไม่มีผู้ต้องขังรายใดได้รับการอภัยลดโทษในรูปแบบนี้มาก่อน ซึ่งกระบวนการในขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะความคิดเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ถวายต่อพระมหากษัตริย์

2.กระบวนการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ใช้เวลาในการดำเนินการเพียง 10 วัน เท่านั้น ซึ่งนับเป็นเวลาที่รวดเร็วมากๆ กระบวนการดำเนินการของกรมราชทัณฑ์ในกรณีของผู้ต้องขังรายอื่นๆ จะกระทำการได้รวดเร็วอย่างนี้ หรือไม่?

จากข้อสังเกตทั้ง 2 ประการ อย่างไร กรมราชทัณฑ์ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าเป็นกระบวนการพิเศษที่ไม่ปกติแน่นอน เป็นการให้อภิสิทธิ์เฉพาะราย และเมื่อรวมกับพฤติกรรมของกรมราชทัณฑ์ ที่ให้อภิสิทธิ์แก่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ในการนำตัวออกไปรักษาในชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ไปพำนักพักอาศัยในโรงพยาบาลตำรวจนับเป็นเวลามากกว่า 50 วันแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นกรณีพิเศษอย่างยิ่ง เป็นอภิสิทธิ์ชน ที่มีสิทธิเหนือกว่าผู้ต้องขังรายอื่นๆ อย่างชัดเจน

แรงกดดันดังกล่าวมา ถือว่ายังไม่ยอมจางหายไปง่ายๆ ในทางตรงข้ามกลับมีท่าทีเข้มข้นกว่าเดิม ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน มากขึ้นเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าอาจยังเป็นช่วงที่รัฐบาลเพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน อารมณ์ความไม่พอใจของชาวบ้าน ยังไม่สะสมมากพอก็เป็นได้

ดังนั้น เมื่อเริ่มมีแรงกดดันจากสังคมที่ยังมีมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้หรือเปล่า ที่จำเป็นต้อง “ปล่อยภาพหลุด” ของ นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาในช่วงเวลาแบบนี้ ทางหนึ่งเป็นการยืนยันให้เห็น “เขายังป่วย”อยู่ และภาพที่ต้องไปทำสแกน ทีซีสมอง มันก็เหมือนแสดงให้เห็นว่า “ยังป่วยหนัก” เหมือนกับว่าต้องการสื่อออกไปว่า ยังจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดต่อไป หรือเปล่า สรุปก็คือ ยังไม่กลับเข้าคุก อะไรประมาณนั้น

แต่อีกด้านหนึ่ง รับรองว่าต้องมีสังคมไม่น้อยที่ฟันธงได้ว่า นี่คือ “การแสดง” หรือ “แม้วการละคร” ตามที่มีเหน็บแนมเสียดสีกันออกมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะแพทย์ไม่มีการแถลงรายละเอียดออกมา โดยอ้างเรื่องความลับของคนไข้ มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ในทางลบ อีกทั้งที่ผ่านมามันก็ทำให้เข้าใจได้ตลอดเวลาว่านี่คือ “นักโทษเทวดา” !!


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *