2 หมอสหรัฐฯคว้ารางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลปี 66 วิจัยสู่ยารักษามะเร็ง-โรคตา-เครื่องประเมินพิษยาพาราฯ


เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่โรงพยาบาลศิริราช ศ.นพ.อภิชาติ  อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะรองประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วย นางกาญจนา  ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ และศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ประธานคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันแถลงผลการตัดสินผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ครั้งที่ 32 ประจำปี 2566

สำหรับผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2566  ทั้งสิ้น 92 ราย จาก 31 ประเทศ  คณะกรรมการมีมติตัดสินให้ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ สาขาการแพทย์ คือ ศ.นพ.นาโปเลโอเน เฟอร์รารา (Napoleone Ferrara, M.D.) ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ภาควิชาจักษุวิทยาและพยาธิวิทยา รองผู้อำนวยการอาวุโสด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ศูนย์มะเร็งมัวรส์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียแซนดิเอโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา/อิตาลี  ส่วนผู้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ สาขาการสาธารณสุข คือ ศ.นพ.แบร์รี่ เอช. รูแมค (Barry H. Rumack, M.D.) ศาสตราจารย์เกียรติคุณ สาขากุมารเวชศาสตร์ และเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคโลราโด สหรัฐอเมริกา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  เสด็จฯ แทนพระองค์ พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2566  ในวันที่ 24 ม.ค. 2567 ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท  

ทั้งนี้ ศ.นพ.นาโปเลโอเน เฟอร์รารา ซึ่งได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ปี 2566 สาขาการแพทย์ เป็นผู้ค้นพบและสกัดโปรตีนวีอีจีเอฟ ที่มีฤทธิ์เป็นสารกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือด จึงทำการศึกษาทั้งด้านชีวเคมีและชีววิทยาโมเลกุลของโปรตีนวีอีจีเอฟ รวมถึงตัวรับโปรตีนวีอีจีเอฟชนิดต่าง ๆ และกลไกในการกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่ทั้งในภาวะปกติ และภาวะที่เกิดพยาธิสภาพที่สำคัญคือโรคมะเร็งบางชนิด และโรคศูนย์กลางจอตาเสื่อมจากอายุ หรือโรคเอเอ็มดี ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวนำไปสู่การพัฒนายาชนิดแอนติบอดีต่อโปรตีนวีอีจีเอฟ ได้แก่ ยาบีวาซิซูแมบ (เอวาสติน) รักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะที่มีความรุนแรงร่วมกับมีการสร้างหลอดเลือดอย่างหนาแน่น ได้แก่ มะเร็งสมอง มะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ และมะเร็งลำไส้ นอกจากนี้ยังเป็นองค์ประกอบในการผลิตยารานิบิซูแมบ (ลูเซนติส) ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่ป่วยโรคเอเอ็มดีด้วย ทั้งนี้ ผลสำเร็จจากการศึกษาเกี่ยวกับโปรตีนวีอีจีเอฟ และการรักษาด้วยยาแอนติบอดีต่อโปรตีนวีอีจีเอฟถูกนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง และโรคตาอย่างกว้างขวาง เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยของผู้ป่วยหลายล้านคนทั่วโลก

ขณะที่ ศ.นพ.แบร์รี่ เอช. รูแมค ผู้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ สาขาการสาธารณสุข เป็นผู้มีความสนใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเภสัชวิทยาและพิษวิทยาของยาพาราเซตามอล ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะตับวายเฉียบพลัน 40-70% ของผู้ป่วยทั่วโลก โดยรวบรวมผู้ป่วยจากพิษยาพาราฯ เกินขนาด 64 กรณี มาสร้างภาพกราฟ และประดิษฐ์เป็นเครื่องมือประเมินความเสี่ยงและวินิจฉัยผู้ป่วยภาวะพิษจากยาพาราฯ เฉียบพลันที่เรียกว่า Rumack–Matthew Nomogram  ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2518 และใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและรักษาภาวะพิษจากยาพาราฯ เกินขนาดแบบเฉียบพลันได้อย่างเหมาะสม นำมาสู่แนวทางการรักษาที่เป็นมาตรฐานสากลในการรักษาภาวะพิษจากยาพาราฯ และยังประยุกต์ใช้เครื่องมือนี้ร่วมกับประสิทธิภาพของยาเอ็น อะซิติลซิสเตอีน (N-acetylcysteine) ต้านพิษ ช่วยลดภาวะตับอักเสบชนิดรุนแรงจากยาพาราฯ  ลดอุบัติการณ์จาก 54% เหลือเกือบ 0% นอกจากนี้ ศ.นพ.แบร์รี่ เอช. รูแมค ยังเป็นผู้พัฒนาและบุกเบิกการใช้ Poisindex ซึ่งเป็นฐานข้อมูลดิจิทัลทางด้านพิษวิทยาคลินิก ที่ใช้อ้างอิงในการรักษาผู้ป่วยด้วยข้อมูลที่แม่นยำและทันสมัยในโรงพยาบาลและศูนย์พิษวิทยาทั่วโลก สร้างคุณประโยชน์ช่วยชีวิตมนุษยชาติจำนวนมาก.


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *