
เศร้า รถรับส่งนักเรียน ทับขาเด็กวัย 13 หัก ในโรงเรียน พ่อโวยลงโซเชียล เจอ ร.ร.ขอให้ลบ
เมื่อวันที่ 16 กันยายน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ไปพบกับนายนที รุ่งเรือง อายุ 47 ปี กำลังดูแลเด็กชายวี (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ลูกชายที่ถูกรถกระบะรับส่งนักเรียนทับจนขาหัก ตามภาพที่ปรากฏในภาพวงจรปิด ที่ยังคงต้องพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน
เด็กชายวี 13 ปี เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่โรงเรียนเลิกแล้ว ได้นั่งอยู่บริเวณลานกีฬาของโรงเรียนเพื่อนั่งดูเพื่อนๆ เล่นกีฬากัน จู่ๆ รู้สึกเหมือนมีอะไรมากระแทกที่หลัง จึงก้มหลังลง แล้วก็ถูกทับไปที่ใต้ท้องรถตกใจ และเจ็บที่ขามาก ตัวเองอยู่ที่ใต้ท้องรถ จากนั้นมีคนขับรถและเพื่อนๆ มาช่วยกันเอาตัวออกมาจากใต้ท้องรถแล้วนำส่งโรงพยาบาล
นายนทีกล่าวว่า วันเกิดเหตุตนทำงานอยู่ ได้รับแจ้งว่าลูกชายถูกรถชนจึงรีบกลับมาดูที่โรงพยาบาล เห็นภาพลูกร้องบ่นเจ็บที่ขาแล้วสงสารมาก ทราบจากทางแพทย์ว่า กระดูกที่ขาข้างขวาหักจำนวน 2 ท่อน และได้ดูภาพภาพกล้องวงจรปิดและคำบอกเล่าของลูกชาย ว่าวันเกิดเหตุเลิกเรียนแล้ว มานั่งดูเพื่อนเล่นกีฬากัน จังหวะเดียวกับรถรับส่งนักเรียนที่จอดอยู่ภายในลานขยับรถออกมาแล้วมาทับลูกชายที่นั่งอยู่ จนมุดไปใต้ท้องรถ ช่วงที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล มีครูประจำชั้นและเพื่อนของลูกชายมาเยี่ยม ส่วนคนขับรถรับส่งนักเรียน ได้มาแสดงความรับผิดชอบและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“สิ่งที่ตนไม่สบายใจคือไม่มีทางผู้บริหารของโรงเรียนมาเยี่ยมเยียนลูกของตนที่นอนเจ็บอยู่ที่บ้าน จึงได้นำเรื่องราวโพสต์ลงโซเชียล ทางโรงเรียนได้โทรศัพท์มาบอกให้ตนลบโพสต์ และบอกว่าที่ยังไม่มีใครมาเนื่องจากผู้บริหารมีญาติเสียชีวิต ติดภารกิจจัดการเรื่องการประกอบพิธีทางศาสนา ที่ตนทราบมา ผู้บริหารของโรงเรียนเป็นมุสลิม การประกอบพิธีทางศาสนาเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น จะมาอ้างว่าไม่มีเวลาได้อย่างไร ตนไม่ได้เรียกร้องอะไร เพียงอยากให้ทางผู้บริหารได้แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีมาเยี่ยมมาให้กำลังใจนักเรียน ผู้ปกครอง มาบอกเล่าเหตุการณ์ว่าจะมาหามาตรการในการป้องกันอย่างไร ดีที่อุบัติเหตุไม่ได้กับขึ้นกับเด็กเล็กอาจจะเกิดการสูญเสียมากกว่านี้”
“ส่วนอาการบาดเจ็บของลูกชาย ยังคงต้องนอกพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ยังเดินไม่ได้ ต้องคอยดูแลกันอยู่ โดยทางแพทย์จะนัดเพื่อไปเข้าเฝือกเชื่อมต่อกระดูกที่หัก อยากฝากบอกกับผู้บริหารของโรงเรียนว่า ไม่สมควรให้ รถรับส่งนักเรียน หรือรถผู้ปกครองเข้ามาจอดภายในบริเวณโรงเรียน เพราะอาจจะเกิดอันตรายกับนักเรียน ขอให้เป็นเคสสุดท้าย เพราะอาจจะไม่โชคดีเหมือนอย่างลูกของตน”

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่