พ้อการเมืองมีแต่เรื่องผลประโยชน์ ‘อดีตรองอธิการ มธ.’ ขอพักไปสนใจเรื่องอาหารดีกว่า


17 ก.ย.2566-รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ระบุว่า น่าเห็นใจท่านนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย คุณเศรษฐา ทวีสินอย่างยิ่ง เห็นข่าวว่ามีคำสั่งแต่งตั้งคุณนลินี ทวีสินเป็นที่ปรึกษา ให้ทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย ก็นึกว่าอย่างน้อยก็มีสิทธิ์เลือกผู้ร่วมงานได้เองสักตำแหน่ง ที่ไหนได้ ข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่า คุณนลินี แม้ใช้นามสกุลทวีสิน แต่ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณเศรษฐาแล้วแม้แต่น้อย 

นายกรัฐมนตรีที่ต้องทำงานกับครมที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนเลือก แม้กระทั่งคณะที่ปรึกษาทั้งชุดก็ดูเหมือนว่า นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้เป็นคนเลือกเอง เช่นนี้นายกรัฐมนตรีจะทำงานอย่างมีความสุขและได้ผลงานอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยได้อย่างไร  เห็นท่านโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าจะยกเลิกคำสั่งของรัฐบาลคสช. ที่อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 และก็ว่า สามารถทำได้โดยไม่ต้องนำเข้ารัฐสภาเพราะนายกรัฐมนตรี และครม.เป็นความเป็นรัฏฐาธิปัตย์  แต่ถ้าไปดูความหมายของคำว่า “รัฏฐาธิปัตย์” ก็จะพบว่า รัฏฐาธิปัตย์หมายถึงผู้ถืออำนาจสูงสุดของรัฐนั่นคืออำนาจอธิปไตย ซึ่งมีอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ ดังนั้นคำสั่งของนายกรัฐมนตรีหากเป็นรัฎฐ่ธิปัตย์ ก็ต้องถือเป็นกฏหมาย ถามว่าคำสั่งของนายกรัฐมนตรีเศรษฐาเป็นกฎหมายหรือไม่ คำตอบคือ ไม่อย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลมีอำนาจบริหารเท่านั้น อำนาจนิติบัญญัติย่อมเป็นของรัฐสภา ความเข้าใจท่านโฆษกซึ่งความเชี่ยวชาญของท่านก็น่าจะเป็นความเชี่ยวชาญทางด้านการตรวจรักษาสัตว์ น่าจะเป็นความเข้าใจที่สับสนเสียแล้ว

มีข่าวว่า คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้เหตุผลอย่างหล่อๆว่า ต้องการทำเพื่อส่วนรวมไม่ใช่เพื่อส่วนตัว เพื่อให้พรรคก้าวไกลได้มีโอกาสเลือกคนที่จะทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านได้สะดวก คำว่าส่วนรวมของคุณพิธาจึงน่าจะหมายถึงส่วนรวมของพรรคก้าวไกล ไม่ได้หมายถึงส่วนรวมของประเทศชาติกระมัง เพราะถ้าจะเก็บตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไว้โดยใช้วิธีแสดงละคร ขับนายประดิพัทธ์ สันติภาดาออกจากพรรค เพื่อสามารถไปสมัครเข้าพรรคเป็นธรรมซึ่งเสมือนเป็นสาขาของพรรคก้าวไกลได้ เพื่อให้พรรคก้าวไกลได้เก็บตำแหน่งทั้งรองประธานรัฐสภาและตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไว้ จะเป็นการเล่นละครที่น่าเกลียดเกินไป และยิ่งไม่ใช่เป็นการทำเพื่อประเทศชาติโดยรวม แต่เพื่อพรรคก้าวไกลล้วนๆ หากพรรคก้าวไกลกล้าทำเช่นนี้ ก็อย่าได้คุยโม้อีกเลยว่าเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ที่ที่มีอุดมการณ์ ต้องการทำการเมืองใหม่ให้ดีขึ้น ไม่น้ำเน่าเหมือนที่เป็นอยู่

มาถึงพรรครวมไทยสร้างชาติกันบ้าง เรื่องการเปิดโอกาสให้นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากต่างประเทศ ฟังดูก็ดี หากจะเป็นการลดการผูกขาดและเปิดให้มีการแข่งขันมากขึ้นได้จริง แต่ก็อดมีความคลางแคลงไม่ได้เพราะขณะนี้ก็เป็นที่หายสงสัยกันแล้วว่า พรรครวมไทยสร้างชาติไปเอาเงินทุนมาจากไหนจึงตั้งพรรคและทำพรรคให้เป็นพรรคขนาดกลางได้อย่างรวดเร็ว ส่งผู้สมัครส.ส.ได้ทุกจังหวัดทุกเขต และทำไมพรรครวมไทยสร้างชาติจึงต้องต่อรองจนได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ทำให้มีความคลางแคลงใจว่า การเปิดให้นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอย่างเสรีจะเป็นการเอื้อประโยชน์อะไรให้กับนายทุนพรรคและทำให้ประเทศเสียประโยชน์หรือไม่ ซึ่งเราก็ต้องคอยติดตามดูกันต่อไป

สรุปแล้ว การเมืองไทยยังไม่เคยดีขึ้นได้เลย ตรงกันข้ามยิ่งวันกลับยิ่งแย่ลง ผลประโยชน์เป็นเรื่องที่ต้องมาก่อนเรื่องอื่น การเจรจาต่อรองกันทั้งหมดล้วนไม่ใช่เพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง แต่เพื่อประโยชน์ของพรรค ของผู้สนับสนุนพรรคหรือเจ้าของพรรค และเพื่อตัวเองกันทั้งสิ้น การเมืองในขณะนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนี้ เห็นทีจะต้องขอพักเรื่องการเมืองไว้ชั่วคราวนะครับ โพสต์หน้าจะลงเรื่องอาหารบ้าง และหากมีคนสนใจมากพอ ก็จะใช้เวลาว่างหันมาทำตำราอาหารกันกับเขาบ้าง ถ้าทำจริงๆจะแจ้งให้ทราบนะครับ โปรดติดตาม

เพิ่มเพื่อน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *